“ท่านคือผู้อาวุโสเซวียหรือ?” หลิ่วหมิงขยับร่างวูบเดียวก็มายืนเบื้องหน้าบุรุษใบหน้าเหลี่ยมห่างไปสองสามจั้ง จากนั้นกวาดจิตสัมผัสผ่านบนร่างของเขา
บุรุษวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมผู้นี้เห็นชัดว่าเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นปลายคนหนึ่ง อยู่ห่างจากระดับแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น
ระหว่างที่ในใจเขาตกตะลึงก็อดไม่ได้ประหลาดใจอยู่บ้าง คนผู้นี้ระดับพลังสูงเช่นนี้เหตุใดยังยินยอมเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงแฝงกายอยู่ในกองทัพผีร้ายเช่นนี้ ต้องรู้ว่าหากตัวตนถูกเปิดเผยออกไปจุดจบแทบจะเป็นตายสถานเดียว
นอกจากนี้คนผู้นี้ระดับพลังสูงส่งเช่นนี้อยู่ในกองทัพผีร้ายย่อมไม่ใช่ผีไร้ตัวตนอันใด กลับปิดบังการตรวจสอบของเบื้องบนในกองทัพผีร้ายรวมถึงภูตอนธการมาได้?
“ไม่ผิด ข้าก็คือเซวียหู ท่านคือหลิ่วหมิงศิษย์น้องที่กองทัพส่งมาครั้งนี้หรือ?” บุรุษวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมมองสำรวจหลิ่วหมิงจากหัวจรดเท้ารอบหนึ่งแล้วอ้าปากถาม เสียงแหบพร่าเมื่อถูกสายฝนสีเลือดและป่าเวิ้งว้างผืนนี้ขับเน้นยิ่งฟังประหลาดอย่างยิ่ง
หลิ่วหมิงไม่ตอบเพียงพลิกมือเรียกป้ายคำสั่งสีทองแผ่นหนึ่งออกมา แล้วอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งลงไปในนั้น
เพียงครู่เดียวป้ายคำสั่งสีทองก็ปรากฏลวดลายจิตวิญญาณคดเคี้ยวเลือนรางบนผิวแล้วจำลองภาพศีรษะที่ชัดเจนอย่างยิ่งศีรษะหนึ่งออกมา นั่นคือหน้าตาของหลิ่วหมิงนั่นเอง ด้านล่างยังมีอักขระโบราณบูดเบี้ยวอีกแถวหนึ่ง
“ฟึบ” หลิ่วหมิงกระตุ้นป้ายคำสั่งเรียบร้อยก็โยนไปฝั่งตรงข้าม
“ดีมาก ดูแล้วตัวตนของเจ้าไม่มีปัญหา ถ้าเช่นนี้ ข้า…”
บุรุษวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมรับป้ายคำสั่งไว้แล้วตรวจสอบอย่างละเอียด เขามองหลิ่วหมิงตรงหน้าอีกหลายหนแล้วจึงพยักหน้า ขณะที่กำลังจะอ้าปากเอ่ยพูด ทันใดนั้นใบหน้าก็บิดเบี้ยวเผยสีหน้าทุกข์ทรมานออกมาเล็กน้อย ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นมาทันใด
หลิ่วหมิงเห็นสภาพเช่นนี้ ในใจพลันหวาดผวา รีบถอยหลังไปสองก้าวทันที พร้อมกันนั้นดวงตาก็ฉายแววระแวดระวังออกมา
บุรุษวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมหอบหายใจแผ่วเบาราวสัตว์ป่าอยู่หลายครั้ง หลังจากใบหน้าบิดเบี้ยวอยู่พักหนึ่ง เขาก็พลิกมือข้างหนึ่งเรียกคัมภีร์หยกสีเทาอ่อนชิ้นหนึ่งออกมาแล้วตวัดมือโยนไปให้หลิ่วหมิง
“ข่าวที่เกี่ยวข้อง ข้าบันทึกไว้ในคัมภีร์หยกทั้งหมดแล้ว เจ้าจงรีบ…นำมันไปจากที่นี่” บุรุษหน้าเหลี่ยมเริ่มมีปราณสีดำชั้นหนึ่งแผ่บนใบหน้า บนร่างก็ค่อยๆ แผ่ลมปราณดุร้ายเย็นยะเยือกสายหนึ่งออกมาด้วย คำพูดที่เอ่ยออกมาแทบจะพูดคำหนึ่งหยุดครั้งหนึ่ง
หลิ่วหมิงรับคัมภีร์หยกแล้วแทรกจิตสัมผัสเข้าไปด้านในเล็กน้อย คิ้วเรียวเลิกขึ้นก่อนจะพยักหน้าเก็บคัมภีร์หยกไป แต่เมื่อมองไปทางบุรุษหน้าเหลี่ยมที่ทำสีหน้าทุกข์ทรมาน เขาก็เอ่ยถามอย่างลังเล
“ผู้อาวุโสเซวีย ท่านไม่เป็นอะไรนะ?”
“ข้าไม่เป็นไร รีบไปจากที่นี่เร็ว! เร็ว!” บุรุษวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมสีหน้าเหมือนกำลังดิ้นรนราวกับว่าถูกบางอย่างทรมานจนยากจะทานทน ทันใดนั้นเขาก็ร้องคำรามดุดัน
หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อย แม้ไม่รู้ว่าร่างกายของคนตรงหน้าผู้นี้เป็นอะไรไป แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยินดีเอ่ยถึง ตัวเขาที่เวลานี้อยู่ในสถานที่อันตรายย่อมไม่ว่างยุ่งเรื่องนี้ เขาประสานมือให้อีกฝ่ายทันที จากนั้นบนร่างพลันเปล่งแสงสีดำ ทั้งร่างถูกหมอกสีดำกลุ่มหนึ่งหุ้มไว้แล้วเหาะเลียดพื้นมุ่งไปยังทางที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ฝนกัดกร่อนเทลงมา พื้นดินปกคลุมไปด้วยไอหมอกสีเลือดจางๆ ชั้นหนึ่งทำให้เขาไม่จำเป็นต้องจงใจเก็บซ่อนร่องรอย หลังจากอ้อมหอสูงหลังหนึ่งด้านหน้าเขาก็เหาะมุ่งไปไกลต่ออย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ออกจากเขตป้อมปราการภูเขายักษ์
หลังออกจากป้อมปราการภูเขายักษ์ หัวใจที่ขมวดเกร็งมาตลอดของเขาก็คลายออกเล็กน้อย ต่อจากนี้เหลือแค่นำคัมภีร์หยกกลับไปยังเมืองจินกวังเท่านั้น เขาก็นับว่าสร้างความชอบครั้งใหญ่ ทำภารกิจสำคัญที่กองทัพมอบหมายให้ครั้งนี้สำเร็จแล้ว ไม่อาจไม่บอกว่ารางวัลแต้มคุณูปการหนึ่งล้านแต้มเพียงพอทำให้เขาตื่นเต้นยินดี
ในตอนนี้เอง หลังร่างพลันมีเสียงหวีดหวิวไล่ตามมาใกล้ๆ ปราณวิญญาณสีดำกลุ่มหนึ่งเหาะเร็วรี่มาจากด้านหลัง ไม่กี่ลมหายใจก็อยู่ห่างด้านหลังเขาไม่ถึงหนึ่งร้อยจั้ง
หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันใด ร่างกายขยับวูบเดียวร่อนลงไปเบื้องล่าง
ปราณดำที่ไล่ตามมาหักเลี้ยวกะทันหันแล้วไล่ตามลงมา
เมื่อปราณดำร่อนลงบนพื้น แสงรัศมีก็สลายไปเผยให้เห็นร่างของคนด้านใน เขาก็คือบุรุษหน้าเหลี่ยมก่อนหน้านี้นั่นเอง
“ผู้อาวุโสไล่ตามมาตอนนี้ มีเรื่องใดต้องการสั่งข้าอีกหรือไม่?” หลิ่วหมิงเอ่ยถามอย่างงุนงง
บุรุษวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมฝั่งตรงข้ามมีไอหมอกสีเทาหนาทึบล้อมอยู่ทั่วร่าง บนใบหน้าเห็นชัดว่าไม่มีสีหน้าทุกข์ทรมานอย่างก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าเขากลับไม่เอ่ยปากตอบทันที เอาแต่นิ่งงันมองหลิ่วหมิงที่อยู่ตรงหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา