“ถึงกับเกิดเรื่องเช่นนี้ แต่จะว่าไปแล้ว ครั้งนี้ก็อันตรายยิ่งนักจริงๆ ระหว่างทำภารกิจครั้งนี้ตัวข้าเองก็โชคดีได้สหายหลิ่วใช้พลังของตนกู้สถานการณ์เอาไว้จึงทำให้ผู้แซ่ซือเปิดมหาค่ายกลได้อย่างราบรื่นเช่นนี้” ซือโห่วขมวดคิ้ว
ผู้อาวุโสจินหมานได้ยินก็อดไม่ได้นึกแค้นเคืองอยู่นิดๆ
แม้นางจะไม่ได้ผิดต่อคำสั่ง สุดท้ายก็เปิดมหาค่ายกลได้สำเร็จ แต่คนสิบกว่าคนที่นางพาไป นอกจากนางแล้วทุกคนล้วนฝังร่างอยู่กลางทะเลทรายเวิ้งว้าง
“ผู้อาวุโสซือโห่วชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงทุ่มเทพลังอันน้อยนิดของตนเต็มที่เท่านั้น ในเมื่อตอนนี้วิกฤตของแดนใต้คลี่คลายลงแล้ว ข้าน้อยยังมีธุระสำคัญ ขอตัวกลับนิกายยอดบริสุทธิ์ก่อน” หลิ่วหมิงเอ่ยตามมารยาทสองสามประโยคกก็เอ่ยขอตัว
เดิมเขาก็มิใช่คนของแดนใต้ ครั้งนี้เพราะผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ทั้งหลายสัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์บางอย่างให้จึงเข้าร่วมภารกิจก่อนหน้านี้ แต่มิได้มีความคิดจะอยู่นาน
นอกจากนี้กำลังพลที่เผ่าหนอนผีเสื้อยกมารุกรานครานี้ก็มากกว่าที่เขาจินตนาการไว้มากนัก ยามสงครามอันตรายเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน แม้แต่ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์ของนิกายทรายรังสรรค์ยังพลาดพลั้งถึงขั้นกายเนื้อถูกทำลาย แม้ตัวเขาชื่อมั่นว่าตนเองมีพลังอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่คิดเด็ดขาดว่าตนจะทำการใดที่ช่วยกอบกู้สถานการณ์ได้จริง
“สหายช้าก่อน! เจ้าก็รู้ แม้กองทัพใหญ่ของเผ่าหนอนผีเสื้อจะสูญเสียกำลังพลชั่วคราว แต่ยามนี้พวกเราก็เสียหายสาหัสเช่นกัน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องการคน สหายหลิ่วลองพิจารณาอยู่ต่ออีกสักช่วงหนึ่งได้หรือไม่ ข้าผู้แซ่เฟิงในฐานะหัวหน้าสามารถเพิ่มค่าตอบแทนที่สัญญากับสหายไว้ก่อนหน้านี้อีกเท่าหนึ่ง” ผู้อาวุโสเฟิงรีบเอ่ยปากรั้ง
ซือโห่วผู้เห็นฝีมือของหลิ่วหมิงมากับตาตน เมื่อได้ฟังย่อมพยักหน้า
ผู้อาวุโสจินหมานที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งกลับทำหน้าเฉยไม่เอ่ยวาจา
“ผู้เยาว์มีเหตุผลที่มิอาจไม่กลับไปที่นิกายจริงๆ ขอผู้อาวุโสทุกท่านโปรดอภัยด้วย ส่วนเรื่องค่าตอบแทน ยามนี้แดนใต้กำลังอยู่ในช่วงสงคราม เก็บเอาไว้ให้พันธมิตรใช้เถิด” หลิ่วหมิงลุกขึ้นคำนับทุกคน ยังคงไม่มีท่าทีจะอยู่ต่อสักนิดเช่นเดิม
หลังจากผ่านศึกใหญ่อันโหดร้ายครั้งนี้ ต่อให้ของรางวัลเหล่านี้ล้ำค่า แต่ในสายตาหลิ่วหมิงพวกมันต่างเป็นเผือกร้อนลวกมือ เมื่อเทียบกันแล้ว ชีวิตน้อยๆ ของตนสำคัญกว่า เขาทำให้ถึงขั้นนี้ก็นับว่ามีคุณธรรมมากแล้ว
“ในเมื่อสหายหลิ่วตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะไม่ดื้อดึงรั้งไว้อีก แต่สหายอย่าเพิ่งรีบร้อนจากไป ตามผู้แซ่เฟิงมาก่อน แม้นิกายเราเทียบกับสี่ยอดนิกายใหญ่ไม่ได้ แต่ของที่สัญญาไว้ก่อนแล้วย่อมไม่กลับคำ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หลิ่วหมิงก็ยินดีน้อมรับ” ครั้งนี้หลิ่วหมิงคิดเพียงครู่เดียว สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง
ความจริงในใจเขาก็เข้าใจ หากพวกผู้อาวุโสเฟิงไม่แจกจ่ายของรางวัลเหล่านี้ตอนนี้เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กองทัพ ถ้าเช่นนั้นเกรงว่าหากข่าวแพร่ออกไป ไม่ต้องรอกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อยกพลใหญ่มาบุกอีกครั้ง พันธมิตรที่เขาผ่านพิภพแห่งนี้ก็คงจะสลายตัวด้วยตนเอง
หลังจากจบการประชุมสั้นๆ ในตำหนัก หลิ่วหมิงก็เข้าไปในหอเก็บสมบัติของนิกายผ่านพิภพด้วยกันกับผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสผู้ดูแลเขาผ่านพิภพอีกคนหนึ่ง
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของหลิ่วหมิงก็คือ แม้นิกายผ่านพิภพแห่งนี้จะเทียบกับนิกายใหญ่ระดับนิกายยอดบริสุทธิ์ไม่ได้ แต่ในหอเก็บสมบัติของพวกเขาก็มีสมบัติมากมาย เหมือนโลกที่ซ่อนอยู่หลังถ้ำ สมบัติล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วนทำให้เขาเห็นแล้วหวั่นไหว
ทว่าเมื่อผู้อาวุโสเฟิงจะอาศัยสิ่งนี้ตะล่อมหลิ่วหมิงให้อยู่ต่ออีกครั้งก็ถูกหลิ่วหมิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เมื่อเห็นหลิ่วหมิงตัดสินใจแน่วแน่ เขาจึงไม่พูดอะไรอีก
หลิ่วหมิงรับรางวัลเหล่านั้นที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้าแล้วบอกลาผู้อาวุโสเฟิง จากนั้นออกจากนิกายผ่านพิภพ ก้าวเข้าสู่เส้นทางกลับนิกายยอดบริสุทธิ์เพียงลำพัง
นอกเขาผ่านพิภพ อาภรณ์สีน้ำเงินของหลิ่วหมิงปลิวสะบัดขณะที่ยืนอยู่บนเรือหยกจันทรา ใบหน้าแสดงสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
นึกย้อนดูแล้วยามนั้นหลังจากเขาเข้าไปในทางปีศาจร้าย เรื่องราวก็พลิกผันไปมาจนจากนิกายยอดบริสุทธิ์มานานร้อยกว่าปี ไม่รู้ว่าวันนี้นิกายยอดบริสุทธิ์จะมีสภาพเป็นเช่นไร
หลิ่วหมิงคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าอันคุ้นเคยของใครหลายคนก็ผุดขึ้นมาในสมอง
เจียหลานที่มีสัญญาหมั้นหมายกันไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง จะขึ้นสู่ระดับแก่นแท้หรือยัง?
เขาซึ่งเป็นหนึ่งในศิษย์สายตรงสองคนของอาจารย์อินจิ่วหลิง หลังจากเข้าไปในทางปีศาจร้ายกลับไม่ส่งข่าวคราวกลับไปร้อยกว่าปี ไม่รู้ว่าอาจารย์จะลืมตนไปแล้วหรือไม่
แล้วยังมีศิษย์พี่เสี่ยวอู่ นับตั้งแต่จากกันที่ศึกในทางปีศาจร้ายก็ไม่รู้ว่ากลับมาถึงเทือกเขาหมื่นวิญญาณได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
แล้วสุดท้ายสถานการณ์ในทางปีศาจร้ายเป็นเช่นไร
……
ความคิดนับพันหมื่นผุดขึ้นในสมองของหลิ่วหมิงไม่หยุด!
เขาถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งแล้วเร่งเรือเหาะให้มุ่งไปทางนิกายยอดบริสุทธิ์อย่ารวดเร็ว
หนึ่งเดือนให้หลัง บนท้องฟ้าเหนือเมืองของมนุษย์ธรรมดาที่ขนาดค่อนข้างใหญ่แห่งหนึ่ง แสงสีขาวเส้นหนึ่งแล่นผ่านไปดัง “ฟิ้ว” หลิ่วหมิงที่เร่งเดินทางมานั่นเอง
ทว่าเมืองที่วันวานเคยครึกครื้น วันนี้กลับกลายเป็นเมืองร้างแห่งหนึ่ง ทุกหนทุกแห่งเห็นแต่ความพังพินาศ ไม่ว่าโรงเตี๊ยม ร้านรวงที่เคยคึกคักในตัวเมือง หรือจะเป็นพระราชวังจวนขุนนางที่งดงามหรูหราล้วนเอียงล้มระเนระนาด ถล่มกลายเป็นซากปรักหักพัง
บนถนนและลานกว้างซากศพของมนุษย์พบเห็นได้ทุกหนแห่ง อเนจอนาถจนทนดูไม่ได้
ดูท่าข่าวที่แดนใต้รวบรวมมาก่อนหน้านี้จะไม่ผิดสักนิด แมลงเหล่านี้ไม่เพียงเป็นศัตรูกับผู้ฝึกฝน แม้แต่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปก็ไม่ละเว้น
จะว่าไปหลิ่วหมิงก็พบเหตุการณ์แมลงโจมตีผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์หรือมนุษย์ธรรมดามาหลายครั้งแล้ว
สถานที่ซึ่งเหล่าแมลงผ่านเรียกได้ว่าสรรพชีวิตล้วนเดือดร้อน ไม่เหลือรอดแม้แต่หญ้าสักต้น
ไม่ว่านิกายฝึกเซียนหรือแคว้นของมนุษย์ธรรมดาล้วนหนีไม่พ้น นี่คือหายนะที่ทุกชีวิตบนแผ่นดินจงเทียนไม่อาจหลบเลี่ยง
หลิ่วหมิงตัดสินจากสิ่งนี้ได้ว่าการรุกรานครั้งใหญ่ครานี้ของเหล่าแมลงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน และไม่ได้เกิดขึ้นแค่แดนใต้เท่านั้น แต่แผ่ขยายไปยังสถานที่อื่นของแผ่นดินจงเทียนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา