ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1124

สรุปบท ตอนที่ 1124 วันทรายทมิฬ: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 1124 วันทรายทมิฬ จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1124 วันทรายทมิฬ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หลิ่วหมิงฟังจบ ในใจก็คิดบางอย่างแต่ใบหน้าไม่แสดงอาการ แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ผู้เยาว์ล้างหูรอฟังแล้ว”

“เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญยิ่งยวด ข้าจึงจะไม่อ้อมค้อม จากข่าวน่าเชื่อถือที่สายสืบเพิ่งส่งมา วันนี้จำนวนแมลงยักษ์จากเผ่าหนอนผีเสื้อในเขตดินแดนทางใต้ของพวกเรามีมากถึงล้านตัวแล้ว อีกทั้งรอบรอยแยกมิติแห่งนั้นเหมือนจะมีรอยแยกขนาดเล็กอีกสิบกว่าแห่งเกิดขึ้นเพิ่ม มีเผ่าหนอนผีเสื้อข้ามมาใหม่ไม่ขาดสาย” สีหน้าของผู้อาวุโสเฟิงเคร่งขรึมเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง

สิ้นเสียงพูด ผู้ฝึกฝนด้านล่างส่วนใหญ่ล้วนสูดหายใจดังเฮือก คนส่วนน้อยที่เหลือก็หน้าถอดสี

ในตอนนี้เองชายหนุ่มผิวซีดเหลืองผู้สวมอาภรณ์สีเขียวที่อยู่ฝั่งซ้ายก็พลันก้าวมาข้างหน้า ประสานมือเอ่ยถามขึ้นว่า “เรียนถามผู้อาวุโส กองทัพใหญ่ของเผ่าหนอนผีเสื้อมากมายเช่นนี้ ตอนนี้พวกเราทราบตำแหน่งที่แน่ชัดของพวกมันหรือไม่?”

“แมลงเหล่านี้เหมือนจะมีแผนการบางอย่าง จึงไม่โจมตีเข้ามาตรงๆ แต่กลับถอยกลับไปในทะเลทรายหนานฮวง หากแมลงเหล่านี้ทุ่มกำลังรุกคืบมายังเขาผ่านพิภพ ระหว่างทางคงไม่มีกลุ่มอำนาจใดต้านทานได้ เกรงว่าเวลาสิบกว่าวันก็คงมาถึงที่แห่งนี้แล้ว” ผู้อาวุโสเฟิงมองชายหนุ่มชุดเขียวแล้วเอ่ยเช่นนี้

ทุกคนที่นั่นได้ยินคำนี้ก็ปั่นป่วนทันที

“ผู้อาวุโสทุกท่านเรียกพวกเรามารวมกันที่นี่ คงไม่ใช่เพียงเพื่อแจ้งข่าวที่ทำให้คนสะพรึงเหล่านี้แก่พวกเราเท่านั้น คิดว่าคงมีมารตราการรับมือแล้วกระมัง?” หลิ่วหมิงกลับเอ่ยปากถามขึ้นประโยคหนึ่ง

“ไม่ผิด ก่อนหน้านี้พวกเราสี่คนตัดสินใจเบื้องต้นกันแล้ว ครั้งนี้จึงเรียกรวมทุกท่านมาที่นี่เพื่อแจ้ง พี่เหยา ต่อไปให้ท่านเล่าแผนการรับมือของพวกเราให้สหายทุกท่านฟังก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสเฟิงมองหลิ่วหมิงเหมือนมีความนัยบางอย่างจากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับผู้เฒ่าหางคิ้วเชิด

สายตาของทุกคนต่างมองไปหาผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดทันที ในตอนนี้บรรยากาศของห้องโถงเคร่งเครียดยิ่งนัก

“ฮ่ะๆ ความจริงแล้วทุกท่านไม่ต้องเคร่งเครียดปานนี้ พวกเราได้รับข่าวมาแล้วว่า กำลังเสริมจากที่อื่นกำลังเดินทางมา สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือป้องกันเขาผ่านพิภพไว้ให้ได้และพยายามชะลอการเคลื่อนไหวของกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อให้ได้มากที่สุด ทว่าแม้เขาผ่านพิภพจะตั้งอยู่บนที่สูงชันและมีชั้นจำกัดมากมาย หากถูกเผ่าหนอนผีเสื้อนับล้านโจมตีพร้อมกัน ฝั่งเราลดฝั่งนั้นเพิ่ม เกรงว่าคงต้านไว้ได้ไม่นานนัก ดังนั้นพวกเราจึงต้องเตรียมตัวเป็นฝ่ายลงมือโจมตี รุกเป็นการตั้งรับเพื่อซื้อเวลาอันมีค่า”

“เป็นฝ่ายรุกโจมตี? พวกเราผู้ฝึกฝนน้อยนิดไม่กี่หมื่นคน จะต้านกองทัพใหญ่เผ่าหนอนผีเสื้อที่มากเป็นสิบกว่าเท่าของพวกเราได้อย่างไร?”

“ใช่แล้ว ทำเช่นนี้ไม่ต่างจากเอาไข่ไปกระแทกหิน!”

“ข้าว่าไม่สู้อาศัยโอกาสนี้เสริมการป้องกันของเขาผ่านพิภพ…”

“บางทีหากพวกเราแยกย้ายกันไป อาจยังรักษาชีวิตรอดได้!”

ผู้คนในห้องโถงเสียงดังอื้ออึง คนไม่น้อยแสดงท่าทีจะถอนตัว

แม้ในใจหลิ่วหมิงสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่กลับไม่เอ่ยปากพูดอะไร เพียงมองผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดจากนิกายทรายรังสรรค์เท่านั้น

“เงียบ!”

ตอนนี้เองเสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังประหนึ่งระฆังก็ดังขึ้นในห้องโถงทำให้ที่แห่งนั้นเงียบลง

ซือโห่วรองประมุขแห่งหุบเขาปีศาจสวรรค์ลุกขึ้นยืน สองตาถลึงกวาดมองผู้คนที่นั่นแล้วตวาดเบาๆ

“เข้าร่วมพันธมิตรแดนใต้แต่เดิมล้วนแล้วแต่สมัครใจ หากผู้ใดไม่ยินดีร่วมต้านศัตรูกับพวกเราที่นี่ พวกเราก็จะไม่รั้งไว้ จะไปจะอยู่แล้วแต่ต้องการ ทว่าวันนี้เผ่าหนอนผีเสื้อดักอยู่ข้างนอกรอบด้าน อันตรายซุ่มซ่อนอยู่ทุกหนแห่ง ผู้ที่ออกไปจากตำหนักแห่งนี้วันนี้ เป็นตายรับผิดชอบเอง! พวกเราคงดูแลมากมายเช่นนั้นไม่ไหว”

ผู้คนที่นั่นได้ยินคำนี้พลันมองหน้ากันอย่างห้ามไม่ได้

แม้ก่อนหน้านี้จะโวยวายไม่หยุด แต่เวลานี้เมื่อต้องตัดสินความเป็นความตาย สองเท้าของคนทั้งหมดกลับประหนึ่งถูกตะปูตอกตรึงไว้ ไม่มีผู้ใดขยับสักก้าว

“ดียิ่ง! ในเมื่อทุกท่านสมัครใจอยู่ต่อ ถ้าเช่นนั้นก็ถือว่าเห็นด้วยกับแผนการรับมือศัตรูที่พวกเราหารือกันแล้ว สหายเหยา เจ้าพูดต่อเถิด” ซือโห่วเห็นสีหน้าของทุกคนที่นั่นอยู่ในสายตาทั้งสิ้น แววตาเย้ยหยันที่ยากจะสังเกตพาดผ่านดวงตาไปแวบหนึ่ง แล้วจึงหันหน้าไปเอ่ยกับผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดแห่งนิกายทรายสังสรรค์

“ความจริงทุกท่านเข้าใจเจตนาของผู้แซ่เหยาผิดไปเล็กน้อย ข้ามิได้วางแผนให้ทุกท่านไปสู้ตัดสินเป็นตายกับเผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านั้น” ผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดพยักหน้านิดๆ แล้วเอ่ยต่ออย่างไม่รีบร้อน

“ถ้าเช่นนั้นเจตนาของผู้อาวุโสเหยาเป็นเช่นไร?” ทุกคนที่นั่นจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่บ้าง

“ไม่ทราบว่าทุกท่านรู้จัก ‘วันทรายทมิฬ’ หรือไม่?” ผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดยิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้นมา

“วันทรายทมิฬ?”

คนไม่น้อยงุนงง ไม่เข้าใจว่าผู้อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายทรายรังสรรค์ผู้นี้เอ่ยถึงสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อการใด

“ในจุดนี้ก็ขอให้วางใจได้ เรื่องนี้พวกเราสี่คนจะออกโรงเอง แต่ละคนจะพาคนส่วนหนึ่งมุ่งหน้าไปวางค่ายกลเพื่อรับประกันไม่ให้ผิดพลาด” ผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดกับยอดฝีมือระดับดาราพยากรณ์อีกสามคนที่เหลือสบตากันแล้วเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้

“หากเป็นเช่นนั้น เขาผ่านพิภพไยไม่ใช่ด้านหลังกลวงเปล่า หากถึงเวลากองทัพใหญ่ของเผ่าหนอนผีเสื้อยกพลรุกมา นี่จะทำอย่างไรเล่า?” บุรุษร่างใหญ่ผมแดงจากเขามังกรน้ำตาลที่อยู่อีกฝั่งถามขึ้นมา

“จุดนี้สหายโปรดวางใจ เขาผ่านพิภพของเราตั้งอยู่มาจนถึงวันนี้ไม่น้อยกว่าสามหมื่นปีย่อมมีของดีซ่อนไว้อยู่บ้าง ก่อนหน้าพวกเราออกเดินทางจะเปิดมหาค่ายกลคุ้มครองนิกายของนิกายเรา แม้เผ่าหนอนผีเสื้อนับล้านจะบุกมาทั้งหมด ชั่วครู่ชั่วยามก็อย่าคิดฝ่าเข้ามาได้” ผู้อาวุโสเฟิงตอบอย่างไม่ลังเลสักนิด

“หากเป็นดังว่า พวกเราก็คงวางใจได้อย่างแท้จริง” บุรุษร่างใหญ่ผมแดงได้ยิน สีหน้าก็ผ่อนคลายลงจริงๆ

หลังจากขจัดความกังวลของทุกคนแล้ว ทุกสิ่งหลังจากนั้นก็ราบรื่น

ผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ทั้งสี่แบ่งทิศทางที่แต่ละคนต้องเดินทางไปวางค่ายกลเรียบร้อย ต่างคนก็เลือกผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ที่จะร่วมเดินทางไปด้วยสองสามคน

อย่างไรหลิ่วหมิงก็ไม่ใช่ผู้ฝึกฝนของแดนใต้ ผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ทั้งสี่คนฉากหน้าย่อมไม่สะดวกขอร้องให้เขาเข้าร่วมกันตนโดยตรง

แต่หลังจากต่อรองราคากันพักหนึ่ง พวกผู้อาวุโสเฟิงทั้งสามคนก็รับปากว่าหลังจากเขาช่วยผู้ฝึกฝนแดนใต้ทำภารกิจวางค่ายกลสำเร็จย่อมกลับนิกายยอดบริสุทธิ์ได้ นอกจากนี้ยังรับปากว่าหลังงานสำเร็จจะมอบสมบัติล้ำค่าให้เขาอีกไม่น้อย

หลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตกลง แล้วเลือกเข้าร่วมกลุ่มของซือโห่วรองประมุขแห่งหุบเขาปีศาจสวรรค์

เนื่องจากเผ่าหนอนผีเสื้อไวต่อคลื่นพลังของวิชาเวทมิติอย่างยิ่ง การใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเดินทางโดยตรงย่อมไม่น่าจะได้ผล

สุดท้ายหลังจากทุกคนหารือกันจึงตัดสินใจว่าจะเริ่มออกเดินทางครึ่งเดือนหลังจากนี้ พยายามฉวยจังหวะช่วงที่ “วันทรายทมิฬ” ใกล้มาถึง ให้หัวหน้าระดับดาราพยากรณ์ทั้งสี่คนพากลุ่มของแต่ละคนอาศัยพายุทรายที่ก่อตัวเป็นปราการธรรมชาติลอบเข้าไปยังจุดที่วางค่ายกล

เมื่อเป็นเช่นนี้หลังจากวางมหาค่ายกลทรายโปรยปรายสำเร็จก็จะอาศัยพายุทรายหลบซ่อนออกมาได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน

เมื่อแผนการดูเหมือนไม่มีช่องโหว่ หลิ่วหมิงก็ไม่สนใจเรื่องอื่นอีก ขอตัวออกไป

เขากลับมาถึงที่พักชั่วคราวก็เข้าไปในห้องลับสงบใจนั่งสมาธิทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา