“แย่แล้ว เผ่าผีโหดกับเผ่าวิญญาณเขมือบ เจ้าพวกนั้นฉวยโอกาสที่ชุลมุนเมื่อครู่ ทิ้งกองทัพหนีไปโดยพลการแล้ว” ผีแม่ทัพใหญ่ร่างกำยำที่เงียบงันไร้วาจามาตลอด หันไปมองทิศทางหนึ่งด้านหลังแล้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึม
ผีแม่ทัพใหญ่คิ้วแดงกับผีแม่ทัพใหญ่เกราะกระดูกสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พวกเขาหันไปมองก็เห็นกองทัพผีร้ายด้านหลังพวกเขาจำนวนลดลงไปไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด ภูตผีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยผละออกจากกองทัพใหญ่เหาะหนีไปไกลไม่หยุด
กองทัพผีร้ายที่เดิมทีมีเกือบหมื่นตน พริบตาเดียวลดลงไปสามส่วน!
“เจ้าพวกแล่นเรือตามลมพวกนี้!” ผีแม่ทัพใหญ่เกราะกระดูกกำหมัดจนข้อนิ้วลั่น
“ช่างเถอะ เดิมทีก็ไม่ได้คาดหวังกับเจ้าพวกนั้นอยู่แล้ว รอเสร็จศึกนี้ ค่อยไปคิดบัญชีกับพวกเขาก็ไม่สาย ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจพวกเขาแล้ว” ผีแม่ทัพใหญ่คิ้วแดงโบกมือ
ผีแม่ทัพใหญ่เกรากระดูกพ่นลมหายใจด้วยความชิงชัง เขาไม่มองไปด้านหลังอีก แต่หันไปประจันหน้ากับป้อมปราการไท่เทียนที่อยู่ด้านหน้า
“ทุกท่านไม่ต้องกังวลใจ เมื่อครู่ข้าได้รับข่าวว่าปลดผนึกสิบสองรากษสแห่งอารามต้องห้ามสำเร็จแล้ว ลี่เสวียนกำลังเร่งเดินทางมาที่นี่ คาดว่าใกล้จะถึงแล้ว” เสียงของผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินดังขึ้น แผ่นค่ายกลส่งสารแผ่นหนึ่งในมือค่อยๆ ดับแสงลง
“พูดจริงหรือ?” ผีแม่ทัพใหญ่คิ้วแดงได้ยินก็ดีใจอย่างยิ่ง
“แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่พวกเราก็ยังถอยไม่ได้ มิเช่นนั้นคงทัพแตกถูกไล่สังหาร มีแต่ต้องยืนหยัดให้ได้ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น พวกเราจึงจะพลิกระดานได้!” ผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินพยักหน้า พูดถึงประโยคสุดท้ายก็แทบจะพูดเว้นวรรคทีละคำ
ผีแม่ทัพใหญ่อีกสามตนต่างพยักหน้า
คำสั่งถูกถ่ายทอดลงไปอย่างรวดเร็ว กองทัพผีร้ายหลายพันตนที่ยังเหลืออยู่เริ่มเปลี่ยนรูปกระบวนทัพ พริบตาเดียวแยกออกไปกระบวนทัพป้องกันเจ็ดถึงแปดกอง
ในแต่ละกองทัพมีผีร้ายรวมอยู่ด้านในเกือบหนึ่งพันตน เรียงเป็นแถวทอดต่อกันยาวสิบกว่าลี้
ผู้เฒ่าจมูกแดงกับบุรุษวัยกลางคนแซ่เว่ยกำลังหารืออะไรบางอย่างอยู่เหนือศีรษะมนุษย์ทองคำยักษ์ มนุษย์ทองคำยักษ์เบื้องล่างยังไม่ขยับรุกคืบ ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์อีกสามคนลอยอยู่เหนือกองกำลังผู้ฝึกฝน การเคลื่อนไหวของกองทัพผีร้ายย่อมอยู่ในสายตาของพวกเขาทั้งหมด
“แปลก พวกเขากลับไม่หนี หรือคิดจริงๆ ว่าอาศัยกองทัพน้อยนิดจะต้านพลทหารสวรรค์แสงทองได้?” ผู้เฒ่าแซ่ฝางจากนิกายเทียนกงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
หลังค่ายกลสุสานผีประตูดำที่ป้อมปราการไท่เทียนถูกทำลาย ตอนนี้ชั้นจำกัดส่งสารในเมืองก็ฟื้นกลับมาทำงานแล้ว พวกเขาได้รับแจ้งทันทีว่าหุ่นเทพอนธการของเมืองขุ่ยเหล่ยกับกิ้งก่ามารคลั่งของเมืองฝูหมัวกำลังเร่งเดินทางมาที่นี่ จึงไม่เห็นกองทัพผีตรงหน้าอยู่ในสายตา
“อย่าได้ดูถูกศัตรู กองทัพผีร้ายเป็นปริศนามาตลอด ครานี้ยกพลมามากมายเช่นนี้เกรงว่าคงมีบางสิ่งเป็นที่พึ่ง” บัณฑิตวัยกลางคนจากสำนักเฮ่าหรานเอ่ยเคร่งขรึม
เขาย่อมติดต่อกับเมืองเฮ่าชี่แล้ว บุรุษร่างใหญ่เคราเฟิ้มที่ถูกส่งให้ฝ่าวงล้อมกลับเมืองไปพร้อมกับพวกหลิ่วหมิงกลับไปไม่ถึงเมืองเฮ่าชี่ เวลานี้ก็ติดต่อไม่ได้ ในสิบมีแปดเก้าส่วนคงจะสิ้นชีวิตแล้ว
คนที่สี่ยอดนิกายใหญ่ส่งไป มีเพียงศิษย์ของสำนักเฮ่าหรานเพียงคนเดียวที่ทำงานไม่สำเร็จ ในใจเขาย่อมหดหู่ยิ่งนัก
หลังจากผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ทั้งหลายหารือกันอีกครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าจมูกแดงจากนิกายยอดบริสุทธิ์ก็เหาะขึ้นไปกลางท้องฟ้า เอ่ยขึ้นเสียงดังลั่น
“ศิษย์ทั้งหลายจงฟังคำสั่ง เคลื่อนทัพกวาดล้างกองทัพผีเหล่านี้ให้สิ้นทันที!” คำพูดของผู้เฒ่าดังขึ้นในหูของศิษย์ด้านล่างชัดเจนอย่างยิ่ง ทำให้คนทั้งหมดฮึกเหิม สายตาหันพรึ่บไปยังกองทัพผีร้ายดำทะมึนที่อยู่ไกลๆ
นอกจากศิษย์กองทัพแสงทองที่เดินทางมาช่วยเหลือ ศิษย์ทั้งหลายที่เหลือถูกกองทัพผีร้ายทรมานมาหลายวัน ยามนี้มีโอกาสระบายแค้น ในใจย่อมไฟสู้ลุกโชน!
หลิ่วหมิงที่อยู่ท่ามกลางหมู่คนพรูลมหายใจออกมาแผ่วเบา มือข้างหนึ่งยกขึ้นโบก ปราณดำบนร่างโถมทะลักออกมาแล้วเอ่ยเรียบๆ กับเสี่ยวอู่ประโยคหนึ่งว่า
“ดูท่าต่อไปจะเลี่ยงศึกอันเลวร้ายไม่ได้แล้ว ศิษย์พี่โปรดระวังตัวด้วย!”
เสี่ยวอู่พยักหน้า มือใช้เคล็ดวิชา แสงสีดำม้วนออกมาเบื้องหน้า ธงผืนใหญ่ที่ส่องแสงสีดำสิบสองคันปรากฏขึ้นมาทันที
เปรี้ยง!
ผู้อาวุโสแซ่เว่ยท่องมนตร์แผ่วเบาออกมาสองสามประโยค มนุษย์ทองคำยักษ์เบื้องล่างพลันหมุนตัวทันที ดวงแสงสีทองตรงหน้าผากส่องสว่าง ก้าวเท้าอันหนักอึ้งเกิดเสียงดังสนั่นจนแก้วหูแทบดับ เดินไปหากองทัพผีร้ายที่อยู่ไกลๆ
พวกผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์สี่คนกลายเป็นลำแสงสี่สายแยกย้ายกันยืนอยู่สองฝั่งของมนุษย์ทองคำยักษ์ ทะยานเข้าใส่กองทัพผีร้ายอย่างดุดัน
ศิษย์เกือบหนึ่งพันคนรวมทั้งหลิ่วหมิงเหาะเป็นขบวนตามหลังมนุษย์ทองคำยักษ์ไปติดๆ
กองทัพผีที่อยู่ไกลออกไปอลหม่านทันที!
ทันใดนั้นมนุษย์ทองคำยักษ์ก็เหวี่ยงแขน กระบี่แสงขนาดยักษ์ฟันกลางอากาศ แสงกระบี่สีทองมหึมาอย่างยิ่งปรากฏออกมาอีกครั้ง พาพลังดั่งจะล้มขุนเขาคว่ำสมุทร พุ่งเร็วรี่เข้าใส่กองทัพผีร้ายเกือบพันตนที่อยู่ไกลๆ
เสียงบึ๊มดังสนั่นดั่งฟ้าถล่มดินทลาย
ยามแสงสีทองพุ่งผ่าน ผืนแผ่นดินแยกออกเป็นร่องเหวยาวพันกว่าจั้งเส้นหนึ่ง ทหารผีหลายร้อยตนในบริเวณนั้นสลายเป็นเถ้าธุลีในทันที
ทหารผีทั้งหลายเห็นภาพนี้ กระบวนทัพพลันปั่นป่วน ในตอนนี้เองลำแสงสีดำสี่สายก็พุ่งมาจากด้านหลัง ประจันหน้ากับมนุษย์ทองคำยักษ์ พวกเขาก็คือพวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงิน ผีแม่ทัพใหญ่ระดับดาราพยากรณ์ทั้งสี่ตนนั่นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา