เมื่อถึงตอนนี้แมลงที่ฝ่าผ่านทะเลเพลิงมาก็ถูกพวกหลิ่วหมิงสังหารจนสิ้น
คุกทะเลเพลิงรอบนอกได้ขวดหยกสีดำในมือซือโห่วเสริมกำลังเต็มที่จึงลุกโหมแผ่ขยายออกไปข้างนอก ขวางแมลงด้านนอกเอาไว้อีกครั้ง ทำให้พวกมันไม่กล้าเข้ามาง่ายๆ
พวกบุรุษผมแดงโล่งอกและพากันเผยสีหน้าประหนึ่งรอดพ้นคราวเคราะห์ออกมา
คณะเดินทางที่เข้ามายังที่แห่งนี้เมื่อรวมซือโห่วด้วยมีเกือบยี่สิบคน ทว่ายามนี้คนที่ยังมีชีวิตอยู่เหลือไม่ถึงครึ่ง ศิษย์ระดับผลึกสี่คนของหุบเขาปีศาจสวรรค์ในกลุ่มตอนนี้เหลืออยู่เพียงคนเดียว
หลิ่วหมิงลอบใช้เคล็ดวิชา เชอฮ่วนคำรามเบาๆ เหมือนไม่ค่อยยินยอม จากนั้นร่างกายจึงส่งเสียงดังสลายกลายเป็นเงาสีน้ำเงินสายหนึ่งลอยเข้าไปในหัวไหล่ซ้ายของเขาหายไปไม่เห็นร่องรอย
“ลำบากทุกคนแล้ว ต้องขอบคุณที่พวกเจ้าช่วยสุดชีวิตจึงทำให้มหาค่ายกลไม่ถูกทำลาย ตอนนี้พวกเราเพียงต้องรอเงียบๆ ให้มหาค่ายกลจุดอื่นทำงานเท่านั้น หลังจากกลับถึงเขาผ่านพิภพ ผู้แซ่ซือจะรายงานพันธมิตรตัดสินความชอบมอบรางวัลให้ตามความจริง” สายตาของซือโห่วกวาดผ่านกลุ่มคนที่นั่นแล้วเอ่ยเช่นนี้
บุรุษร่างกำยำผมแดงกับบุรุษชุดขาวได้ฟังกลับไม่ได้มีสีหน้าดีใจสักเท่าไร ศิษย์ที่พวกเขาพามาล้มตายเกินครึ่งจะดีใจได้เช่นไร
ซือโห่วหันไปมองหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าอ่อนลงกำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไรบางอย่าง
ในตอนนี้เองเสียงระเบิดดังกึกก้องสะเทือนแก้วหูแทบดับก็ดังขึ้น
ทุกคนตกตะลึงพากันหันหน้าไปมอง
แล้วก็เห็นเสาแสงมหึมาที่พุ่งออกมาจากมหาค่ายกลทรายโปรยปรายเกิดเสียงดังสนั่นประหนึ่งอสนีบาตคำรามครั้งแล้วครั้งเล่าคล้ายกับว่ามีบางสิ่งด้านในระเบิด
เสียงดังถี่ขึ้นพร้อมกับที่เสาแสงยักษ์สีเหลืองหนาขึ้นหนึ่งเท่ากว่า แสงเรืองรองสีเหลืองเข้มสายแล้วสายเล่าพุ่งพรวดไปรอบด้านไม่หยุด
ยามนี้หากมองลงมาจากบนท้องฟ้าสูงหมื่นจั้งเหนือทะเลทรายหนานฮวงก็จะเห็นภาพอันอลังการอย่างยิ่งภาพหนึ่งได้ชัดเจน
สี่ทิศของทะเลทรายซึ่งพายุทรายสีดำกำลังพัดตลบมีเสาแสงสีทองยักษ์สี่ต้นพุ่งขึ้นฟ้าร้องรับตอบสนองกัน แสงเรืองรองสีเหลืองสายแล้วสายเล่าพุ่งพรวดออกมาจากเสาแสงถักทอกันเป็นรูปแบบบางอย่างด้วยความรวดเร็ว ก่อตัวเป็นตาข่ายขนาดใหญ่สีเหลืองแผ่ทั่วฟ้าแทบจะปกคลุมท้องนภาเกินครึ่งของทะเลทรายหนานฮวง
ยิ่งแสงเรืองรองสีเหลืองที่พุ่งออกมาจากเสาแสงยักษ์เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตาข่ายขนาดใหญ่สีเหลืองบนท้องฟ้าเหนือทะเลทรายหนานฮวงก็ยิ่งถี่
หลิ่วหมิงมองดูภาพตรงหน้าแล้วลอบตะลึงอยู่ในใจ ทว่าอึดใจต่อมาสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปในทันใด ไม่รู้เพราะเหตุใดร่างกายของเขาจึงสัมผัสได้ถึงแรงลอยตัว ทั้งตัวจู่ๆ ก็ลอยขึ้นมา
คนอื่นที่นั่นก็เป็นเช่นเดียวกัน ราวกับว่าแรงดึงดูดของทะเลทรายกลับตาลปัตรอย่างฉับพลันผลักคนกับเม็ดทรายให้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
“มหาค่ายกลทรายโปรยปรายเริ่มสำแดงฤทธิ์แล้ว ทุกคนรีบเกาะกลุ่มกันไว้ ระวังพายุทรายรอบด้าน อย่าถูกพัดเข้าไปเด็ดขาด!” ซือโห่วเห็นเช่นนี้พลันตะโกนเสียงดังบอกทุกคนที่อยู่รอบตัว
ทุกคนฟังจบจึงพากันเรียกยันต์กับวิชาลับนานาชนิดออกมาต้านแรงดึงมหาศาลที่กลับด้านบนเป็นด้านล่างสายนี้ แล้วเข้าไปรวมตัวกันตรงจุดที่ซือโห่วอยู่
บึ๊ม!
ทะเลทรายที่มีตาข่ายขนาดใหญ่คลุมท้องฟ้าประหนึ่งพลิกกลับหัวทั้งผืน เม็ดทรายลอยเบียดเสียดกลางอากาศ พายุทรายสีดำที่เดิมทีพัดบ้าคลั่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าสิบเท่าในพริบตา
กระแสลมที่พัดอยู่ในทะเลทรายพัดย้อนกลับเกิดเป็นพายุหมุนสีดำลูกหนาอย่างยิ่งลูกแล้วลูกเล่าเคลื่อนไปรอบด้าน ทุกสิ่งบนพื้นดินถูกพัดเข้าไป ผิวดินถูกกวาดออกไปเป็นชั้น
แมลงระดับล่างนับไม่ถ้วนทุกแห่งหนในทะเลทรายหนานฮวงถูกพายุหมุนที่เกิดขึ้นทุกที่หอบเข้าไป ก่อนจะหมดลมหายใจในพริบตา
จุดที่พวกหลิ่วหมิงอยู่เกิดพายุหมุนสีดำเชื่อมผืนดินจรดผืนฟ้าลูกแล้วลูกเล่ารอบด้าน ยังดีที่ทุกคนมารวมตัวกันที่จุดเดียวก่อนแล้ว อีกทั้งได้ซือโห่วเรียกเกราะป้องกันสีเหลืองชั้นหนึ่งมาปกป้องไว้จึงไม่ถูกลูกหลงมากนัก
ทว่าแมลงระดับล่างรอบด้านเมื่อเผชิญหน้ากับพลังของธรรมชาตินี้กลับถูกพัดเข้าไปด้านในอย่างไม่มีแรงต่อต้านสักนิด
เหล่าแมลงระดับสูงด้านนอกซึ่งตกอยู่ท่ามกลางสภาพประหลาดที่ไม่อาจต่อกรได้เช่นนี้พากันกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก ไม่สนใจพวกหลิ่วหมิงอีกต่อไป
พวกมันพากันหมุนตัวกลายเป็นลำแสงสายแล้วสายเล่าเหาะหนีไปทั่วทุกสารทิศ
“ดีมาก ดูท่าอีกสามแห่งก็คงราบรื่น มหาค่ายกลทรายโปรยปรายขั้นสุดยอดในที่สุดก็ทำงานอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้พวกเราเสร็จธุระแล้ว ไปเถอะ!” ซือโห่วเห็นภาพตรงหน้าก็เอ่ยกับพวกหลิ่วหมิงอย่างดีใจ แล้วใช้นิ้วจี้ดัชนีใส่ขวดหยกสีดำด้านหน้า
ทะเลเพลิงสีแดงฉานรอบด้านสั่นไหววูบหนึ่ง เปลวเพลิงส่งเสียงดังแล้วสลายกลายเป็นเม็ดทรายสีแดงนับไม่ถ้วนพุ่งกลับเข้าไปเก็บในขวดหยกสีดำใหม่อีกครั้ง
หลังจากซือโห่วพลิกมือเก็บขวดหยกไป ปากก็เริ่มท่องมนตร์แล้วโบกมือทันที วงแหวนแสงของค่ายกลสีเหลืองเข้มขนาดหลายจั้งกะพริบแสงวูบหนึ่งแล้วปรากฏล้อมคนทั้งหมดที่นั่นเอาไว้
แสงสีเหลืองสั่นไหวเพียงชั่ววูบ เงาร่างของพวกหลิ่วหมิงก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
……
ในเวลาเดียวกันใกล้กับหุบเขารกร้างแห่งหนึ่ง
สายลมคลั่งพัดผ่านรอบด้านเป็นระลอกๆ จนมองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น เม็ดทรายทั่วฟ้าประหนึ่งดาบคมกริบเฉือนขุนเขาทั้งลูกไปเกือบครึ่ง แมลงระดับล่างกลุ่มละสองตัวสามตัวถูกพัดหอบเข้าไปท่ามกลางเสียงคร่ำครวญ
ใกล้กับเสาแสงสีทองมหึมา เงาร่างขนาดยักษ์สองร่างสีทองกับสีดำกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด คลื่นพลังของการต่อสู้โจมตีพื้นดินบริเวณใกล้เคียงจนเกิดเป็นหลุมลึกขนาดยักษ์หลายหลุมอย่างง่ายดาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา