ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1135

“ตอนนี้นิกายกำลังต้องการกำลังคน ศิษย์น้องหลิ่วกลับมานิกายเวลานี้ เชื่อว่าจะต้องได้แสดงความสามารถโดดเด่นในสงครามใหญ่แน่” ต้วนเหมิ่งหัวเราะอย่างยำเกรง

หลิ่วหมิงฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้า

หลายวันหลังจากนั้นกลุ่มของหลิ่วหมิงก็เหาะผ่านขอบเทือกเขาหมื่นวิญญาณอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงรู้สึกว่าอากาศใกล้ตัวกระเพื่อม ทันใดนั้นภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งที่เข้ามาสู่สายตาคือแสงสีทองระยิบระยับ เมื่อมองผ่านแสงสีทองไปจึงเห็นทิวเขาอันคุ้นเคยลูกแล้วลูกเล่าโผล่อยู่ตรงนั้นตรงนี้

เมื่อพิจดูก็เห็นว่ามันคือม่านแสงสีทองขนาดมหึมาอย่างยิ่งชั้นหนึ่งที่ล้อมส่วนสำคัญใจกลางเทือกเขาหมื่นวิญญาณเอาไว้ บนผิวของม่านแสง อักขระสีทองขนาดใหญ่ยักษ์ตัวแล้วตัวเล่าเคลื่อนวนเวียนไม่หยุดแผ่ลมปราณมหาศาลสายหนึ่งออกมา

นอกเหนือจากนั้นเวลานี้ยอดเขาแต่ละแห่งยังถูกแสงเรืองรองหลากสีล้อมไว้ ศิษย์ที่สวมชุดผู้ดูแลกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าลาดตระเวนเหาะผ่านระหว่างยอดเขาเป็นระยะ เป็นภาพของการเปิดค่ายกลพรักพร้อมและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

นี่เป็นครั้งแรกที่หลิ่วหมิงเห็นภาพเช่นนี้นับตั้งแต่เข้านิกายยอดบริสุทธิ์มานานหลายร้อยปี ดูท่าการรุกรานของเผ่าหนอนผีเสื้อครั้งนี้จะร้ายแรงกว่าที่จินตนาการไว้มากนัก

ในตอนนี้เองต้วนเหมิ่งก็หยิบป้ายคำสั่งตรงเอวมาไว้ในมือแล้วแกว่งเล็กน้อยพร้อมท่องมนตร์เงียบๆ หลายประโยค กลางอากาศเกิดคลื่นกระเพื่อม บนม่านแสงสีทองพลันปรากฏช่องใหญ่หนึ่งจั้งกว่าช่องหนึ่ง

“ฟุบ” เมฆขาวที่ทุกคนนั่งอยู่ผลุบเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ชั่วอึดใจที่เมฆขาวทั้งหมดเข้าไปในม่านแสง ม่านแสงสีทองก็ประสานสนิทในทันที

“ศิษย์พี่หลิ่ว ข้ายังต้องรีบกลับไปรายงานสถานการณ์กับผู้ควบคุมยอดเขาทองคำ ขอลาตรงนี้ เชื่อว่าไม่นานคงจะได้พบหน้ากันอีกครั้ง” ต้วนเหมิ่งประสานมือให้หลิ่วหมิงแล้วแย้มยิ้มเอ่ยขอตัว

หลิ่วหมิงตอบตามมารยาทอีกสองสามประโยคก็มองส่งศิษย์ยอดเขาทองคำกลุ่มนี้จากไป

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาจึงหันไปมองทิวเขาที่คุ้นเคยตรงหน้า ในดวงตาฉายแววทอดถอนใจ ทันใดนั้นปราณสีดำก็ม้วนออกมารอบร่างกลายเป็นแสงสีดำเส้นหนึ่งเหาะไปยังทิศหนึ่งประหนึ่งดาวตก

ชั่วหนึ่งมื้ออาหารหลังจากนั้นหลิ่วหมิงก็เหยียบเมฆดำลอยมาหยุดหน้ายอดเขาลั่วโยว

เวลานี้ยอดเขาลั่วโยวอันสูงตระหง่านถูกปราณสีดำหนาทึบรายล้อมทั้งลูก ยอดเขาเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ ความหนาวเย็นและลมหนาวอันน่าขนลุกสายแล้วสายเล่าโถมเข้าใส่ใบหน้า

เขาเหาะวนอยู่บนท้องฟ้าพักหนึ่งจึงคิดได้ หยิบป้ายคำสั่งที่เอวออกมาแกว่งเบื้องหน้า แสงสีดำสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกไปแล้วจมเข้าไปในปราณดำเบื้องหน้า

ปราณดำปั่นป่วนอยู่พักหนึ่งก็แหวกออกซ้ายขวาประหนึ่งม่าน เผยให้เห็นทางแคบยาวเส้นหนึ่ง หลิ่วหมิงไม่พูดพร่ำควบคุมเมฆดำใต้เท้าเหาะเข้าไปด้านใน

ไม่นานนักเขาก็ปรากฏตัวบนลานเรียบหน้าตำหนักใหญ่บนยอดเขา

“เจ้าคือผู้ใด ที่แห่งนี้คือวิหารหลักแห่งยอดเขาลั่วโยว ผู้ไม่มีธุระห้ามเข้า!” ชายหนุ่มคิ้วเข้มผู้หนึ่งที่ยืนอยู่นอกประตูวิหารมองสำรวจหลิ่วหมิงตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากสัมผัสได้ถึงลมปราณลึกล้ำไม่อาจหยั่งบนร่างหลิ่วหมิงจึงเอ่ยออกมาอย่างตกตะลึง

สายตาหลิ่วหมิงจับจ้องบนร่างชายหนุ่มคิ้วเข้มตรงหน้า คนผู้นี้ดูแล้วอายุไม่พ้นยี่สิบกว่าปี ร่างกายสวมชุดของยอดเขาลั่วโยว แต่หลิ่วหมิงกลับไม่เคยเห็นเขามาก่อน คิดว่าน่าจะเป็นคนที่เข้ามาในยอดเขาลั่วโยวระหว่างช่วงที่เขาจากไปหลายปีนั้น

“ข้าเป็นศิษย์ยอดเขาลั่วโยวเช่นกัน นามว่าหลิ่วหมิง อาจารย์อินยามนี้อยู่บนเขาหรือไม่?” หลิ่วหมิงเลิกคิ้ว แล้วเก็บแรงกดดันจิตวิญญาณบนร่างไปจากนั้นยิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้นมา

“เจ้าบอกว่าเจ้าแซ่หลิ่ว…ศิษย์พี่หลิ่ว? หรือจะเป็นศิษย์พี่หลิ่วหลิ่วหมิงที่สร้างความชอบครั้งใหญ่ในทางปีศาจร้ายหลายสิบปีก่อนหลังจากนั้นไม่รู้หายไปที่ใด?” ชายหนุ่มคิ้วเข้มผู้นั้นได้ยินก็ถามขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ

“ยอดเขาลั่วโยวยังมีคนชื่อหลิ่วหมิงคนที่สองหรือ หากไม่มีก็น่าจะเป็นข้าแล้ว” หลิ่วหมิงลูบจมูกเอ่ยขึ้นคล้ายยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม ในเวลาเดียวกันก็พลิกมือเรียกป้ายคำสั่งสีดำชิ้นหนึ่งออกมา

ชายหนุ่มคิ้วเข้มกวาดจิตสัมผัสผ่านป้ายคำสั่งหลายรอบอย่างไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นป้ายคำสั่งของศิษย์สายในยอดเขาลั่วโยวจริง ใบหน้าก็พลันเผยสีหน้ายินดียิ่งออกมาแล้วพยักหน้ารัว

“ศิษย์พี่หลิ่วจริงๆ ด้วยไม่ผิดแล้ว ผู้ควบคุมยอดเขาอยู่ในวิหารหลักพอดี ศิษย์พี่โปรดรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปแจ้งเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มคิ้วเข้มคำนับหลิ่วหมิงครั้งหนึ่งแล้วก้าวเท้าไวๆ เดินเข้าไปในวิหาร

ราวครึ่งก้านธูป ชายหนุ่มคิ้วเข้มผู้นั้นก็เดินก้าวเร็วไวดุจไฟลนออกมา

“ยินดีที่ศิษย์พี่หลิ่วกลับมายังยอดเขาลั่วโยว ผู้ควบคุมยอดเขารออยู่ในห้องโถงแล้ว เชิญ” ชายหนุ่มคิ้วเข้มประสานมือทั้งสองข้างแล้วผายมือทำท่าเชิญอย่างนอบน้อม

หลิ่วหมิงฟังจบจึงพยักหน้า ก้าวยาวเข้าไปในวิหารหลักโดยที่มีชายหนุ่มมองส่งด้วยแววตาเคารพ

ครู่หนึ่งหลังจากนั้นในห้องโถงอันเงียบสงัดอินจิ่วหลิงผู้สวมชุดสีเทานั่งอยู่บนตำแหน่งประธานตรงกลางก็เห็นหลิ่วหมิงที่เพิ่งก้าวผ่านประตูใหญ่เข้ามา ใบหน้าครึ่งหนึ่งเหี่ยวแห้งครึ่งหนึ่งเอิบอิ่มเต็มไปด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด

“ศิษย์หลิ่วหมิง คารวะอาจารย์” หลิ่วหมิงก้าวเร็วไวไปด้านหน้าแล้วค้อมกายคำนับอินจิ่วหลิง

“ดี ดี ดี กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องมากพิธี ตอนนั้นได้ยินศิษย์พี่เสี่ยวอู่ของเจ้าเล่าว่าเจ้าหายตัวไปในทางปีศาจร้าย แม้อาจารย์ไม่เอ่ยกับผู้อื่น แต่ในใจรู้ว่าด้วยพลังของเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน วันนี้ดูท่าจะเป็นจริงเช่นนั้น!” อินจิ่วหลิงมองสำรวจหลิ่วหมิงจากบนจรดล่างแล้วเก็บสีหน้ายินดีเอาไว้ไม่อยู่ เอ่ยชมว่าดีออกมาติดกันถึงสามหน

หลิ่วหมิงได้ยิน ในใจก็อดไม่ได้รู้สึกอบอุ่นวูบหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา