เมื่อเมฆอสนีบาตสีดำสนิทบนท้องฟ้ารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ สายฟ้าเส้นโตก็แลบแปลบปลาบ เมฆอสนีบาตปั่นป่วน เส้นสายฟ้าแล่นมารวมกันเป็นกลุ่มเหมือนกำลังจะร่วงลงมาในชั่วอึดใจ
ทันใดนั้นเองอากาศว่างเปล่าบริเวณใกล้ๆ พลันสั่นสะเทือน “ฉึบ” เกิดเสียงดังสนั่น แล้วฉีกขาดเป็นรอยแยกมิติหนาเส้นหนึ่ง
อึดใจต่อมาลำแสงสีขาวหนาเส้นหนึ่งก็พุ่งพรวดออกมาจากด้านในดุจสายฟ้าแลบ ความเร็วแทบเหมือนเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา
รูม่านตาของหลิ่วหมิงหดเล็ก ยังไม่ทันที่เขาจะตอบสนองอย่างใด ลำแสงสีขาวก็พุ่งมาถึงแล้วโจมตีเมฆอสนีบาตมากมายบนท้องนภา
เมฆอสนีบาตที่เพิ่งรวมตัวถูกโจมตีสลายไปครึ่งหนึ่งพร้อมเสียงดังสนั่น เมฆอสนีบาตที่เหลือส่งเสียงดังเปรี้ยงปร้าง อสนีบาตสีม่วง สีเงินและสีทองแลบแปลบปลาบอยู่ในก้อนเมฆ ทว่าดูบางตาลงมากนัก
ลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นเพียงชั่วแวบแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตาราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน รอยแยกมิติประสานสนิทอย่างรวดเร็วไม่ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก็สะกิดเท้าทะยานร่างเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า
“…”
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว แม้แสงสีขาวจะปรากฏขึ้นเพียงชั่วพริบตา แต่ความแข็งแกร่งของพลังที่บรรจุอยู่ในนั้นเหนือกว่าผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์มากนัก ทว่ามันเหมือนจะไม่มีเจตนาทำร้ายหัวบิน ตรงกันข้ามมันกำลังใช้พลังอันยิ่งใหญ่เหนือสวรรค์ช่วยหัวบินให้ผ่านด่านเคราะห์อสนีบาต
บึ๊ม!
เมฆอสนีบาตที่เหลือไม่มากบนท้องฟ้ารวมตัวกันอย่างเชื่องช้า สายฟ้าเรียวเล็กหลากสีเส้นแล้วเส้นเล่าฟาดลงมาใส่หัวบิน
หัวบินอ้าปากคำรามเกรี้ยวกราด เส้นผมสีเขียวทั้งศีรษะพุ่งพรวดออกไปกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่สีเขียวผืนหนึ่งกางอยู่เหนือศีรษะ
เส้นผมสีเขียวทอแสงวูบหนึ่ง เปลวเพลงสีเขียวก็ผุดขึ้นมา ทันทีที่สายฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าร่วงลงบนนั้น เปลวเพลิงสีเขียวก็เปล่งแสงสว่างจ้าโอบเส้นสายฟ้าไว้ด้านใน
อาจเพราะเมฆอสนีบาตถูกโจมตีสลายไปเกินครึ่งแล้ว พลังของสายฟ้าเหล่านี้จึงมีจำกัด แม้พวกมันจะระเบิดดังเปรี้ยงปร้างอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงสีเขียว ทำลายเปลวเพลิงสีเขียวไปได้ไม่น้อย แต่ตัวสายฟ้าเองก็สลายไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
หัวบินเปล่งเสียงหัวเราะคิกคักแล้วอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีเทาสายหนึ่งออกมาโจมตีเมฆอสนีบาตที่อยู่บนท้องฟ้าจนเกิดเสียงดังสนั่น ก่อนจะลากเมฆอสนีบาตส่วนหนึ่งกับสายฟ้าที่อยู่ด้านในลงมากลืนเข้าปากในคำเดียว
หลิ่วหมิงสีหน้านิ่งอึ้ง
เมฆอสนีบาตบนท้องฟ้าลอยปั่นป่วนอยู่พักหนึ่ง ด่านเคราะห์อสนีบาตระลอกที่สองก็ร่วงลงมาอีกครั้ง ทว่ามันอ่อนแรงยิ่งกว่าระลอกแรก หัวบินอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีเทาผืนใหญ่ออกมารวบสายฟ้าเหล่านี้กลืนลงไปคำแล้วคำเล่าในทันใด
ไม่นานเมฆอสนีบาตสีดำบนท้องฟ้าก็เล็กลงเรื่อยๆ เส้นอสนีบาตสีทองสายสุดท้ายก็ถูกเฟยเอ๋อร์กลืนลงไปด้วยวิธีเดียวกัน
พร้อมกับที่เมฆอสนีบาตสีดำค่อยๆ สลายตัว ผิวของเฟยเอ๋อร์พลันมีไอหมอกสีเขียวกลุ่มใหญ่ผุดออกมาเกี่ยวกระหวัดกันเกิดเป็นลูกบอลหมอกขนาดหลายจั้งลูกหนึ่ง หุ้มเฟยเอ๋อร์เอาไว้ด้านใน
ในที่สุดเฟยเอ๋อร์ก็เริ่มเลื่อนระดับแล้ว!
เสียงกรีดร้องตื่นเต้นยินดีแต่ในเวลาเดียวกันก็แฝงความเจ็บปวดของเฟยเอ๋อร์ดังออกมาจากกลางไอหมอก
ชั่วขณะหนึ่งสายลมหนาวโหมพัด
ปราณหยินจำนวนมากรอบด้านรวมตัวกันไม่หยุดโดยมีเฟยเอ๋อร์เป็นศูนย์กลาง เกิดเป็นพายุหมุนปราณหยินขนาดมหึมาอย่างยิ่งลูกหนึ่ง แก้วผลึกสีดำสามสิบหกลูกลอยโดดเด่นอยู่ใจกลางพายุหมุน พวกมันเคลื่อนวนเป็นวงก่อนจะผสานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
เพียงครู่เดียวด้านในพายุหมุนสีดำก็มีเงามุกกลมสีดำขนาดเท่ากำปั้นลูกหนึ่งปรากฏขึ้น บนนั้นมีช่องทวารหกช่องปรากฏอยู่อย่างเด่นชัดยิ่งนัก
เงามุกกลมสีดำสั่นวูบหนึ่งก็มลายหายไป ต่อจากนั้นพายุหมุนปราณสีเขียวทั้งหมดก็สลายไปเสียงดังกึกก้อง เผยร่างของเฟยเอ๋อร์ออกมาอีกครั้ง
แต่นอกจากเขาโค้งคู่หนึ่งที่เพิ่มมาบนศีรษะของเฟยเอ๋อร์ รูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงมากมายนัก ทว่าศีรษะอีกแปดหัวที่เดิมทีขนาดเล็กกว่ากลายเป็นขนาดเดียวกับศีรษะหลักแล้ว ศีรษะทั้งเก้าล้อมเป็นวงอยู่กลางท้องฟ้า แยกไม่ออกว่าหัวใดเป็นหัวหลักหัวใดเป็นหัวรอง
หากมองให้ละเอียด ตรงกลางหว่างคิ้วของศีรษะทั้งเก้ามีเส้นสีดำเข้มอยู่เส้นหนึ่ง
คลื่นพลังเวทรุนแรงแสดงให้เห็นว่าเฟยเอ๋อร์เลื่อนระดับสำเร็จ กลายเป็นหัวปีศาจระดับแก่นแท้หัวหนึ่งแล้ว
แสงสีเขียวฉายวูบ เฟยเอ๋อร์กลายร่างเป็นเด็กน้อยชุดเขียว หมุนตัวรอบหนึ่งแล้วร่อนลงมาข้างกายหลิ่วหมิง
หลังจากเข้าสู่ระดับแก่นแท้ ร่างแปลงเด็กน้อยของเฟยเอ๋อร์ก็ดูโตขึ้นอีกเล็กน้อย หน้าผากเกลี้ยงเกลาของเขามีเส้นขีดตั้งสีดำเส้นหนึ่งปรากฏเด่นชัด มองไวๆ คล้ายดวงตาข้างหนึ่งที่ปิดอยู่
“นายท่าน ข้าผนึกแก่นแท้สำเร็จแล้ว!” เฟยเอ๋อร์ร่อนลงมาข้างกายหลิ่วหมิง มือน้อยขาวนุ่มนิ่มดึงชายเสื้อของหลิ่วหมิงแล้วเอ่ยอย่างดีอกดีใจ
“ทำได้ไม่เลว!” หลิ่วหมิงลูบศีรษะเฟยเอ๋อร์เบาๆ พลางเอ่ยชมประโยคหนึ่ง แต่ในหัวมีภาพลำแสงสีขาวที่โผล่มากะทันหันก่อนหน้านี้แวบขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ในใจนึกสงสัยอยู่เงียบๆ
เฟยเอ๋อร์ได้ยินแล้วเบิกบานใจยิ่งนัก
หลิ่วหมิงเลื่อนสายตาไปจับบนเส้นดำบนหน้าผากของเฟยเอ๋อร์ ดวงตาทอประกายวูบหนึ่ง
“เฟยเอ๋อร์ สิ่งนี้บนหน้าผากของเจ้าคืออะไร พลังใหม่หลังจากเข้าสู่ระดับแก่นแท้หรือ”
เฟยเอ๋อร์ได้ยินก็อึ้งไปชั่วครู่ มือน้อยขาวนุ่มนิ่มคลำบนหน้าผาก สีหน้าเผยความมึนงงออกมาเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา