หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ดวงตาพลันทอประกายเหี้ยมเกรียมวูบหนึ่ง เขาแหงนหน้าคำรามยาว ปราณสีดำบนร่างทะลักออกมาถักทอร้อยรัดก่อตัวเป็นกำแพงปราณสีดำหนาผืนหนึ่งด้านบนอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
ระหว่างที่ร่วงหล่น เส้นอสนีบาตสีม่วงที่พุ่งลงมาก็เริ่มเลื้อยก่อนจะกลายเป็นงูยักษ์สีม่วงหนาเท่าถังตัวหนึ่ง มันบุกลงมาโจมตีกำแพงปราณสีดำจนเกิดเสียงเปรี้ยงสะเทือนแก้วหูแทบดับ
“เปรี้ยง” งูยักษ์สีม่วงระเบิดกลายเป็นเส้นอสนีบาตนับไม่ถ้วนล้อมกำแพงปราณสีดำไว้ด้านในทันที
เมื่อมีเส้นอสนีบาตเต้นระริกอยู่บนจรดล่าง กำแพงปราณสีดำก็ทนอยู่ได้เพียงสองสามลมหายใจก่อนจะค่อยๆ ปริแตก แล้วเริ่มบางลงอย่างรวดเร็วจนตาเปล่ามองเห็นได้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ อสนีบาตสีม่วงก็เหมือนจะเสียพลังงานไปจนหดเล็กลงมากเช่นกัน
เมื่อเส้นอสนีบาตทั้งหมดสลายไป กำแพงปราณสีดำเหนือศีรษะของหลิ่วหมิงก็เหลือเพียงชั้นบางๆ ชั้นหนึ่ง
ไม่ทันที่หลิ่วหมิงจะได้ผ่อนลมหายใจ เมฆอสนีบาตสีดำทะมึนก็ปั่นป่วน เส้นอสนีบาตสีม่วงแล่นวนเป็นวงรอบหนึ่ง จากนั้นอสนีบาตสีม่วงมากมายถี่ยิบก็ร่วงลงมาอีกระลอก
ครั้งนี้อสนีบาตสีม่วงเต็มท้องฟ้าผนึกรวมกันกลายเป็นงูสายฟ้าสีม่วงสองตัวกลางอากาศ เห็นชัดว่าหนากว่าครั้งก่อนอยู่หลายส่วน
หลิ่วหมิงเพ่งสายตา สองแขนยกขึ้น แสงสีเหลืองสายหนึ่งส่องสว่าง มุกกลมสีเหลืองเข้มสามลูกปรากฏขึ้นมา พวกมันลอยวนอยู่เหนือศีรษะของเขา แสงเรืองรองสีเหลืองหนาทึบผืนแล้วผืนเล่าทะลักออกมาจากในมุกสามลูกอย่างบ้าคลั่ง
ต่อจากนั้นเงาภูเขาน้อยสีเหลืองสูงเท่าตึกที่ดูราวกับมีชีวิตสามลูกก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงเรืองรองสีเหลือง
เสียงเปรี้ยงปรางดังสนั่นสะเทือนฟ้า งูอสนีบาตสีม่วงสองตัวปล่อยแสงสายฟ้าออกมาจากรอบตัว พวกมันเลื้อยวนสวนกันแล้วโถมลงมาโจมตีภูเขาน้อยสีเหลืองสามลูกด้านล่างอย่างดุดัน เกิดเสียงระเบิดเปรี้ยงปร้างดังกึกก้องพักหนึ่ง!
เงาภูเขาน้อยที่มุกบรรพตธาราสร้างขึ้นแข็งแกร่งกว่าปราณหยินสีดำที่หลิ่วหมิงควบคุมอย่างเห็นได้ชัด มันต้านทานอสนีบาตระลอกนี้ไว้ได้อย่างมั่นคง
หลังจากอสนีบาตสองเส้นร่วงลงมาติดกัน เมฆอสนีบาตสีดำบนท้องฟ้าก็เล็กลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด แต่อสรพิษอสนีบาตในเมฆอสนีบาตกลับยิ่งกระจุกตัวแน่น เสียงอสนีบาตคำรามครั้งแล้วครั้งเล่า แทบจะฉีกแก้วหูคนขาด!
น้ำในแม่น้ำมืดด้านล่างหลิ่วหมิงเกิดคลื่นซัดเกรี้ยวกราดเป็นระลอก น้ำวนสีดำลูกแล้วลูกเล่าปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า ปราณหยินสีดำระลอกแล้วระลอกเล่าลอยขึ้นมาก่อนจะทยอยจมเข้าไปในร่างของหลิ่วหมิง ฟื้นพลังเวทที่เสียไปของเขาอย่างรวดเร็ว
เสียงอสนีบาตคำรามดังเป็นพรวนอีกครั้ง อสนีบาตสีม่วงหนาเท่าชามข้าวอีกระลอกหนึ่งสาดลงมาอย่างบ้าคลั่งก่อนจะกลายเป็นงูสายฟ้าสีม่วงมหึมาอย่างยิ่งสามตัว ทะยานลงมาหาหลิ่วหมิงด้านล่าง
หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันที แสงสีเหลืองส่องสว่างเหนือร่าง เรียกมุกบรรพตธาราออกมาอีกสามเม็ด
แสงเรืองรองสีเหลืองที่แผ่ออกมาจากมุกบรรพตธาราหกเม็ดกลายเป็นเงาภูเขาน้อยสีเหลืองขนาดมหึมาหกลูกหมุนคว้างประจันหน้ากับงูอสนีบาตสีม่วงสามตัวที่ร่วงลงมาในพริบตา
เสียงอสนีบาตคำรามดังสนั่น!
แสงอสนีบาตสีม่วงมากมายถี่ยิบประสานกับแสงเรืองรองสีเหลืองเข้ม ส่องท้องนภากับผิวแม่น้ำซึ่งเดิมทีเป็นสีดำสนิทจนงดงามตระการตา
ไกลออกไปเหนือแม่น้ำมืด เงาสองร่างหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กลอยอยู่กลางอากาศ พวกเขาก็คือเซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด
ทั้งสองสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของเมฆอสนีบาตสีดำบนท้องฟ้า ใบหน้าเผยสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด ด่านเคราะห์สายฟ้าที่พลังมหาศาลเช่นนี้ทำให้พวกเขาอดหวั่นใจไม่ได้
“เฟยเอ๋อร์ เจ้าว่านายท่านจะผ่านด่านเคราะห์สายฟ้าครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัยไหม?” สีหน้าของเซียเอ๋อร์ดูย่ำแย่ยิ่งกว่าเฟยเอ๋อร์ นางเอ่ยออกมาอย่างหวั่นวิตกเล็กน้อย
“กายเนื้อของนายท่านแข็งแกร่ง พลังเวทลึกล้ำ วันนี้ยังหลอมอาวุธเวทมุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดสำเร็จแล้วอีกด้วย ย่อมผ่านได้อย่างปลอดภัย!” แม้ใบหน้าน้อยของเฟยเอ๋อร์จะคร่ำเครียด แต่ก็ยังพยักหน้าเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
เซียเอ๋อร์ได้ฟังคำพูดนี้ ใบหน้างามที่ซีดเผือดจึงเผยรอยยิ้มออกมานิดๆ สองมือประสานกันอยู่เบื้องหน้าแล้วพยักหน้าหงึกหงัก ทว่าหลังจากนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจังอีกครั้ง
“แม้บริเวณแม่น้ำมืดจะไร้ร่องรอยคน แต่ไม่แน่อาจมีเผ่ายมโลกตนอื่นผ่านทางมากะทันหัน พวกเราจะต้องเฝ้าระวังเอาไว้”
เฟยเอ๋อร์รีบพยักหน้า จากนั้นอสูรเลี้ยงทั้งสองตัวก็หดร่างกลายเป็นลำแสงสองสาย เร้นกายหายลงไปในแม่น้ำมืดด้านล่าง
เสียงดงกึกก้องยังดำเนินต่อไป
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว สายฟ้าที่ร่วงลงมาจากเมฆอสนีบาตสีดำกลางท้องฟ้าประหนึ่งไม่หมดไม่สิ้น ร่วงลงมาระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่เพียงไม่มีทีท่าจะหยุด พลังกลับยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ยามนี้หลิ่วหมิงหน้าอกพองยุบขึ้นลง ใบหน้าซีดเผือด สองตามีเส้นเลือดฝอยเส้นแล้วเส้นเล่ากระจายทั่วอย่างไม่รู้ตัว แต่สายตาที่มองไปบนท้องฟ้าของเขากลับเต็มไปด้วยไฟสู้ไม่ยอมจำนน!
มุกบรรพตธาราสิบเม็ดเหนือศีรษะเขาสร้างยอดเขายักษ์สูงตระหง่านหลายร้อยจั้งลูกหนึ่งออกมาท่ามกลางแสงเรืองรองสีเหลืองเข้มนับไม่ถ้วนที่ไหลวนอยู่รอบด้าน ผิวของภูเขามีไอหมอกสีเหลืองวนเวียน ยันต์นับไม่ถ้วนเต้นระริกขึ้นลง เคลื่อนไหวไม่หยุดอยู่ท่ามกลางไอหมอก ดูแล้วลี้ลับอย่างยิ่ง
ครู่ต่อมา “เปรี้ยง” เสียงอสนีบาตฟาดกลางฟ้าแจ้งก็ดังขึ้น!
อสรพิษสายฟ้าสีม่วงหนาอย่างยิ่งสิบตัวแย่งชิงกันพุ่งลงมาหายอดเขายักษ์สีเหลืองเข้มเบื้องล่างท่ามกลางเสียงคำราม!
อสรพิษสายฟ้าสิบตัวทยอยร่วงลงบนผิวของยอดเขายักษ์สีเหลืองเข้ม แล้วระเบิดกลายเป็นเส้นอสนีบาตสีม่วงนับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่ไปรอบทิศ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา