ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1077

ภายในมิติสีเทาของ “กรงขัง” เงาคนวูบไหว หลิ่วหมิงปรากฏตัวขึ้นด้านใน

“ผู้อาวุโสหลัวโหว ข้าหาโอกาสเลื่อนสู่ระดับแก่นแท้พบแล้ว ขอผู้อาวุโสปรากฏตัวมาพบด้วย!” เขากวาดสายตามองรอบด้านแล้วเอ่ยเสียงกังวาน

เสียงกังวานลอยไปไกลด้านในมิติกรงขังซึ่งตอนนี้มีขนาดหลายลี้แล้ว

ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้หลิ่วหมิงเคยเรียกหลัวโหวอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด แต่ครั้งนี้เสียงของเขาเพิ่งจางหาย เงาคุ้นเคยร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหลิ่วหมิง

“ผู้อาวุโสหลัวโหว!” หลิ่วหมิงประสานมือคำนับด้วยสีหน้ายินดี

ผู้ที่มาก็คือหลัวโหวนั่นเอง!

สายตาของหลัวโหวพิจารณาหลิ่วหมิงจากหัวจรดเท้าหลายครั้งแล้วพยักหน้าน้อยๆ เอ่ยว่า

“ไม่เลวทีเดียว ระหว่างที่ข้าหลับใหล ระดับพลังของเจ้าก้าวหน้าขึ้นเร็วนัก!”

“คำพูดก่อนหน้านี้ของผู้อาวุโสหลัวโหว ผู้เยาว์ย่อมจำขึ้นใจอยู่ตลอด มิกล้าไม่ตรากตรำฝึกฝนสุดชีวิต” หลิ่วหมิงยิ้มเจื่อน

หลัวโหวหัวเราะหึๆ แต่ไม่เอ่ยวาจา

“ตอนนั้นผู้อาวุโสรับปากว่าถึงเวลาจะใช้พลังของกรงขังช่วยผู้เยาว์เลื่อนสู่ระดับแก่นแท้ วันนี้ผู้เยาว์เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว” หลิ่วหมิงเอ่ยขึ้นมา

“เหอะ ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้วย่อมทำตามนั้น แต่โอกาสเช่นนี้มีเพียงครั้งเดียว เจ้าเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วจริงหรือ?” หลัวโหวเอ่ยขึ้นเรียบๆ

“หลายสิบปีนี้ข้าน้อยรวบรวมวิธีมาไม่น้อยเพื่อการผนึกแก่นแท้ มั่นใจไม่น้อยทีเดียว!” หลิ่วหมิงเอ่ยอย่างแน่วแน่

“ถ้าเช่นนั้นก็ดี เจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อน ข้าอยู่ที่นี่ใช้พลังของกรงขังช่วยเจ้าได้ตลอดเวลา” หลัวโหวฟังแล้วก็พยักหน้าตอบ

“ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนัก!” หลิ่วหมิงประสานมือคำนับหลัวโหวอีกครั้ง จากนั้นร่างกายก็เลือนหายออกไปจากมิติของกรงขัง

หลิ่วหมิงที่อยู่ในหลุมลึกลืมตาขึ้น ร่างกายขยับวูบเดียวเหาะออกมาแล้วร่อนลงบนพื้นที่ว่างราบเรียบแห่งหนึ่ง

“เซียเอ๋อร์ หลังจากนี้ข้าจะเริ่มลองผนึกแก่นแท้ นี่คือธงค่ายกลกับแผ่นค่ายกลของมหาค่ายกลโปรดสัตว์ เจ้าช่วยข้าวางไว้รอบด้าน หลังจากนั้นคุ้มครองข้า อย่าให้สิ่งใดมารบกวนข้าได้” หลิ่วหมิงพูดพลางพลิกฝ่ามือเรียกธงค่ายกลกับแผ่นค่ายกลสีเหลืองตั้งหนึ่งออกมาส่งเซียเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง

“นายท่านโปรดวางใจ ข้าจะไม่ให้ผู้ใดรบกวนท่านได้!” เซียเอ๋อร์ยื่นมือไปรับธงค่ายกลกับแผ่นค่ายกลแล้วพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากนั้นร่างกายขยับวูบหนึ่งไปปรากฏตัวไม่ไกลเริ่มเตรียมการ

หลิ่วหมิงละสายตากลับมาจากร่างเซียเอ๋อร์ สีหน้าเปลี่ยนมาเคร่งขรึม

โอกาสผนึกแก่นแท้ครั้งนี้มาอย่างกะทันหันไปบ้าง แต่ตนก็คาดคิดเอาไว้แล้ว อย่างไรสิ่งที่ตนฝึกฝนก็คือวิชาสายวิญญาณ เมื่อเทียบกับทางปีศาจร้าย ยมโลกย่อมเหมาะแก่การผนึกแก่นแท้มากกว่า

อาจถึงขั้นพูดได้ว่า ยมโลกคือหนึ่งในแหล่งกำเนิดของวิชาสายวิญญาณ

ส่วนชั้นจำกัดลึกลับก้นแม่น้ำมืดอันนี้เป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึง มันเพิ่มโอกาสผนึกแก่นแท้ให้แก่เขาอีกหลายส่วนอย่างอ้อมๆ

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องคว้าโอกาสอันหายากครั้งนี้เอาไว้!

คิดถึงตรงนี้ เขาก็หลับตาลงช้าๆ เริ่มทำสมาธิโคจรปราณ

หลังจากนั้นครึ่งวันเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาก็ทอประกายเจิดจ้าและมีแสงสีดำไหลอยู่เลือนราง

หลิ่วหมิงในเวลานี้ ไม่ว่ากาย จิตหรือพลังเวทล้วนอยู่ในสภาพยอดเยี่ยมที่สุด

เขาโบกมือ แสงสีน้ำเงินสว่างวูบหนึ่งบนพื้น หินจิตวิญญาณสีน้ำเงินกองน้อยปรากฏขึ้น มีอยู่ราวสี่ห้าสิบก้อน พวกมันก็คือศิลารวมจิตวิญญาณที่ได้รับส่วนแบ่งมาจากตอนที่ไปฝึกวิชาในเศษซากโลกบนก่อนหน้านี้นั่นเอง

สองมือของหลิ่วหมิงโบกต่อเนื่อง ยันต์แผ่นแล้วแผ่นเล่าแยกย้ายกันพุ่งเข้าไปในพื้นดินรอบตัว

ไม่นานนักพื้นที่ขนาดหนึ่งจั้งกว่าซึ่งมีเขาเป็นศูนย์กลางก็มีลวดลายจิตวิญญาณสีน้ำเงินอ่อนเส้นแล้วเส้นเล่าสลักล้อมไว้เป็นรูปวงกลม

หลังจากทำทุกสิ่งนี้เสร็จสิ้น หลิ่วหมิงก็กวาดสายตามองไปรอบๆ หลังจากแน่ใจว่าไม่ผิดพลาด ปราณสีดำสายแล้วสายเล่าจึงม้วนตัวออกมาจากสองมือ รัดศิลารวมจิตวิญญาณก้อนแล้วก้อนเล่าเบื้องหน้ามาวางลงบนลวดลายค่ายกลอย่างแม่นยำ

ค่ายกลรวมจิตวิญญาณขนาดเล็กค่ายกลหนึ่งวางเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วยิ่งนัก

พริบตาที่ค่ายกลรวมจิตวิญญาณวางเสร็จ แรงดึงดูดล่องหนสายหนึ่งก็แผ่ออกไปทั่วทุกสารทิศในทันใด ปราณหยินรอบด้านโถมเข้ามาในค่ายกลรวมจิตวิญญาณตามการชักนำของพลังสายนี้

ก้นแม่น้ำมืดซึ่งเดิมทีปราณหยินเข้มข้นอยู่แล้ว เมื่อมีค่ายกลรวมจิตวิญญาณเสริมส่งก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นอีกหลายเท่าในทันใด ปราณหยินรอบตัวหลิ่วหมิงกลายสภาพเป็นหมอกสีดำ ด้านบนเกิดพายุหมุนปราณหยินสีดำสนิทดุจหมึกลูกหนึ่งขึ้นเลือนราง ลมปราณหนาวยะเยือกที่เดิมทีก็เสียดแทงกระดูกอยู่แล้วฉับพลันแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าจนแทบทะลุไปถึงแก่นกระดูก

ยังดีที่หลายปีนี้หลิ่วหมิงฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำได้จนถึงขั้นเก้าแล้ว ความสามารถในการต้านทานลมปราณอันหนาวเย็นจึงเพิ่มขึ้นมาก แม้สัมผัสถึงความเย็นแต่ไม่รู้สึกอึดอัดมากนัก

“แย่แล้ว ลืมไปเลยว่าปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินในยมโลกมีน้อยนิดยิ่งนัก แม้จะวางค่ายกลรวมจิตวิญญาณ แต่สิ่งที่รวบรวมมาก็มีแต่ปราณยมโลก!” ทันใดนั้นหลิ่วหมิงก็ตบต้นขาดังฉาด แล้วตระหนักถึงปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา