ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1063

เมื่อเห็นว่าเปลวเพลิงนี้ประหลาดเช่นนี้ ความตื่นตระหนกก็เริ่มแพร่กระจายไปในหมู่เผ่ายมโลกของเมืองเหลิ่งเยวี่ย กระทั่งผู้คุ้มกันทั้งสิบตนก็เริ่มมองหน้ากัน

หลิ่วหมิงรั้งสายตากลับมาจากด้านนอกเกราะแสงแล้วหันไปทางเหลิ่งเมิง

เขาเห็นมือที่ทิ้งอยู่ข้างตัวของเหลิ่งเหมิงกำแน่นเป็นกำปั้น ใบหน้าบิดเบี้ยวน้อยๆ แต่อึดใจต่อมาเขาพลันสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ร่างกายขยับเหาะขึ้นฟ้า ยืนประจันหน้ากับสตรีชุดสีเงินจากไกลๆ กั้นด้วยเกราะแสงจันทรกาฬ

“ฮูหยินอิ๋นถัง เมืองเหลิ่งเยวี่ยของพวกเรากับเมืองเลี่ยเยี่ยนของพวกท่านไม่เคยขัดแย้งกัน ข้าไม่ทราบว่าเจ้าเมืองหานสุ่ยสัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์อันใดให้พวกม่าน แต่ขอเพียงคนของท่านถอยไปจากที่นี่ ข้าจะชดเชยให้พวกท่านเป็นสองเท่า” เหลิ่งเหมิงประสานมือเอ่ยกับสตรีอารณ์สีเงิน แต่ละถ้อยคำกังวานทรงพลัง

สตรีชุดสีเงินฟังจบกลับยิ้มเย็นชาประหนึ่งไม่ได้ยิน แขนข้างหนึ่งสะบัดสั่งลูกน้องให้โจมตีต่อ

บุรุษร่างยักษ์สีฟ้าที่อยู่อีกด้านเห็นสถานการณ์เช่นนี้กลับหัวเราะฮ่าดังลั่น แววตาเย้ยหยันฉายชัดในดวงตาโดยไม่ต้องพูด

เหลิ่งเหมิงสีหน้าย่ำแย่ยิ่งนักในทันที

เผ่ายมโลกชุดเกราะสีเงินสิบกว่าตนที่ยืนอยู่กลางอากาศยังคงปล่อยเพลิงกระดูกขาวกลืนวิญญาณออกมาไม่หยุด ผ่านไปไม่นานเกราะป้องกันจันทรกาฬเกือบครึ่งก็ถูกเปลวเพลิงสีขาวแผ่ปกคลุมเป็นกองๆ ความสว่างของเกราะป้องกันจันทรกาฬลดทอนลงครึ่งหนึ่ง

อีกด้านหนึ่งหุ่นยักษ์สิบกว่าตัวของเมืองหานสุ่ยก็ยังเหวี่ยงแขนขาโจมตีเกราะป้องกันจันทรกาฬอย่างรุนแรงดังโครมครามไม่หยุด

ในสภาพที่พลังของฝั่งศัตรูกับฝั่งเราแตกต่างกันมาก แม้ขบวนคุ้มกันเผ่ายมโลกห้าร้อยตนของเมืองเหลิ่งเยวี่ยจะทุ่มกำลังทั้งหมดคงสภาพเกราะป้องกัน แต่ก็ไม่อาจหยุดเกราะจันทรกาฬที่บางลงทุกทีได้

ทันใดนั้นเสียงบึ๊มก็ดังกังวาน ในที่สุดเกราะแสงจันทรกาฬก็แตกกระจายดังกึกก้อง

เผ่ายมโลกจากเมืองหานสุ่ยกับเมืองเลี่ยเยี่ยนโห่ร้องยินดีทันที กองทัพใหญ่เผ่ายมโลกพันกว่าตนเหาะขึ้นฟ้าโถมเข้าหาผู้คนจากเมืองเหลิ่งเยวี่ยดุจคลื่นน้ำในทันใด

ผู้คนจากเมืองเหลิ่งเยวี่ยเห็นเกราะป้องกันจันทรากาฬถูกทำลาย หัวใจพลันหนักอึ้ง พวกเขามองศัตรูเกือบสองเท่าที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตี คนไม่น้อยเผยแววตาสิ้นหวัง

“อย่าตระหนก! ทุกคนฟังคำสั่ง ให้หัวหน้ากองเป็นแกนกลาง ตั้งกระบวนทัพรับศัตรู!” ในตอนนี้เองเสียงกังวานทรงพลังของเหลิ่งเหมิงก็ดังขึ้น เสียงดังลั่นแทบจะกลบเสียงตะโกนเอะอะไปชั่วขณะ ทำให้ทุกคนสงบใจลง

หลิ่วหมิงเลิกคิ้วแล้วมองเหลิ่งเหมิงอย่างประหลาดใจ

คำพูดของคนผู้นี้ยามนี้กลับมีพลังประหลาดบางอย่างส่งผลต่อจิตใจของผู้อื่นอยู่เลือนราง

ขบวนคุ้มกันเผ่ายมโลกห้าร้อยตนของเมืองเหลิ่งเยวี่ยได้ยินก็พากันขยับร่างตอบสนองทันที พวกเขารวมตัวตั้งกระบวนทัพอย่างรวดเร็ว

ในเวลาสั้นๆ ห้ากองทัพเล็กก็ตั้งทัพเป็นรูปวงกลมห้าวงที่มีเหลิ่งเหมิงเป็นใจกลาง ตั้งรับศัตรูที่โถมเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ

ทหารสองฝ่ายประจันหน้ากัน เสียงพลังเวทปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้น แสงหลากสีของวิชาต่างๆ พุ่งเร็วรี่ทั่วท้องฟ้า การรบรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อครู่

หุ่นยักษ์สิบกว่าตัวของเมืองหานสุ่ยเวลานี้กลายเป็นแสงสีดำเส้นแล้วเส้นเล่าโถมเข้าใส่กระบวนทัพทั้งห้ากองของเมืองเหลิ่งเยวี่ย เผ่ายมโลกชุดเกราะสีเงินที่ปล่อยเพลิงกระดูกขาวกลืนวิญญาณสิบกว่าตนนั้นจากเมืองเลี่ยเยี่ยนเวลานี้สีหน้าแต่ละตนกลับซีดเผือดยิ่งนัก ท่าทางเหมือนพลังปราณเสียหายอย่างหนัก หลังจากเก็บธงใหญ่สีเงินในมือก็ถอยกลับมาหลังร่างสตรีอาภรณ์สีเงิน

ในตอนที่เผ่ายมโลกมากมายรอบตัวรบกันชุลมุนอยู่นั่นเอง ผู้คุ้มกันที่ได้รับเลือกมาทั้งสิบตนเช่นพวกหลิ่วหมิงกลับนิ่ง พวกเขายังคงยืนอยู่หลังร่างเหลิ่งเหมิง

เพราะพวกเขาล้วนรู้ดีว่า แม้ทุกครั้งกลุ่มอำนาจใหญ่ทั้งหลายจะส่งขบวนเกียนรติยศหลายร้อยตนออกมาอย่างยิ่งใหญ่อลังการ แต่ความจริงของบรรณาการชิ้นสำคัญล้วนอยู่ที่ตัวหน้าหน้าขบวน

หรือพูดอีกอย่างก็คือสิ่งอื่นที่เหลือเมืองเหลิ่งเยวี่ยล้วนสละได้ มีแต่เหลิ่งเหมิงเท่านั้นที่เสียไปไม่ได้

งานของพวกเขาสิบตนในครั้งนี้ก็คือรับประกันว่าเหลิ่งเหมิงจะไปถึงเมืองปี้โยวอย่างปลอดภัยไร้อันตราย

เวลานี้สายตาของหลิ่วหมิงกำลังกวาดผ่านกองทัพเผ่ายมโลกเมืองเหลิ่งเยวี่ยทั้งห้ากองรอบด้านอย่างเชื่องช้า

การตั้งทัพเหล่านี้คล้ายกับรูปแบบการตั้งทัพของกองทัพผีร้ายอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าสองฝ่ายมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่

ศึกชุลมุนเริ่มขึ้นได้ไม่นานนัก คนของเมืองเหลิ่งเยวี่ยก็ถูกกดดันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าด้านจำนวนคนหรือพลังโดยรวมพวกเขาล้วนตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด

แต่โชคดีที่ขบวนคุ้มกันของเมืองเหลิ่งเยวี่ยตั้งกระบวนทัพได้ทันเวลา พลังเวทบนร่างผู้ฝึกฝนร้อยกว่าคนในแต่ละกองทัพรวมเข้าด้วยกัน ดังนั้นแม้ถูกผู้อื่นกดดันแต่ก็ยังต้านทานได้ชั่วเวลาหนึ่ง

บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าจากเมืองหานสุ่ยกอดอกลอยอยู่ด้านหลัง เขามองแสงสว่างหลายสีบินว่อนเต็มฟ้าทางด้านหน้า ในที่สุดใบหน้าก็เผยสีหน้าอดรนทนไม่ไหวออกมา

แม้กองทัพใหญ่ของเมืองหานสุ่ยจะกดดันผู้คุ้มกันของเมืองเหลิ่งเยวี่ยได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่กระบวนทัพของอีกฝ่ายยังอยู่ ในเวลาสั้นๆ ย่อมไม่อาจถล่มอีกฝ่ายให้สิ้นซากได้

กองทัพใหญ่ของเมืองเลี่ยเยี่ยนด้านข้างก็สถานการณ์ใกล้เคียงกัน

เวลาผ่านไปทีละน้อย ในใจบุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าเริ่มรู้สึกร้อนรน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา