หลิ่วหมิงฟังจบ ในใจก็คิดบางอย่างแต่ใบหน้าไม่แสดงอาการ แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“ผู้เยาว์ล้างหูรอฟังแล้ว”
“เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญยิ่งยวด ข้าจึงจะไม่อ้อมค้อม จากข่าวน่าเชื่อถือที่สายสืบเพิ่งส่งมา วันนี้จำนวนแมลงยักษ์จากเผ่าหนอนผีเสื้อในเขตดินแดนทางใต้ของพวกเรามีมากถึงล้านตัวแล้ว อีกทั้งรอบรอยแยกมิติแห่งนั้นเหมือนจะมีรอยแยกขนาดเล็กอีกสิบกว่าแห่งเกิดขึ้นเพิ่ม มีเผ่าหนอนผีเสื้อข้ามมาใหม่ไม่ขาดสาย” สีหน้าของผู้อาวุโสเฟิงเคร่งขรึมเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง
สิ้นเสียงพูด ผู้ฝึกฝนด้านล่างส่วนใหญ่ล้วนสูดหายใจดังเฮือก คนส่วนน้อยที่เหลือก็หน้าถอดสี
ในตอนนี้เองชายหนุ่มผิวซีดเหลืองผู้สวมอาภรณ์สีเขียวที่อยู่ฝั่งซ้ายก็พลันก้าวมาข้างหน้า ประสานมือเอ่ยถามขึ้นว่า “เรียนถามผู้อาวุโส กองทัพใหญ่ของเผ่าหนอนผีเสื้อมากมายเช่นนี้ ตอนนี้พวกเราทราบตำแหน่งที่แน่ชัดของพวกมันหรือไม่?”
“แมลงเหล่านี้เหมือนจะมีแผนการบางอย่าง จึงไม่โจมตีเข้ามาตรงๆ แต่กลับถอยกลับไปในทะเลทรายหนานฮวง หากแมลงเหล่านี้ทุ่มกำลังรุกคืบมายังเขาผ่านพิภพ ระหว่างทางคงไม่มีกลุ่มอำนาจใดต้านทานได้ เกรงว่าเวลาสิบกว่าวันก็คงมาถึงที่แห่งนี้แล้ว” ผู้อาวุโสเฟิงมองชายหนุ่มชุดเขียวแล้วเอ่ยเช่นนี้
ทุกคนที่นั่นได้ยินคำนี้ก็ปั่นป่วนทันที
“ผู้อาวุโสทุกท่านเรียกพวกเรามารวมกันที่นี่ คงไม่ใช่เพียงเพื่อแจ้งข่าวที่ทำให้คนสะพรึงเหล่านี้แก่พวกเราเท่านั้น คิดว่าคงมีมารตราการรับมือแล้วกระมัง?” หลิ่วหมิงกลับเอ่ยปากถามขึ้นประโยคหนึ่ง
“ไม่ผิด ก่อนหน้านี้พวกเราสี่คนตัดสินใจเบื้องต้นกันแล้ว ครั้งนี้จึงเรียกรวมทุกท่านมาที่นี่เพื่อแจ้ง พี่เหยา ต่อไปให้ท่านเล่าแผนการรับมือของพวกเราให้สหายทุกท่านฟังก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสเฟิงมองหลิ่วหมิงเหมือนมีความนัยบางอย่างจากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับผู้เฒ่าหางคิ้วเชิด
สายตาของทุกคนต่างมองไปหาผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดทันที ในตอนนี้บรรยากาศของห้องโถงเคร่งเครียดยิ่งนัก
“ฮ่ะๆ ความจริงแล้วทุกท่านไม่ต้องเคร่งเครียดปานนี้ พวกเราได้รับข่าวมาแล้วว่า กำลังเสริมจากที่อื่นกำลังเดินทางมา สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือป้องกันเขาผ่านพิภพไว้ให้ได้และพยายามชะลอการเคลื่อนไหวของกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อให้ได้มากที่สุด ทว่าแม้เขาผ่านพิภพจะตั้งอยู่บนที่สูงชันและมีชั้นจำกัดมากมาย หากถูกเผ่าหนอนผีเสื้อนับล้านโจมตีพร้อมกัน ฝั่งเราลดฝั่งนั้นเพิ่ม เกรงว่าคงต้านไว้ได้ไม่นานนัก ดังนั้นพวกเราจึงต้องเตรียมตัวเป็นฝ่ายลงมือโจมตี รุกเป็นการตั้งรับเพื่อซื้อเวลาอันมีค่า”
“เป็นฝ่ายรุกโจมตี? พวกเราผู้ฝึกฝนน้อยนิดไม่กี่หมื่นคน จะต้านกองทัพใหญ่เผ่าหนอนผีเสื้อที่มากเป็นสิบกว่าเท่าของพวกเราได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว ทำเช่นนี้ไม่ต่างจากเอาไข่ไปกระแทกหิน!”
“ข้าว่าไม่สู้อาศัยโอกาสนี้เสริมการป้องกันของเขาผ่านพิภพ…”
“บางทีหากพวกเราแยกย้ายกันไป อาจยังรักษาชีวิตรอดได้!”
ผู้คนในห้องโถงเสียงดังอื้ออึง คนไม่น้อยแสดงท่าทีจะถอนตัว
แม้ในใจหลิ่วหมิงสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่กลับไม่เอ่ยปากพูดอะไร เพียงมองผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดจากนิกายทรายรังสรรค์เท่านั้น
“เงียบ!”
ตอนนี้เองเสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังประหนึ่งระฆังก็ดังขึ้นในห้องโถงทำให้ที่แห่งนั้นเงียบลง
ซือโห่วรองประมุขแห่งหุบเขาปีศาจสวรรค์ลุกขึ้นยืน สองตาถลึงกวาดมองผู้คนที่นั่นแล้วตวาดเบาๆ
“เข้าร่วมพันธมิตรแดนใต้แต่เดิมล้วนแล้วแต่สมัครใจ หากผู้ใดไม่ยินดีร่วมต้านศัตรูกับพวกเราที่นี่ พวกเราก็จะไม่รั้งไว้ จะไปจะอยู่แล้วแต่ต้องการ ทว่าวันนี้เผ่าหนอนผีเสื้อดักอยู่ข้างนอกรอบด้าน อันตรายซุ่มซ่อนอยู่ทุกหนแห่ง ผู้ที่ออกไปจากตำหนักแห่งนี้วันนี้ เป็นตายรับผิดชอบเอง! พวกเราคงดูแลมากมายเช่นนั้นไม่ไหว”
ผู้คนที่นั่นได้ยินคำนี้พลันมองหน้ากันอย่างห้ามไม่ได้
แม้ก่อนหน้านี้จะโวยวายไม่หยุด แต่เวลานี้เมื่อต้องตัดสินความเป็นความตาย สองเท้าของคนทั้งหมดกลับประหนึ่งถูกตะปูตอกตรึงไว้ ไม่มีผู้ใดขยับสักก้าว
“ดียิ่ง! ในเมื่อทุกท่านสมัครใจอยู่ต่อ ถ้าเช่นนั้นก็ถือว่าเห็นด้วยกับแผนการรับมือศัตรูที่พวกเราหารือกันแล้ว สหายเหยา เจ้าพูดต่อเถิด” ซือโห่วเห็นสีหน้าของทุกคนที่นั่นอยู่ในสายตาทั้งสิ้น แววตาเย้ยหยันที่ยากจะสังเกตพาดผ่านดวงตาไปแวบหนึ่ง แล้วจึงหันหน้าไปเอ่ยกับผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดแห่งนิกายทรายสังสรรค์
“ความจริงทุกท่านเข้าใจเจตนาของผู้แซ่เหยาผิดไปเล็กน้อย ข้ามิได้วางแผนให้ทุกท่านไปสู้ตัดสินเป็นตายกับเผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านั้น” ผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดพยักหน้านิดๆ แล้วเอ่ยต่ออย่างไม่รีบร้อน
“ถ้าเช่นนั้นเจตนาของผู้อาวุโสเหยาเป็นเช่นไร?” ทุกคนที่นั่นจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่บ้าง
“ไม่ทราบว่าทุกท่านรู้จัก ‘วันทรายทมิฬ’ หรือไม่?” ผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดยิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้นมา
“วันทรายทมิฬ?”
คนไม่น้อยงุนงง ไม่เข้าใจว่าผู้อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายทรายรังสรรค์ผู้นี้เอ่ยถึงสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อการใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา