ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1096

หลิ่วหมิงกับปี้เหยียนสองคนเหาะอยู่กลางท้องฟ้า ไม่นานนักลำแสงสองสายก็เหาะเร็วรี่มาแต่ไกล พวกมันส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วเผยเงาร่างสองร่างออกมา

พวกเขาก็คือเผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์

“สหายปี้เหยียน พวกเรามาแล้ว!” ทั้งสองคนทักทายปี้เหยียน ส่วนหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านข้างกลับทำเหมือนมองไม่เห็น

หลิ่วหมิงไม่ได้สนใจ สีหน้านิ่งสงบเช่นปกติ

ปี้เหยียนเหล่มองหลิ่วหมิง เมื่อเห็นเขาไม่มีสีหน้าผิดปกติก็นึกแปลกใจ แต่ปากกลับยิ้มถามขึ้นว่า

“สหายทั้งสองพบร่องรอยร่างต้นของซวีหลิงหรือไม่?”

“เฮ้อ อย่าพูดเลย! ร่างแยกนั่นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก โฉบไปโฉบมาไม่กี่ครั้งก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เมื่อพวกเราหันหลังกลับ มันก็ปรากฎตัวอยู่ไกลๆ…ไล่ๆ หยุดๆ เช่นนี้ก็เจอพี่ชื่อหูเข้าจึงเดินทางมาด้วยกัน ใช่แล้ว พี่ปี้เหยียนเรียกพวกเรามารวมตัวกัน น่าจะมีคำสั่งอื่นกระมัง” เผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์ถอนหายใจ

“ดูจากร่องรอยร่างแยกของเขาแล้ว ร่างต้นของซวีหลิงเหมือนจะไม่คิดหนีไปไกล ในเมื่อเป็นเช่นนี้การที่เขาล่อพวกเรามาที่นี่คงมีอุบายอันใดอยู่จริงๆ ข้ากับพี่อิ่นหานหารือกันแล้วจึงคิดว่าหลังจากนี้เคลื่อนไหวด้วยกันจะดีกว่า” ปี้เหยียนเอ่ยช้าๆ

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์ฟังแล้วต่างมองหน้ากัน แต่ก็พยักหน้าอย่างไม่คัดค้าน

ทั้งสี่ตนรออยู่พักหนึ่ง พวกผู้เฒ่าชุดน้ำเงินสามตนก็มารวมตัวอย่างรวดเร็วยิ่งนัก

พวกเขาสามตนเห็นด้วยกับความคิดของปี้เหยียนอย่างยิ่ง

“พี่ปี้เหยียน ยามนี้ศัตรูอยู่ในที่ลับ พวกเราอยู่ในที่แจ้ง ต่อจากนี้พวกเราควรเคลื่อนไหวอย่างไร?” ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินเอ่ยปากถาม

“ร่างจริงของซวีหลิงยามนี้จะต้องซ่อนอยู่ในป่าผลึกหมึกแห่งนี้แน่ ทุกท่านมีความเห็นเช่นไร?” ปี้เหยียนครุ่นคิดแล้วย้อนถามกลับ

คนที่เหลือต่างมองหน้ากัน เงียบงันไปชั่วขณะ

“จากที่ข้าสังเกตมาตลอดทาง ป่าผลึกหมึกแห่งนี้ยิ่งเข้าไปลึกยิ่งถูกก่อกวนจิตสัมผัสและวิชายมโลกหนักหน่วง ไม่สู้พวกเรามุ่งตรงไปใจกลางของสถานที่แห่งนี้ดีหรือไม่?” หลิ่วหมิงกระแอมครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ

“พี่อิ่นกล่าวมาก็ไม่ใช่จะไม่มีเหตุผล ลองดูสักหน่อยก็ได้” ปี้เหยียนฟังจบก็เหมือนคิดอะไรได้จึงเอ่ยปากเห็นด้วย

พวกผู้เฒ่าชุดน้ำเงินสามตนกับเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์ฟังแล้วล้วนพยักหน้า

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงเดิมคิดจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง แต่เห็นปี้เหยียนไม่คัดค้านจึงไม่พูดอันใดเพิ่มอีก

ในเมื่อทุกคนที่นั่นล้วนไม่เห็นแย้ง ปี้เหยียนจึงออกคำสั่ง คณะเดินทางเจ็ดตนกำหนดทิศทางแล้วเริ่มเหาะเร็วรี่ไปยังใจกลางป่าผลึกหมึก

เวลาเดียวกันนี้ใต้ดินใจกลางป่าผลึกหมึก ซวีหลิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นลืมตาขึ้นมาช้าๆ

หุ่นมนุษย์เบื้องหน้าเขาดูเหมือนจะตื่นเต็มตาแล้ว สองตาสาดแสงสีน้ำเงินไปรอบด้าน ร่างกายสีเทามีอักขระนับไม่ถ้วนลอยออกมาจนเหมือนบนร่างหุ่นสวมชุดเกราะสีน้ำเงินชุดหนึ่งอยู่

แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดร่างกายครึ่งซ้ายของหุ่นกลับมีส่วนที่แสงสีน้ำเงินหม่นหมองกว่าส่วนอื่นอยู่มากมายจนดูประหลาดอยู่บ้าง

สายตาของซวีหลิงจับอยู่บนตำแหน่งที่แสงสีน้ำเงินหม่นแสงบนตัวหุ่น ดวงตาฉายแววเสียดายเล็กน้อย แต่จากนั้นความยินดีเปี่ยมล้นก็กลบทับ

หุ่นที่ดูไม่ใหญ่โตนักตัวนี้แผ่แรงกดดันจิตวิญญาณอันน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งออกมาประหนึ่งมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลที่ลึกล้ำไม่อาจหยั่ง

“ดี ดียิ่ง! แม้ไม่อาจควบคุมหุ่นตัวนี้ได้สมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็สำแดงพลังได้เจ็ดแปดส่วน พอทัดเทียมผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ขั้นปลาย ไม่เสียทีที่ข้าอดทนอดกลั้นต่อปี้โยวมานานปีเช่นนี้ แล้วยังเสี่ยงอันตรายขโมยแก่นหยกวิญญาณพิสุทธิ์มา” ซวีหลิงพึมพำกับตนเองอย่างยินดีถึงขีดสุด

เขาสูดหายใจลึกยาว สีหน้าค่อยๆ กลับมานิ่งสงบ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเอ่ยกับตนเองว่า

“ร่างแยกถูกกำจัดไปสี่ร่างแล้ว แต่ยังดีเจ้าพวกนั้นยังอยู่ในป่าผลึกหมึก เอ๋! แล้วยังมุ่งมาที่ใจกลางอีกด้วย ประหยัดเวลาข้าแล้ว!”

รอยยิ้มเหี้ยมผุดพรายบนใบหน้าของซวีหลิง จากนั้นร่างกายก็บิดเบี้ยวเลือนรางกลายเป็นไอหมอกสีเทาสายหนึ่งลอยเข้าไปกลางหน้าผากของหุ่น หายไปอย่างไร้ร่องรอย

สองสามลมหายใจหลังจากนั้น หุ่นมนุษย์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเท้าเดินออกจากประตูหิน

แม้พื้นที่ของป่าผลึกหมึกแห่งนี้จะไม่เล็ก แต่ลำแสงของพวกปี้เหยียนใช้เวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็เหาะมาถึงแถบใจกลางป่าผลึกหมึกแล้ว

เวลานี้ทั้งเจ็ดตนต่างยืนอยู่บนท้องฟ้า ปล่อยจิตสัมผัสออกมาสำรวจ

เสาหินผลึกหมึกที่นี่สูงใหญ่กว่ารอบนอกอยู่มาก พวกมันสูงถึงร้อยจั้ง เมื่อมาถึงที่แห่งนี้พวกเขาสัมผัสได้ว่าพลังที่ก่อกวนรุนแรงกว่าเดิม

“เอ๋!”

ทันใดนั้นเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์ก็อุทานขึ้นเบาๆ ร่างกายขยับเหาะไปด้านหนึ่ง

พวกปี้เหยียนเห็นเช่นนี้จึงรีบติดตามไป

เหาะไปได้หลายลี้ ที่ว่างขนาดหลายสิบจั้งผืนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน เมื่ออยู่ท่ามกลางเสาผลึกหมึกสูงใหญ่รอบด้านแลดูเด่นสะดุดตายิ่งนัก

นอกเหนือจากนี้ใจกลางที่ว่างยังมีแท่นราบเรียบมันวาวที่ทำจากศิลาผลึกหมึกสีเทาขนาดหนึ่งจั้งกว่าแท่นหนึ่งอยู่ด้วย

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของแต่ละตนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ที่นี่ไม่เหมือนเกิดขึ้นตามธรรมชาติ…” เผ่ายมโลกครึ่งแมลงเอ่ยขึ้นเรียบๆ

“พี่หวั่งเหลียงเมื่อครู่พบอะไรเข้าหรือ?” ปี้เหยียนกวาดสายตาสำรวจป่าอย่างละเอียดแต่ไม่พบอันใดจึงหันไปมองเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์

เผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์กำลังจะอ้าปาก ทันใดนั้นพื้นดินรอบด้านก็สั่นไหว เสาผลึกหมึกบนพื้นสั่นรุนแรงแล้วเกิดเสียงดังสนั่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา