ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1097

หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันที มุกบรรพตธาราเม็ดหนึ่งที่เขาลอบเรียกออกมาไว้ก่อนพุ่งพรวดออกมาก่อนจะขยายใหญ่จนมีขนาดสิบจั้ง ขวางอยู่เบื้องหน้าเขาในพริบตา

“ปึง” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นครั้งหนึ่ง พลังมหาศาลสายหนึ่งส่งผ่านมาจากมุกบรรพตธารากระแทกหลิ่วหมิงกับมุกบรรพตธาราออกไปหลายจั้ง

เสียงครางแผ่วเบาสองสายดังขึ้น!

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงที่อยู่อีกด้านหนึ่งหัวไหล่ทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ ส่วนเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์ถูกตัดแขนขาดไปข้างหนึ่ง

เบื้องหน้าปี้เหยียนมีโล่น้อยรูปสามเหลี่ยมสีเขียวชิ้นหนึ่งลอยอยู่ บนนั้นมีแสงสีเขียวเรืองๆ แม้ถูกกรีดเป็นรอยแตกหลายเส้น แต่ดีเลวก็ยังป้องกันการโจมตีของเงาดำเอาไว้ได้

“โอ้ รับกระสวยกร่อนใจได้ ไม่ธรรมดา!” เสียงแฝงแววประหลาดใจของซวีหลิงดังออกมาจากในหุ่น อึดใจต่อมาหุ่นมนุษย์ก็อ้าปาก เปลวเพลิงสีเงินผืนหนึ่งพุ่งออกมา

หลิ่วหมิงกับปี้เหยียนสีหน้าหวาดผวา ร่างกายพุ่งถอยออกมาในทันใด

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์บาดเจ็บอยู่ การเคลื่อนไหวจึงช้าลงเล็กน้อย พวกเขาถูกเปลวเพลิงสีเงินกลืนเข้าไปด้านในทันที

เสียงกรีดร้องสองสายดังออกมา แล้วเงียบหายไปในพริบตา!

เปลวเพลิงสีเงินมาถึงเร็วและหายไปเร็วดุจเดียวกัน แต่ร่างของเผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์สองคนที่เดิมยืนอยู่ที่นั่นหายไปอย่างไร้ร่องรอยประหนึ่งหยดน้ำที่ระเหยหายไปในกองเพลิง ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย

หลิ่วหมิงกับปี้เหยียนหน้าถอดสีอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่ทั้งสองคนจะตอบโต้ หุ่นสีน้ำเงินพลันกระทืบเท้า ร่างกายมหึมาพุ่งเข้าใส่ เปลวเพลิงสีเงินผืนใหญ่โถมเข้ามาอีกครั้งแล้วล้อมหลิ่วหมิงกับปี้เหยียนไว้ด้านใน

หลิ่วหมิงปฏิกิริยาตอบโต้ว่องไวยิ่ง เขาตวาดดังลั่น มุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดลอยออกมาจนหมด ก่อนจะกลายเป็นเกราะป้องกันสีเหลืองชั้นหนึ่งล้อมตลอดร่างจากบนจรดล่างไว้

เสียงสายน้ำรินไหลดังออกมาจากมุกบรรพตธารา ประกายน้ำสีดำผืนใหญ่โถมปะทะกับเปลวเพลิงสีเงิน

เสียงชี่ดังขึ้นไม่หยุด ประกายน้ำสีดำระเหยหายไปอย่างว่องไวดุจน้ำสัมผัสเพลิงร้อน

แต่มุกบรรพตธาราหลอมขึ้นมาจากหยดพลังวารีของแม่น้ำมืด พลังแห่งต้นกำเนิดธาตุน้ำแข็งแกร่งยิ่งนัก ประกายน้ำผืนใหญ่ทะลักออกมาจากในมุกบรรพตธาราไม่ขาดสาย หยุดเปลวเพลิงสีเงินไว้อยู่กับที่ได้ชั่วขณะ

ปี้เหยียนที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับไม่โชคดีเช่นนั้น

เมื่อเสียงกรีดร้องดังขึ้นด้านข้าง หลิ่วหมิงก็เหลือบมองผ่านหางตา ปี้เหยียนกับโล่น้อยรูปสามเหลี่ยมสีเขียวหน้าร่างเขาถูกกลืนหายเข้าไปในเปลวเพลิงสีเงินที่โหมกระหน่ำจนหมด

“ขึ้น!”

หลิ่วหมิงหางตากระตุก ปากตวาดลั่นคำหนึ่ง ประกายน้ำสีดำผืนใหญ่พลันทะลักออกมาจากมุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดแล้วโถมสวนกลับไปดั่งคลื่นสมุทร กระแทกครั้งเดียว เปลวเพลิงสีเงินก็แตกกระจาย

พร้อมกันนั้นเขาก็ยกมือยิงเคล็ดวิชาหลายสายออกมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางประกายน้ำสีดำมีประกายแสงสีเหลืองเข้มสายหนึ่งปรากฏ มุกบรรพตธาราหกเม็ดส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นเงาภูเขาน้อยหลายลูกพุ่งโจมตีพื้นดินอย่างรุนแรง

เสียงระเบิดดังสนั่นแก้วหูแทบดับดังขึ้นติดกันเป็นสาย!

ผืนดินทั้งแถบปริแตกในทันใด ก้อนดินขนาดเท่าโม่นับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่มืดฟ้ามัวดินลงไปกลบหุ่นสีเทาไว้ด้านในจนมิดทันที

ต่อจากนั้นร่างกายของหลิ่วหมิงก็ขยับกลายเป็นเงาเลือนรางสายหนึ่งเหาะถอยไปด้านหลัง

แต่ในตอนนี้เองแสงสีน้ำเงินก็สว่างวาบเหนือศีรษะเขา เงาบอบบางร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นดุจภูตพราย

หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขายกมือใช้เคล็ดวิชากระตุ้นมุกบรรพตธาราให้โจมตีโดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อสายตาเขาเห็นหน้าตาของผู้ที่มาชัดเจนในที่สุด ร่างก็แข็งทื่อไปทันใด

“ขุยตี้แห่งหนานฮวง…ผู้อาวุโสชิงหลิง!”

ร่างกายของหลิ่วหมิงชะงัก หลุดปากออกมาอย่างไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง

เงาบอบบางที่จู่ๆ ปรากฏตัวตรงหน้าคือเด็กหญิงรับใช้ชุดสีน้ำเงินอายุราวหกเจ็ดปีผู้หนึ่ง นั่นก็คือขุยตี้แห่งหนานฮวง ผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่เขาเคยพบนั่นเอง!

ชิงหลิงไม่แม้แต่จะมองหลิ่วหมิง นางยืนนิ่งมองกองหินระเกะระกะที่อยู่ไกลๆ

ในตอนนี้เอง เสียงระเบิดพลันดังกึกก้อง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา