ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1136

ชายหนุ่มชุดเทาได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมอง สายตาสบกับหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงรู้สึกว่าแรงกดดันที่ทำให้หายใจติดขัดโถมเข้าใส่ ทั้งร่างชาหน่วง เกิดความรู้สึกหวาดหวั่นดั่งถูกสัตว์ร้ายตัวใหญ่ค้ำฟ้าจับจ้อง

“ผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์!” เขาตกตะลึงอยู่ในใจ

ชายหนุ่มชุดเทาตรงหน้าทำให้เขารู้สึกลึกล้ำหยั่งไม่ถึงและไม่อาจต่อต้านแม้แต่น้อย เขาเคยสัมผัสความรู้สึกที่คล้ายกันจากตัวของผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่แท้จริงเช่นชิงหลิงกับราชายมโลกปี้โยวเท่านั้น

แก่นแท้สีดำขาวที่ลอยอยู่เหนือทะเลจิตวิญญาณของเขาหมุนแผ่วเบา พลังเวทโคจรทั่วร่าง ร่างกายจึงพอฟื้นกลับเป็นปกติได้

ดวงตาของชายหนุ่มชุดเทาทอประกายเล็กน้อย สายตามองสำรวจหลิ่วหมิงตั้งแต่หัวจรดเท้า

เทียนเกอเจินเหรินที่ยืนอยู่ด้านข้างสังเกตเห็นสีหน้าของชายหนุ่มชุดเทาจึงมองไปทางหลิ่วหมิง แววตาครุ่นคิดแล่นผ่านดวงตา

“ศิษย์ คารวะเจ้าสำนัก” เมื่อหลิ่วหมิงกลับมาสงบจิตใจได้แล้วจึงประสานสองมือคำนับเทียนเกอเจินเหริน

“หึๆ ศิษย์น้องหลิ่วเป็นเจ้าจริงเสียด้วย ข้าว่าแล้วว่าเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร! เอ๋ เจ้าระดับแก่นแท้ขั้นกลางแล้ว!” เทียนเกอเจินเหรินยังไม่ทันเอ่ยวาจา จินเทียนชื่อที่อยู่ด้านข้างก็เผยสีหน้ายินดีเอ่ยออกมาก่อน

“ศิษย์พี่จิน ไม่พบกันเสียนาน” หลิ่วหมิงหันไปมองจินเทียนชื่อพลางคำนับทักทาย

“ศิษย์หลานหลิ่ว เวลาสั้นๆ เช่นนี้เจ้าไม่เพียงผนึกแก่นแท้ แต่ยังขึ้นไปถึงขั้นกลาง จากประวัติศาสตร์นิกายยอดบริสุทธิ์ของเราคู่ควรเรียกขานเป็นอัจฉริยะที่สวรรค์ส่งมา เอาล่ะ ไม่ต้องมากพิธี” เทียนเกอเจินเหรินยิ้มน้อยๆ เอ่ยอย่างแฝงความนัย

“เจ้าสำนักชมเกินไปแล้ว ข้า…” หลิ่วหมิงได้ฟังก็ยืดตัวตรง กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรอีกหน่อย

ชายหนุ่มชุดเทาพลันยกมือขึ้นตบมาทางหลิ่วหมิง

พริบตาเดียวกลางอากาศพลันปรากฏแสงสองสายสีดำกับสีขาวเกี่ยวกระหวัดกันก่อตัวเป็นฝ่ามือยักษ์ขนาดหนึ่งจั้งสีขาวกับสีดำข้างหนึ่งตบเข้าใส่หลิ่วหมิงอย่างเชื่องช้า

ฝ่ามือยักษ์ยังไม่ทันเข้าใกล้ร่าง หลิ่วหมิงก็สัมผัสถึงแรงกดดันจิตวิญญาณมหาศาลสายหนึ่งที่โถมเข้ามา ลมหายใจติดขัด โลหิตทั่วร่างแทบจะหยุดนิ่งทันที

เขาหน้าถอดสีในทันใด ขณะที่กำลังจะโคจรพลังเวททั่วร่างเข้าต่อต้าน ทันใดนั้นในหูก็ได้ยินเสียงเด็ดขาดดังขึ้น

“ไม่ต้องใช้พลังเวทอะไรทั้งสิ้น ใช้แต่พลังของกายเนื้อเจ้ารับกระบวนท่านี้”

หลังจากความคิดแล่นเร็วไวในใจ หลิ่วหมิงจึงกัดฟันตวาดออกมาเบาๆ คำหนึ่ง เสียงกระดูกกับเส้นเอ็นลั่นเปรี๊ยะดังออกมาจากร่างติดกันเป็นสาย กล้ามเนื้อทั่วร่างปูดนูนขึ้นมาในพริบตา ดันเสื้อผ้าบนร่างจนนูนเป็นลูก พริบตาเดียวร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้นเกือบครึ่งเท่า

“ฮ่า!”

เขาคำรามออกมาพร้อมกับต่อยหนึ่งหมัดเสียงดังกึกก้อง สวนเข้าหาฝ่ามือยักษ์สีดำขาวที่ตบลงมาเหนือศีรษะ

“ปัง!” เสียงดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง

ฉับพลันเกิดแรงสั่นกระเพื่อมกลางอากาศประหนึ่งคลื่นน้ำ อากาศสะเทือนเป็นระลอกคลื่นวงแล้ววงเล่าแผ่ขยายไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว

แม้แต่ห้องโถงแห่งนี้ตรงหน้าก็ยังสั่นไหวเบาๆ จากการโจมตีครั้งนี้ ยังดีที่ภายในห้องโถงมีชั้นจำกัดนับไม่ถ้วน กำแพงกับต้นเสาที่อยู่รอบๆ เปล่งแสงสีทองออกมาบนผิววูบเดียวก็ฟื้นกลับคืนสภาพเดิม

หลิ่วหมิงถูกแรงสั่นสะเทือนดีดกลับจนร่างกายปลิวถอยไปกระแทกกำแพงด้านหลังอย่างหนักหน่วง กว่าจะหยุดได้อย่างหวุดหวิด

แม้เป็นเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็ยังแดงก่ำ รู้สึกหวานวูบในปากกับลำคอ เลือดคำหนึ่งพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบจะพ่นออกมา สีหน้าตกตะลึงจับต้นชนปลายไม่ถูก

นับตั้งแต่เขาได้สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสร้างร่างใหม่ มีโลหิตปีศาจสวรรค์ไหวเวียนในเส้นเลือด รวมกับที่ตรากตรำฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำหลายปีนี้ ร่างกายก็แข็งแกร่งเหนือกว่าผู้ฝึกร่างระดับเดียวกันไกลโพ้น

แต่ปรากฏว่าชายหนุ่มชุดเทาผู้นี้เพียงตบเบาๆ ตามสบายครั้งเดียว เขาก็เกือบจะถูกโจมตีจนบาดเจ็บหนัก

ชายหนุ่มชุดเทาเห็นเช่นนี้ บนใบหน้าก็ปรากกฎรอยยิ้มจางก่อนจะวางแขนลงช้าๆ

“ผู้อาวุโสสูงสุดเสวียนอวี๋ นี่…” เทียนเกอเจินเหรินมองไปทางชายหนุ่มชุดเทาด้วยท่าทางสงสัยเล็กน้อย

ส่วนใบหน้าของจินเทียนชื่อกลับมีสีหน้าสนุกสนาน

หลิ่วหมิงโคจรพลังเวทในร่างอย่างรวดเร็วหลายรอบจนความรู้สึกหนักอึ้งในอกลดทอนลงไปมาก เมื่อหูได้ยินคำพูดของเทียนเกอเจินเหริน ในใจก็นึกออกทันที

แม้เขาจะอยู่ที่นิกายยอดบริสุทธ์มาเป็นเวลาไม่นาน แต่นามของผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่มีไม่กี่คนในนิกายย่อมพอรู้มาบ้าง

ในหมู่ผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์สี่คนของนิกายยอดบริสุทธิ์ คนหนึ่งในนั้นมีนามว่าเสวียนอวี๋ซ่างเหริน เขาก็คือชายหนุ่มหน้าตาดาษๆ ผู้นี้ตรงหน้าหรือ?

“วางใจเถอะ เมื่อครู่ข้าเพียงลองทดสอบดูสักหน่อยเท่านั้น นี่คือโอสถดวงใจจิตวิญญาณหนึ่งเม็ด ช่วยเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บได้ แล้วยังมีฤทธิ์เสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายเล็กน้อยด้วย รับไว้เถิด!” ชายหนุ่มชุดเทายิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้น พลางงอนิ้วดีดแสงสีแดงสายหนึ่งเข้ามาหาหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงรีบยื่นมือไปรับ มันคือโอสถสีแดงอ่อนที่ส่งกลิ่นหอมพิสุทธิ์เจือจางเม็ดหนึ่ง

เขาเอ่ยขอบคุณอย่างนอบน้อมทันที

“ไม่ต้องไปหาคนอื่นแล้ว เด็กน้อยคนนี้ใช้ได้” ชายหนุ่มชุดเทาไม่สนใจอันใดหลิ่วหมิงอีก ตรงกันข้ามเขากลับหันไปมองเทียนเกอเจินเหรินแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ ประโยคหนึ่ง ต่อจากนั้นก็ลอยละล่องออกไปจากห้องโถงอย่างไม่สนใจผู้ใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา