สรุปตอน ตอนที่ 1108 สงครามกับเงาในกระจก (ปลาย) – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
ตอน ตอนที่ 1108 สงครามกับเงาในกระจก (ปลาย) ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หลิวหมิงมองอสูรเลี้ยงข้างตัวทั้งสองตน ริมฝีปากขยับขมุบขมิบส่งกระแสจิตหาหลายประโยค
ฉับพลันแมงป่องกระดูกก็ยกก้ามทั้งสองข้างไขว้กันแล้วขยับตัวกลายเป็นเงาสีเงินสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่ “เงาสะท้อนแมงป่องกระดูก” ระหว่างที่ตัวยังลอยอยู่กลางอากาศหางเหล็กในด้านหลังก็พร่าเลือนเกิดเป็นเงาเหล็กในมากมายถี่ยิบ
ส่วนหัวบินหัวเราะชั่วร้ายพุ่งตรงเข้าใส่ “เงาสะท้อนหัวบิน” เส้นผมสีเขียวพุ่งออกมาเต็มฟ้าโอบล้อมไปด้านหน้า
ระหว่างที่อสูรเลี้ยงทั้งสองตัวลงมือ อสูรเลี้ยงสองตัวข้างกาย “เงาสะท้อนหลิ่วหมิง” ก็พุ่งออกมาพร้อมกัน อสูรเลี้ยงสี่ตัวปะทะกันเสียงดังสนั่น
ชั่วขณะหนึ่งเงาหางเหล็กในนับไม่ถ้วนปะทะกันอย่างดุเดือดกลางท้องฟ้า เส้นผมสีเขียวเต็มท้องฟ้าโรมรันรัดพันกัน
“แมงป่องกระดูก” กับ “หัวบิน” ที่ค่ายกลอนธการก่อเกิดสร้างขึ้นมาพลังเหมือนกับร่างต้นทุกประการจริงๆ กระบวนท่าทั้งหมดล้วนไม่ต่างกัน ชั่วขณะหนึ่งจึงต่อสู้กินกันไม่ลง ตัดสินแพ้ชนะไม่ได้
ทว่าในยามนี้เองแมงป่องกระดูกกับหัวบินก็เหมือนจะตกลงบางอย่างกันเรียบร้อย ร่างกายของพวกมันปล่อยปราณสีดำกับเปลวเพลิงสีเขียวลุกท่วมม้วนเป็นเกลียวกวาดไปรอบด้านพร้อมกัน
เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เนื่องจากการต่อสู้อันดุเดือดของอสูรเลี้ยงทั้งสี่ตัวอยู่ค่อนข้างใกล้กับตัวเขา สายตาของเขาจึงถูกปราณดำกลับเพลิงสีเขียวบดบังไปชั่วขณะ
ยังไม่ทันที่เขาจะตอบสนอง กระบี่ยักษ์สีเทากลางอากาศก็ฟาดอย่างแรง กระบี่ยักษ์เปล่งแสงสว่างจ้ากะทันหันปัดกระบี่ยักษ์สีดำที่ติดพันอยู่กระเด็นออกไป จากนั้นเงากระบี่ยักษ์ก็พร่าเลือนหายไปวูบหนึ่งแล้วฟันลงมาหาเงาสะท้อนของหลิ่วหมิงอย่างรุนแรง
เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงสะบัดมือข้างหนึ่ง แสงสีเหลืองพลันสว่างขึ้นบนร่าง มุกบรรพตธาราสีเหลืองหม่นเม็ดหนึ่งพุ่งพรวดออกมาแล้วขยายใหญ่สิบเท่าในพริบตาขวางอยู่เหนือศีรษะ
ทว่าแสงเจิดจ้าที่ฉายออกมาจากกระบี่ยักษ์สีเทากลับหดตัวในพริบตาแล้วระเบิดตัวเอง
เสียงดังกึกก้องสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แสงกระบี่สีเทากลายเป็นปราณกระบี่สีเทาระยิบระยับนับไม่ถ้วนพุ่งปราดไปสี่ทิศแปดทาง ปราณกระบี่ระยิบระยับแล่นผ่านที่ใดก็ทิ้งรอยกรีดสีเทาอ่อนสายแล้วสายเล่าเอาไว้กลางอากาศ
เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รีบสะกิดปลายเท้า ร่างกายพุ่งถอยหลังพร้อมกับที่แสงสีเหลืองสว่างขึ้นบนร่างอีกครั้ง มุกกลมสีเหลืองหม่นสี่เม็ดปรากฏออกมา ไอหมอกสีเหลืองเข้มผืนใหญ่ทะลักออกมาล้อมตัวเขาไว้ด้านใน
เสียงประหนึ่งเม็ดฝนกระทบใบตองดังขึ้น!
ปราณกระบี่แวววาวโจมตีลงบนไอหมอกสีเหลืองเข้ม แม้ไอหมอกสีเหลืองจะกระเพื่อมอย่างรุนแรง ทว่าดีเลวก็รับการโจมตีแต่ละสายเอาไว้ได้
เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงถอยหลังดังตึงสิบกว่าก้าวกว่าจะตั้งหลักได้อย่างหวุดหวิด
ตอนนี้เองเงาคนก็โผล่มาด้านหลังเขา หลิ่วหมิงปรากฏตัวออกมาดุจภูตพราย รอบร่างมีปราณสีดำพลุ่งพล่านไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เขาตวาดแผ่วเบาคำหนึ่งแล้วเหวี่ยงสองแขนออกมา
“ฟู่” แสงสีดำแถบใหญ่ม้วนออกมารวบเงาสะท้อนของหลิ่วหมิงไว้ด้านในแล้วกลายเป็นลูกบอลแสงสีดำมหึมาลูกหนึ่ง
เบื้องหน้าของเงาสะท้อนของหลิ่วหมิงมืดไปวูบหนึ่ง เขาตกลงมาในมิติสีดำสนิทที่เต็มไปด้วยปราณสีดำอันแน่นพร้อมกับอสูรเลี้ยงทั้งสี่ตัว
อึดใจต่อมาเขาก็ถูกปราณดำที่โถมมาจากสี่ทิศแปดทางปิดกั้นไว้จนมองไม่เห็นสถานการณ์การต่อสู้ระหว่างอสูรเลี้ยงแม้แต่น้อย
ทว่าเงาสะท้อนของหลิ่วหมิงกลับไม่มีสีหน้ากังวลสักนิด เขากวาดสายตามองรอบด้าน มุมปากผุดรอยยิ้มเย็นชา ขณะที่มือทำท่าเคล็ดวิชา ทันใดนั้นเมฆสีเหลืองที่ปกป้องอยู่รอบร่างก็ส่องแสงวูบวาบ มุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดปรากฏออกมาจนหมดแล้วหมุนวนอย่างรวดเร็ว แสงเรืองรองสีเหลืองเข้มสายแล้วสายเล่าสาดออกมาเสริมลูกบอลสีเหลืองเข้มรอบร่าง
ในตอนนี้เองไอหมอกสีดำของมิติคุกมืดก็ปั่นป่วน ลูกศรหมอกสีดำมากมายถี่ยิบก่อตัวขึ้นแล้วพุ่งมืดฟ้ามัวดินเข้าใส่เงาสะท้อนของหลิ่วหมิง
ทว่าทันทีที่ลูกศรหมอกสีดำเหล่านี้สัมผัสถูกแสงเรืองรองสีเหลืองเข้มที่มุกบรรพตธาราสร้างขึ้นมา พวกมันก็พากันสลายกลายเป็นปราณสีดำอีกครั้งโดยที่ไม่อาจเข้าใกล้ได้สักนิด
เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงพร่ำท่องมนตร์เหมือนกำลังจะใช้วิชาอันร้ายกาจบางอย่างฉีกมิติคุกมืดออกมา
ทว่าตอนนี้เองด้านในมิติคุกมืดพลันมีไอน้ำหนาทึบสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้น เสียงหยาดน้ำกระเซ็นดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
โฮกๆ !
เสียงภูตผีโหยหวน ปราณสีดำรอบด้านปั่นป่วนรุนแรง ผีสีดำที่มีเขายาวงอกอยู่บนหัวขนาดหนึ่งจั้งกว่าเจ็ดแปดตัวกระโดดออกมาแล้วกระโจนเข้าใส่เงาสะท้อนของหลิ่วหมิง
เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงแค่นเสียงหยัน มุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดรอบตัวเปล่งแสงเจิดจ้าในทันใด พวกมันสั่นเบาๆ สร้างระลอกคลื่นแสงสีเหลืองเข้มวงแล้ววงเล่าขึ้นมา
ผีน้อยสีดำที่โถมเข้ามาสัมผัสคลื่นแสงชั้นนี้เพียงพริบตาก็กรีดร้องโหยหวนสลายกลับเป็นน้ำสีดำนับไม่ถ้วน ระเบิดหายไป
ทว่ายังไม่ทันที่เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงจะผ่อนคลาย ปราณสีดำรอบด้านก็ปั่นป่วนรุนแรงอีกครั้ง ผีสีดำตัวแล้วตัวเล่ากระโดดตามกันออกมาแล้วโถมเข้าใส่เขาตามไล่หลังกันไม่ขาดสาย
เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงสีหน้าเฉยชา นิ้วข้างหนึ่งจี้ดัชนีใส่มุกบรรพตธาราสิบสองลูกตรงหน้า ทันใดนั้นมุกกลมทั้งหมดก็เปล่งแสงสว่างแสบตา พวกมันทอแสงวูบหนึ่งก็กลายเป็นมังกรสีเหลืองเข้มยาวสิบกว่าจั้งสิบสองตัว
มังกรเหล่านี้มีร่างจริง บนร่างมีเกล็ดสดใสแวววาวปกคลุม ส่วนท้องก็มีกรงเล็บมังกรสีเหลืองสลับดำสี่ข้าง
มังกรสิบสองตัวบินวนรอบหนึ่ง กรงเล็บมังกรก็ตะปบฉีกผีน้อยสีดำที่ปรากฏตัวรอบด้านไม่หยุดเป็นชิ้นๆ จนหมดสิ้น
เกราะเนื้อสีเงินเปล่งแสงวูบหนึ่งก่อนที่มือมารจะทะลวงเข้าไปในหน้าอกของหลิ่วหมิง จังหวะที่เกราะเนื้อสีเงินขวางเอาไว้ กำปั้นที่หลิ่วหมิงต่อยออกมาก็เบี่ยงไปโจมตีถูกแขนช่วงที่อยู่ถัดจากมือมาร ห้านิ้วของมืดมารจึงเฉไปเล็กน้อยแล้วทะลุเฉียดหัวใจของหลิ่วหมิงไป
หลิ่วหมิงครางหนักๆ ครั้งหนึ่ง เลือดสดพุ่งออกมาจากบาดแผลประหนึ่งต้นเสา แต่สีหน้าของเขากลับไม่เปลี่ยนสักนิดราวกับว่าผู้ที่ถูกทะลวงร่างไม่ใช่เขา ตรงกันข้ามเขากลับฉวยโอกาสใช้สองมือกอด รวบตัวเงาสะท้อนของหลิ่วหมิงที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือไว้แน่น จากนั้นแสงสีเงินพลันส่องสว่างออกมาจากแผ่นหลัง หนวดสีเงินเจ็ดแปดข้างยืดออกมาดุจสายฟ้าแลบ สะบัดครั้งหนึ่งรัดเงาสะท้อนของหลิ่วหมิงเอาไว้ทั้งตัวอย่างแน่นหนา
ยามนี้เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงเพิ่งจะเปลี่ยนสีหน้า ปราณดำพวยพุ่งออกมารอบร่างหมายจะดิ้นรนให้หลุด
ฝ่ามือข้างหนึ่งของหลิ่วหมิงกลับมีเสียงอสนีบาตดังขึ้น สายฟ้าห้าสีเส้นหนึ่งส่องสว่าง นั่นก็คือสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า มันแล่นปราดเดียวก็พุ่งเข้าไปในร่างเงาสะท้อนของหลิ่วหมิงอย่างดุดันยิ่งนัก
ในร่างเงาสะท้อนของหลิ่วหมิงยังมีปราณมารเหลืออยู่ไม่น้อย การโจมตีจากสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าระยะใกล้เช่นนี้ทำให้ภายในร่างชาหนึบ การโคจรของพลังเวทชะงักไปทันที
“เก็บ!”
หลิ่วหมิงตวาดเสียงดัง ปราณดำพวยพุ่งรอบร่าง ผียักษ์แม่น้ำมืดสิบสองตนเปล่งแสงสีเหลืองแสบตาออกจากร่างในทันใด พวกมันเปล่งแสงวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นมุกบรรพตธาราอีกครั้ง
มุกบรรพตธาราสิบสองลูกขยับวูบเดียวก็หลบลอดกรงเล็บของมังกรสีเหลือง แล้วพร่าเลือนกลืนรวมกันเป็นหนึ่ง กลายเป็นลูกบอลสีเหลืองเข้มขนาดหนึ่งจั้งกว่าลูกหนึ่งพุ่งพรวดเข้าใส่เงาสะท้อนหลิ่วหมิง
ในเวลาเดียวกันสองมือของหลิ่วหมิงก็คลายออก ร่างกายพุ่งถอยหลังไป
แม้เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงจะตื่นตระหนกและอยากจะหลบ แต่ในร่างมีพลังของสายฟ้าเทพก่อกวน ภายนอกมีหนวดสีเงินพันธนาการ ชั่วขณะหนึ่งจึงไม่อาจขยับร่างได้แม้แต่น้อย
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน!
มุกกลมมหึมากระแทกลงบนแผ่นหลังของเงาสะท้อนของหลิ่วหมิงอย่างจัง เขาสีหน้ากระตุกไปพริบตาหนึ่ง หลังจากนั้นใบหน้าก็เกิดรอยเลือดเส้นแล้วเส้นเล่าก่อนจะระเบิดกลายเป็นหยาดโลหิตแถบใหญ่พร้อมกับเสียงดังสนั่น
อึดใจต่อมาหยาดโลหิตพลันเปล่งแสงสีดำสลายกลายเป็นละอองแสงสีดำจุดแล้วจุดเล่าลอยกระจายหายไป
มังกรสีเหลืองเข้มสิบสองตัวที่อยู่ใกล้ๆ กับกระบี่ขู่หลุนก็กลายเป็นฝนแสงสีดำตามไปด้วย
จุดแสงสีดำทั้งหมดเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลิ่วหมิงเห็นภาพนี้ จิตใจก็ผ่อนคลาย สะบัดเมือยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งเก็บเกราะเนื้อสีเงินบนร่างเก็บเข้าไปในตัว มุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดก็กลายเป็นแสงสีเหลืองแล่นกลับไปในแขนเสื้อด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา