“เกิดอันใดขึ้น เหตุใดจึงปล่อยซวีหลิงผู้นี้ออกมา?” สือคูผู้เฒ่าชุดน้ำเงินที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์ก็ตกใจตะโกนถามเสียงดัง
“นี่ไม่เกี่ยวกับสหายอิ่นหาน พวกเราประเมินซวีหลิงผู้นี้ต่ำเกินไป ดูท่าหลายสิบปีนี้เขาจะฝึกฝนร่างวิญญาณหลบเร้นจนบรรลุขั้นปลายแล้ว! วันนี้แม้แต่วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นปลายก็ไม่อาจขังเขาไว้ได้ ดูท่าอยากจะจบศึกนี้ในเวลาสั้นๆ ไม่น่าเป็นไปได้แล้ว” ครั้งนี้ปี้เหยียนกลับกวาดสายตามองภูตแดงที่ถูกแช่แข็งหลายร้อยตัวเบื้องล่างแล้วชิงถอนหายใจออกมาก่อน
“ไม่ผิด ซวีหลิงผู้นี้แฝงกายได้แม้แต่กับภูตผีที่ข้าเรียกออกมาในคุกมืด อีกทั้งยังไร้วิธีหาตัวจริงของเขาอย่างสิ้นเชิง ทว่าพริบตาที่เขาถูกขังอยู่ในคุกมืด ข้าสัมผัสได้เลือนรางว่าพลังปราณของเจ้าสารเลวตนนี้เสียหายกว่าก่อนหน้าอยู่ไม่น้อย” ยามนี้หลิ่วหมิงจึงพยักหน้าเอ่ยโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด
“ดี ดูท่าแม้ซวีหลิงผู้นี้จะใช้ร่างวิญญาณหลบเร้นนี่ได้อย่างชำนาญ แต่ก็คงผลาญพลังของเขาไปไม่น้อยเช่นกัน พี่หวั่งเหลียง ต่อจากนี้ต้องดูฝีมือท่านแล้ว! ทุกท่านที่เหลือ ทันทีที่เจ้าสารเลวตนนี้ปรากฏตัวสังหารทันที!” ปี้เหยียนได้ยินก็ยินดี แววตาทอประกายเหี้ยมเกรียมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ไม่ปิดบังความแค้นที่มีต่อซวีหลิงแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงกับเผ่ายมโลกตนอื่นย่อมพยักหน้า
อึดใจต่อมา เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้น!
พวกหลิ่วหมิงห้าตนนอกจากเผ่ายมโลกหัวพยัคฆ์ต่างโฉบไปอยู่รอบแอ่งกระทะ ล้อมแอ่งกระทะไว้เลาๆ
ต่อจากนั้นร่างกายของเผ่ายมโลกหัวพยัคฆ์ก็ขยับไปปรากฏกายบนท้องฟ้าเหนือแอ่งกระทะพอดี เขาแค่นเสียงหยัน หว่างคิ้วฉับพลันมีรอยแยกเส้นหนึ่งปรากฏขึ้น ดวงตาพยัคฆ์แนวตั้งแลดูโหดเหี้ยมดวงหนึ่งฉับพลันปรากฏออกมา
“ชิ้ง!”
แสงสีเหลืองเส้นหนึ่งพุ่งพรวดออกมาจากดวงตาที่สามของเผ่ายมโลกหัวพยัคฆ์ตนนี้ มันพุ่งวูบเดียวกลายเป็นแสงเรืองรองสีเหลืองแถบหนึ่งกวาดหมู่บ้านของเผ่าภูตแดงเบื้องล่าง
ภาพอันน่าเหลือเชื่อปรากฏขึ้นแล้ว!
ทันทีที่แสงเรืองรองสีเหลืองกวาดผ่านภูตแดงทั้งหมดที่ถูกแช่แข็งก็มองเห็นดวงวิญญาณสีแดงขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันดวงแล้วดวงเล่าในร่างพวกเขาได้อย่างชัดเจนในทันที บางดวงหม่นแสงอย่างยิ่งเหมือนใกล้ดับสลาย
“อยู่ตรงนั้น!”
ในตอนนี้เอง เผ่ายมโลกครึ่งแมลงก็ร้องเสียงแหลม ทุกคนมองตามเสียงไปก็เห็นในรูปสลักน้ำแข็งของภูตแดงตนหนึ่งด้านล่าง นอกจากดวงวิญญาณสีแดงดวงหนึ่งแล้วยังมีกลุ่มหมอกสีเทาขมุกขมัวเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่กลุ่มหนึ่งอยู่ด้วย
อึดใจต่อมาแสงจิตวิญญาณหลากหลายสีก็สาดจากบนท้องฟ้ารอบแอ่งกระทะลงมาเบื้องล่างประหนึ่งพายุฝนกระหน่ำ
เสียงระเบิดสะเทือนแก้วหูแทบดับ!
ดวงแสงนับไม่ถ้วนแผ่ขยายกลืนอาณาเขตเกือบร้อยจั้งที่มีรูปสลักภูตแดงตนนั้นเป็นศูนย์กลางเข้าไป แสงจิตวิญญาณหลากหลายสีส่องทั่วทั้งแอ่งกระทะจนสว่างไสว
เมื่อแสงดับลง ไม่ว่าจะภูตแดงที่ถูกแช่แข็งหรือสิ่งก่อสร้างทรงรีภายในบริเวณเกือบร้อยจั้งก็ไม่มีเหลือ เหลืออยู่เพียงหลุมลึกมหึมาอย่างยิ่งหลุมหนึ่งเท่านั้น
แม้เป็นเช่นนี้ แต่ใบหน้าของคนทั้งหมดก็ยังเคร่งขรึมดุจเดิม จิตสัมผัสระดับแก่นแท้ของทุกคนย่อมสัมผัสได้เลือนรางว่าพริบตานั้นที่ระเบิด มีไอหมอกสีเทาผลุบๆ โผล่ๆ สายหนึ่งพุ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เหอะ!” เผ่ายมโลกหัวพยัคฆ์คำรามโกรธเกรี้ยว ดวงตาที่สามบนหน้าผากเปล่งแสงสีเหลืองสว่างจ้า แสงเรืองรองสีเหลืองแถบแล้วแถบเล่าสาดออกมาจากด้านในกวาดผ่านเบื้องล่าง
ช่วงเวลาต่อจากนั้นเสียงคำรามกับเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่องไม่ขาด แสงจิตวิญญาณหลากสีสายแล้วสายเล่าส่องสว่างในแอ่งกระทะเบื้องล่างไม่หยุด
แม้ซวีหลิงจะใช้วิชาลับผสานร่างเข้าไปในร่างภูตแดงรวมถึงสรรพสิ่งต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่นานก็ถูกลำแสงวิเศษของดวงตาที่สามของเผ่ายมโลกหัวพยัคฆ์หาพบ หลังจากนั้นก็ถูกทุกคนขับไล่ออกมา
แต่พวกหลิ่วหมิงเองชั่วขณะหนึ่งก็ไม่อาจทำร้ายร่างกายซึ่งเกือบจะไร้ตัวตนของเขาให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้แต่อย่างใด
ไม่นานนักแอ่งกระทะซึ่งเคยเป็นที่ตั้งหมู่บ้านเผ่าภูตแดงก็ถูกหลุมลึกมหึมาหลุมแล้วหลุมเล่ามาแทนที่ ทอดสายตามองไปเต็มไปด้วยหลุมบ่อ
เมื่อเป็นเช่นนี้พื้นที่ซึ่งซวีหลิงแฝงกายได้จึงน้อยลงเรื่อยๆ ลมปราณของเขาก็อ่อนแอลงทุกที เริ่มตกเป็นฝ่ายถูกบีบคั้นทีละน้อย
ทว่าเนื่องจากผู้คนบนท้องฟ้าใช้อาวุธจิตวิญญาณกับวิชาถี่ยิบจึงเสียพลังเวทไปไม่น้อย สีหน้าแต่ละตนเริ่มซีดขาว
“บึ๊ม!” เสียงดังสนั่น
ฝุ่นทรายฟุ้งกระจายเศษหินปลิวว่อน ส่วนสุดท้ายที่ค่อนข้างสมบูรณ์ดีของหมู่บ้านเผ่าภูตแดงถูกแสงเรืองรองแสบตาล้อมไว้ กลุ่มหมอกสีเทาสายหนึ่งพุ่งออกมา ทันใดนั้นจากหนึ่งก็แยกเป็นแปดพุ่งพรวดไปยังแปดทิศทาง
“เหอะ จนถึงขั้นนี้ก็ยังคิดจะดันทุรังสู้อีก!”
เผ่ายมโลกหัวพยัคฆ์บนท้องฟ้าหน้าอกพองขึ้นยุบลง หลังจากเห็นสถานการณ์นี้ก็แค่นเสียงหยัน ร่างกายหมุนตัวกลางอากาศรอบหนึ่ง แสงเรืองรอบสีเหลืองแถบหนึ่งกวาดออกไปสี่ทิศแปดทาง
“ฟู่” “ฟู่” เสียงดังมาจากทั่วทุกสารทิศ!
ทันทีที่กลุ่มหมอกเจ็ดกลุ่มในนั้นสัมผัสถูกแสงเรืองรองสีเหลืองก็สลายไปราวกับละลาย
มีเพียงกลุ่มหมอกสีเทาที่มุ่งไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่ถูกแสงเรืองรองกวาดผ่านแล้วเพียงทั้งร่างสั่นระริก จากนั้นทอแสงจ้าพุ่งพรวดไปด้านหน้าด้วยความเร็วมากกว่าเดิม!
“ตอนนี้ซวีหลิงตนนี้ทนไม่ไหวแล้ว พวกเราตาม!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา