ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1081

“แก่นแท้สิบสามทวาร เรื่องเช่นนี้…ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ…”

อยู่ดีๆ ก็มีเพิ่มมาอีกหนึ่งทวาร ตอนนี้หลิ่วหมิงไม่รู้ว่าควรดีใจหรือไม่ ยังดีที่ร่างกายไม่มีความผิดปกติหรืออาการประหลาดอื่นใดอีก

“ช่างเถิด คิดเรื่องพวกนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ก่อนอื่นต้องฟื้นสภาพร่างกายให้สมบูรณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน…”

หลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่น่าจะใช่เรื่องร้ายอันใดจึงวางเรื่องนี้ลง แล้วเตรียมเก็บไว้ครุ่นคิดทีหลัง

ช่วงเวลาหลังจากนั้นเขาเรียกโอสถรักษาอาการบาดเจ็บอีกหลายเม็ดจากในแหวนย่อส่วนออกมากิน ความเย็นสบายสายหนึ่งแผ่ไปตามสี่แขนขาและร้อยกระดูกในร่างอีกครั้ง

เขาฝืนโคจรวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ บนร่างฉับพลันมีปราณสีดำอ่อนจางแผ่ออกมา

เวลานี้ฤทธิ์ของค่ายกลรวมจิตวิญญาณยังคงอยู่ ปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินจากหินจิตวิญญาณที่เขาทุ่มหมดตัวยังไม่สลายไป ปราณหยินกับปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินสายแล้วสายเล่ารุมล้อมเข้าไปในร่างกายของเขา

ความเร็วในการดูดซับปราณจิตวิญญาณกับปราณหยินของเขาเร็วกว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่า แล้วยังมีสายเลือดปีศาจสวรรค์อยู่ในตัวด้วย ร่างกายที่เกือบจะแหลกสลายฉับพลันฟื้นคืนสภาพเดิมอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์เห็นเช่นนี้จึงแยกกันไปยืนฝั่งซ้ายกับฝั่งขวาของค่ายกลรวมจิตวิญญาณ เฝ้าคอยอย่างนิ่งสงบ ป้องกันไม่ให้มีคนนอกรบกวน

สามวันสามคืนหลังจากนั้น ใจกลางชั้นจำกัดที่วังน้ำวนสีดำที่ก้นแม่น้ำมืดปรากฏรังไหมหมอกสีดำที่สูงกว่าตัวคนเล็กน้อยรังหนึ่ง ผิวของมันมีปราณสีดำเคลื่อนวนอยู่อย่างเชื่องช้า เหนือรังไหมหมอก มีไอหมอกสีขาวดำสองสีก่อตัวเป็นพายุหมุนรูปร่างคล้ายกรวยลูกหนึ่ง

ทันใดนั้นเสียงแหลมยาวก็ดังออกมาจากในรังไหมหมอก ปราณสีดำรอบด้านปั่นป่วนอย่างรุนแรงก่อนหายไปราวกับหิมะละลาย เผยให้เห็นร่างของหลิ่วหมิงที่เปลือยท่อนบนอยู่ด้านใน

ยามนี้บาดแผลบนร่างของเขาหายดีจนหมดแล้ว ท่าทางกระปรี้ประเปร่า

สองแขนเขาประกบกันเบื้องหน้าแล้วแยกออก ถึงไม่ได้กระตุ้นพลังเวทแม้แต่น้อย ทว่ากลับเกิดคลื่นเสียงที่ตาเปล่ามองเห็นวงแล้ววงเล่าแผ่ออกไปกลางอากาศรอบด้าน

“ยินดีกับนายท่านที่ผนึกแก่นแท้สำเร็จ ระดับพลังก้าวหน้าครั้งใหญ่!” เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ที่บินเข้ามาจากนอกค่ายกลรวมจิตวิญญาณเอ่ยแสดงความยินดี

“ครั้งนี้ผ่านด่านเคราะห์สายฟ้าสิบสามระลอกต่อเนื่อง เรียกได้ว่าหวุดหวิดเกือบตาย โชคดีที่พวกเจ้าทั้งสองเฝ้าคุ้มกันอยู่ตลอด” หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ แล้วหยิบชุดตัวยาวสีน้ำเงินชุดหนึ่งออกมาจากในแหวนมิติพลางเอ่ยขึ้นมา

“นายท่านพูดอันใด ปกป้องนายท่านเดิมก็เป็นหน้าที่ของพวกเรา” หญิงสาวที่สวมชุดผ้าตาข่ายสีดำยิ้มน้อยๆ เอ่ยตอบ

เด็กน้อยที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้ารัวเช่นเดียวกัน

“ไม่ว่าจะว่าอย่างไร พวกเจ้าก็ทำความชอบครั้งใหญ่ ตอนนี้อาการบาดเจ็บของข้าหายดีหมดแล้ว ไม่ต้องการผู้คุ้มกันแล้ว ต่อไปข้าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกระยะหนึ่งเพื่อให้ระดับพลังมั่นคง พวกเจ้าต่างก็ไปฝึกวิชาของตนเอง เร่งผนึกแก่นแท้ให้ได้ในเร็ววันเถิด” หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ พลางสั่งเช่นนี้

สภาพแวดล้อมที่ก้นแม่น้ำมืดเหมาะกับการฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำอย่างยิ่ง เขาเพิ่งเข้าสู่ระดับแก่นแท้ ระดับพลังยังไม่มั่นคงอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งเคล็ดวิชากระดูกดำก็ฝึกฝนได้ถึงขั้นที่เก้าเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงคิดจะอยู่ที่นี่ฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำทั้งสิบขั้นให้สำเร็จ

ขั้นที่สิบของเคล็ดวิชากระดูกดำเทียบเท่ากับพลังระดับแก่นแท้ขั้นต้น สำหรับหลิ่วหมิงที่เพิ่งผนึกแก่นแท้สำเร็จ คิดว่าตนเองคงไม่มีปัญหาอันใด

“เจ้าค่ะ!” เซียเอ๋ร์ตอบรับคำหนึ่งก็เดินไปนั่งขัดสมาธิด้านข้าง

เฟยเอ๋อร์แหงนหน้ามองชั้นจำกัดบนท้องฟ้า อยากจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไว้แล้วทำปากยู่ สุดท้ายก็หายตัวไปนั่งบนพื้นที่ว่างอีกฝั่งหนึ่ง ปราณสีดำลอยขึ้นมาหุ้มทั้งร่างเอาไว้

หลิ่วหมิงกำสองมือแน่น เส้นเอ็นกับกระดูกในร่างฉับพลันส่งเสียงราวกับอสนีบาตครางทุ้มต่ำติดกันเป็นพรวน พลังเวทบริสุทธิ์อย่างที่สุดสายแล้วสายเล่าทะลักออกมาจากแก่นแท้สีขาวดำเหนือทะเลจิตวิญญาณ

เขาเชื่อว่าหากยามนี้ใช้วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ พลังของเขาคงจะแข็งแกร่งกว่าก่อนเลื่อนระดับหลายเท่า มุกบรรพตธาราที่เดิมเขาไร้กำลังจะใช้ดังใจ ยามนี้ก็น่าจะควบคุมได้เกินหนึ่งก้านธูปแล้ว

ไม่เพียงเท่านี้ ทวารทั้งสิบสามบนผิวของแก่นแท้สีดำขาวยังเป็นดั่งจมูกและปาก ระหว่างที่ตนเองหายใจเข้าออกก็โคจรพลังเวททั่วร่างได้อย่างง่ายดาย เขาในตอนนี้ไม่ว่าใช้วิชาหรืออาวุธจิตวิญญาณอันใดล้วนเร็วกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย

นอกจากนี้หลังเข้าสู่ระดับแก่นแท้ เขายังได้อายุขัยเพิ่มมาอีกเนิ่นนาน

ผู้ฝึกฝนระดับผลึกมีอายุขัยราวพันปี ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้มีชีวิตอยู่ได้นานห้าพันปี

“เหอะ แค่ผนึกแก่นแท้สำเร็จ เจ้าก็ดีใจเช่นนี้แล้ว! เอาล่ะ ข้ามาหาเจ้าเพราะมีธุระ เข้ามา” ระหว่างที่จิตใจของหลิ่วหมิงกำลังฮึกเหิม เสียงเย็นชาของหลัวโหวก็ดังขึ้นในหู

หลิ่วหมิงได้ยินก็รีบถ่ายเทพลังเวทเข้าไปในศิลาหุนเทียนที่อยู่ในทะเลจิตวิญญาณ ภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไปวูบหนึ่ง คนก็มาปรากฏตัวอยู่ในมิติของกรงขังแล้ว

หลังจากเขาเข้าสู่ระดับแก่นแท้ มิติของกรงขังก็ใหญ่ขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย มันขยายจนมีขนาดถึงสิบลี้เสมือนเป็นโลกใบเล็กแห่งหนึ่ง ท้องนภาสีเทาขมุกขมัวมีปราณสีดำสายน้อยเคลื่อนไหวว่องไวลอยละล่องไปทั่ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา