สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าร้อยจั้ง ลมปราณหลากหลายสีฉับพลันทะลักมารวมกันกลายเป็นพายุหมุนลมปราณทรงกรวยขนาดมหึมาลูกแล้วลูกเล่า
ละอองแสงแสบตานับไม่ถ้วนปรากฏ แสงสว่างหลากหลายสีเหล่านี้เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างประดุจดั่งดวงดาราบนนภาร่วงหล่นลงมา
ท่ามกลางเมฆดาราเหล่านี้มีแสงสว่างสิบสองจุดที่สุกใสเป็นพิเศษ และแผ่วงแหวนแสงแสบตาวงแล้ววงเล่าออกมา
หากมีคนอยู่ที่นี่คงมองออกว่านี่คือปรากฏการณ์แสงทวาราที่จะเกิดขึ้นยามผู้ฝึกฝนเข้าสู่ระดับแก่นแท้ อีกทั้งสิ่งที่ผนึกขึ้นมาได้ยังเป็นแก่นแท้ระดับสุดยอดสิบสองทวารที่พันปียากจะพบสักครั้งอีกด้วย!
พลังปราณแห่งฟ้าดินในบริเวณร้อยลี้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง คลื่นพลังเวทพุ่งสู่ท้องนภาตรงขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเก้าเสมือนหนึ่งขุนเขากู่ร้องมหาสมุทรคำราม อสูรแห่งความมืดบริเวณแม่น้ำมืดที่เดิมทีหวาดหวั่นตื่นตระหนกอยู่แล้วฟุบหมอบอยู่กับที่เนื้อตัวสั่นเทา
ปรากฏการณ์ดวงดาวร่วงสู่ดินเช่นนี้ดำเนินอยู่เป็นเวลาหนึ่งก้านธูปเต็มๆ ก่อนจะสลายไปอย่างเชื่องช้า
บนท้องฟ้าแสงสีขาวดำสองสีที่ล้อมร่างของหลิ่วหมิงอยู่สลายไปรวดเร็วยิ่งนักแล้วเผยร่างกายออกมา แสงบริสุทธิ์จางๆ ชั้นหนึ่งสลายจากบนร่างของเขา
แม้ภาพลักษณ์ภายนอกของหลิ่วหมิงยามนี้จะไม่เปลี่ยนไปสักนิด แต่เพียงแค่ขยับมือขยับเท้าก็ราวกับมีพลังอันยิ่งใหญ่ แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
หลิ่วหมิงลืมตา บนใบหน้าสีหน้านิ่งสงบอย่างยิ่ง เขาสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง หลังจากนั้นจึงยื่นสองมือออกมาแล้วมองกลางฝ่ามือ อึดใจต่อมาใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าปิติยินดีออกมาทันที
เวลานี้ในทะเลจิตวิญญาณของเขา “แก่นเสมือน” ดวงนั้นที่ประกอบมาจากผลึกสีม่วงหนึ่งร้อยสี่สิบสี่เม็ดกับผลึกสีขาวเก้าเม็ดหายไปไร้ร่องรอยแล้ว สิ่งที่มาแทนคือแก่นแท้อันแปลกประหลาดที่มีสองสีคือสีขาวกับสีดำและกำลังหมุนวนอยู่อย่างเชื่องช้า
บนผิวของแก่นแท้เห็นช่องเว้าขนาดเท่าเมล็ดถั่วช่องแล้วช่องเล่า มีมากถึงสิบสองช่อง!
ในที่สุดก็เข้าสู่ระดับแก่นแท้แล้ว นอกจากนี้สิ่งที่ผนึกขึ้นมาได้ยังเป็นแก่นแท้สิบสองทวารอีกด้วย!
ภาพของสิ่งที่เคยผ่านในวันวานผุดขึ้นในสมองของหลิ่วหมิงทันที วัยเยาว์บนเกาะมฤตยูที่ตื่น เช้ามาอาจไม่รอดถึงค่ำ ความคาดหวังยามก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝนโดยบังเอิญ ความสับสนไร้ทางออกยามตรากตรำฝึกฝน และความอกสั่นขวัญแขวนยามต่อสู้ระหว่างความเป็นความตายครั้งแล้วครั้งเล่า
ข้ามผ่านอันตรายและความยากลำบากมานานัปการ ในที่สุดก็ผนึกแก่นแท้สำเร็จแล้ว!
ครั้งนั้นที่เขตทะเลชังไห่ ท่ามกลางผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์กับปีศาจนับไม่ถ้วน มีเพียงราชาปีศาจสมุทรเพียงตนเดียวที่เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ แล้วยังเป็นแก่นแท้สามทวารระดับล่างสุดอีก แต่นั่นกลับเพียงพอยิ้มเย้ยเหล่าผู้กล้า ไม่เพียงบีบให้กองทัพเผ่าสมุทรหวั่นเกรงจนถอยออกจากอวิ๋นโจว แต่ยังผลักดันให้ก่อตั้งพันธมิตรเผ่ามนุษย์ เสียทรัพยากรมหาศาลเฟ้นหาสามแก่นหกศิษย์หวังจะอบรมบ่มเพาะให้เป็นระดับแก่นแท้แห่งเผ่ามนุษย์
แม้แผ่นดินจงเทียนจะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนต้นกำเนิดแห่งเผ่ามนุษย์ แต่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ชั้นยอดก็ครองตำแหน่งอันสูงส่ง
พร้อมกับที่หลิ่วหมิงดีใจ ในใจเขาก็ผ่อนคลายลงด้วย
ตอนนั้นหลัวโหวเคยเตือนเขาว่าต้องผนึกแก่นแท้ให้สำเร็จภายในเวลาหกสิบปี มิเช่นนั้นยามกลายร่างเป็นปีศาจครั้งต่อไปจะร่วงหล่นเป็นมนุษย์ปีศาจอย่างสมบูรณ์เนื่องจากผลกระทบจากโลหิตปีศาจสวรรค์
บากบั่นตรากตรำฝึกฝนมานานหลายปี ในที่สุดก็บรรลุเป้าหมายนี้ โลหิตปีศาจสวรรค์ที่ผ่านการกลั่นให้บริสุทธิ์ระหว่างกระบวนการสร้างกายเนื้อใหม่ ยามนี้ผสานอยู่ในสายเลือดอย่างสมบูรณ์ กล่าวได้ว่าทำให้เขาสืบทอดพลังของปีศาจสวรรค์อย่างแท้จริงแล้ว
ชั่วลมหายใจเข้าออกแก่นแท้ขาวดำสองสีในทะเลจิตวิญญาณก็กระตุ้นให้พลังเวททั้งร่างเคลื่อนไหว ฟื้นพลังเวทที่แห้งเหือดอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว ใบหน้ามีสีหน้าแปลกประหลาดปรากฏออกมาจางๆ
เขาเห็นใจกลางแก่นแท้สีขาวดำมียันต์ห้าสีรูปสายฟ้าอยู่ตัวหนึ่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็ฉุกคิดบางสิ่งขึ้นมาได้
เมื่อครั้งนั้นเพื่อสะกดความเป็นปีศาจในดวงจิต เขาผนึกสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าห้าสีสายหนึ่งไว้ในผลึกพลังเวทด้านในทะเลจิตวิญญาณ ตอนที่เขาผนึกแก่นแท้ไม่รู้เกิดความเปลี่ยนแปลงอันใดขึ้น มันจึงกลายเป็นยันต์รูปสายฟ้าในตอนนี้
หลิ่วหมิงเพ่งจิต เค้นพลังเวทบริสุทธิ์สายหนึ่งออกมาจากแก่นแท้ก่อนจะส่งไปสัมผัสยันต์สายฟ้าห้าสีตรงกลาง
เปรี้ยง!
อสนีบาตห้าสีเส้นหนึ่งผุดออกมารอบแก่นแท้ของเขาแล้วแล่นไปตามเส้นลมปราณของเขาทันที
แสงอสนีบาตห้าสีสว่างขึ้นในมือของหลิ่วหมิง ฝ่ามือข้างขวาทั้งหมดถูกสายฟ้าห้าสีเรียวเล็กเส้นแล้วเส้นเล่าหุ้มเอาไว้ เสียงแหลมสูงของอสนีบาตดังลั่น
“นี่…” ใบหน้าของเขาเผยสีหน้าตะลึงงันออกมา
เปรี้ยง!
ในตอนนี้เองท้องนภาที่เดิมทีฟื้นกลับมาสงบแล้ว ฉับพลันก็มีเมฆดำผืนใหญ่ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง พายุหมุนสีดำมหึมาลูกหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วหมุนวนอย่างรวดเร็ว
ใจกลางพายุหมุนมีอสนีบาตห้าสีหลายสายพุ่งไปมา
“เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าจะมีด่านเคราะห์สายฟ้าอีกครั้ง! แล้วยังเป็นสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ขั้นฟ้าห้าสีอีก!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันหน้าถอดสี แม้เวลานี้เขาเข้าสู่ระดับแก่นแท้แล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเผชิญหน้ากับสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าห้าสีมากมายเช่นนี้ตรงๆ ได้
“หรือ…” เขาหันขวับไปมองอสนีบาตห้าสีที่กำลังเปล่งแสงวูบวาบไม่หยุดอยู่ในมือ
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันทีคล้ายกับเข้าใจบางอย่าง เขาสะบัดมือสลายสายฟ้าเทพห้าสีในมือ
แต่สายไปแล้ว!
“เปรี้ยง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา