ตอน ตอนที่ 1138 ไม้กั้นจิต จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1138 ไม้กั้นจิต คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
แมลงเปลือกดำที่กำลังจะเหาะขึ้นฟ้าหยุดชะงัก มันอ้าปากคำรามเบาๆ แล้วหมุนตัวกลับมา ดวงตาขนาดเท่ากำปั้นทั้งคู่มองมายังทิศทางที่เสียงดังขึ้น
ตรงนั้นมีก้อนหินมหึมาหลายก้อนกองกันอยู่ระเกะระกะ แมลงเปลือกดำเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่พบสิ่งใด
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นมันจึงยอมแพ้ พาแมลงตัวอื่นออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเหล่าแมลงจากไป เงาคนร่างหนึ่งจึงค่อยๆ เผยตัวออกมาจากด้านหลังก้อนหินมหึมาก้อนหนึ่ง เขาก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
เขามองทิศทางที่เผ่าหนอนผีเสื้อจากไป ใบหน้าเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
ผลลัพธ์ของการทดลองอย่างใจกล้าครั้งนี้ของเขาน่าพึงพอใจมาก ระยะใกล้เช่นนี้ เผ่าหนอนผีเสื้อระดับแก่นแท้ตัวนี้ก็ยังมองไม่เห็นตน ดูท่าอิทธิ์ฤทธิ์ในการซ่อนตัวของภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนจะมีผลกับเผ่าหนอนผีเสื้อจากต่างโลกเหล่านี้เป็นพิเศษ
หรือพูดอีกอย่างก็คือขอเพียงเขาไม่ใช้พลังเวท แมลงส่วนใหญ่ย่อมไม่พบร่องรอยของเขา
หลังจากรู้เช่นนี้ร่างกายของหลิ่วหมิงก็ขยับ ลักลอบเข้าไปที่ยอดเขาแสงอัสดงต่อ
ระยะทางที่เหลือ แม้จะพบแมลงรวมตัวกันชุกชุมยิ่งขึ้น แต่หลิ่วหมิงก็ไม่อ้อมทางอีกต่อไป เมื่อเห็นชัดว่าเป็นกองกำลังเผ่าหนอนผีเสื้อขนาดย่อมที่มีเพียงระดับแก่นแท้ลงไป เขาก็เดินทางตัดผ่านไปอย่างเงียบเชียบ
หากพบกองทัพขนาดค่อนข้างใหญ่หรือเผ่าหนอนหผีเสื้อที่พลังสูงกว่าระดับแก่นแท้ หลิ่วหมิงจะไม่บุ่มบ่ามลงมือ แต่จะอ้อมทางไปเล็กน้อยแล้วผ่านไปอย่างปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ตลอดทางที่ผ่านมาจึงไม่พบอุปสรรคใหญ่โตเกินไปนัก
หลังจากนั้นครึ่งค่อนวัน เงาดำร่างหนึ่งไถลแนบหน้าผาฝั่งหนึ่งของหุบเขาดำทะมึนระหว่างยอดเขายักษ์สูงตระหง่านสองลูกลงมาด้านล่างอย่างไร้สุ้มเสียง
แสงสีดำสลายไปอย่างเชื่องช้า เผยร่างของหลิ่วหมิงออกมา
บนหน้าผาอีกฝั่งหนึ่ง มีถ้ำขนาดยักษ์หลายแห่งเรียงรายสูงต่ำไม่เท่ากัน เพราะผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานแล้ว เจ็ดแปดในสิบส่วนของปากถ้ำจึงถูกเศษหินยักษ์จำนวนหนึ่งที่ร่วงลงมาจากภูเขาบังอยู่ เมื่อมองผ่านช่องว่างที่อยู่บนนั้นเข้าไปก็เห็นด้านในมืดทะมึน มองไม่เห็นสุดปลายอย่างสิ้นเชิง
วัชพืชสูงเท่าคนงอกระเกะระกะอยู่บนพื้นรอบหุบเขา มองไม่เห็นร่อยรอยที่มนุษย์ทิ้งเอาไว้สักนิด
สายตาของหลิ่วหมิงจับอยู่บนปากถ้ำบนหน้าผา ดวงตาทอประกายเล็กน้อย
เมื่อนานมาแล้วที่แห่งนี้เคยมีสายแร่หินจิตวิญญาณระดับสูงแห่งหนึ่งในครอบครองของนิกายยอดบริสุทธิ์ ทว่าเมื่อหลายพันปีก่อนขุดออกมาจนหมดแล้วจึงทิ้งร้างมาจนถึงวันนี้
ตามแผนที่ซึ่งเทียนเกอเจินเหรินให้เขามา ลึกเข้าไปในสายแร่แห่งนี้มีแม่น้ำใต้ดินอยู่สายหนึ่งที่เชื่อมตรงไปยังยอดเขาแสงอัสดง
หลิ่วหมิงเพ่งจิต มือข้างหนึ่งพลิกหงาย แสงสีขาวสว่างขึ้น ยันต์ขนาดเท่าฝ่ามือแผ่นหนึ่งปรากฏในมือของเขา สิ่งนั้นก็คือยันต์เร้นสวรรค์สิ้นเงาแผ่นนั้น
เขาท่องมนตร์อย่างเร็วไวจากนั้นโบกมือส่งเคล็ดวิชาสายหนึ่งออกไป ยันต์เร้นสวรรค์สิ้นเงาเปล่งแสงเย็นตาสีขาวนวลออกมาล้อมร่างของหลิ่วหมิงเอาไว้
หลิ่วหมิงรู้สึกว่ามีกระแสความอบอุ่นอันสบายอย่างที่สุดสายหนึ่งแล่นเข้ามาในร่างของเขา ทั้งร่างของเขาเปล่งแสงเรืองๆ วูบหนึ่งจากนั้นกลายเป็นร่างล่องหนไปในทันใด
เขาขยับแขนขาเล็กน้อย ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกเยี่ยมยอดประการหนึ่ง แม้ตัวยืนอยู่ตรงนี้ แต่ประหนึ่งตัดขาดจากทุกสิ่งรอบด้าน ราวกับว่าร่างอยู่ในมิติอีกแห่งหนึ่งซึ่งเคลื่อนที่ตามตนเองไปได้
“ยันต์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ไม่ธรรมดาจริงๆ!” เขาพึมพำชื่นชมประโยคหนึ่ง จากนั้นจึงขยับร่างพุ่งเข้าไปในถ้ำเหมืองถ้ำหนึ่งในนั้น
ที่แห่งนี้อยู่ลึกเข้ามาในกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อแล้ว โอกาสที่เผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงจะปรากฏตัวมีมากยิ่งนัก แม้รอบตัวเขาจะสัมผัสไม่พบร่องรอยของเผ่าหนอนผีเสื้อ แต่ก็ยากจะรับประกันว่าด้านในสายแร่ไม่มี เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน เขาจึงตัดสินใจใช้ยันต์เร้นสวรรค์สิ้นเงาแผ่นนี้
ปรากฏว่าหลิ่วหมิงเข้ามาในสายแร่ได้ระยะหนึ่งก็พบว่าด้านในเชื่อมต่อกันทั่ว ทุกหนทุกแห่งล้วนมีร่องรอยการขุดเหมือง แต่เส้นทางส่วนใหญ่ทอดลงไปใต้ดิน
เขาค่อยๆ เดินลึกเข้าไปในสายแร่โดยอาศัยแผนที่ในความทรงจำ
เนื่องจากผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานแล้ว บางครั้งจึงพบว่าเส้นทางที่มุ่งหน้าไปถูกก้อนหินถล่มลงมาปิดไว้ แต่ด้วยความที่บนแผนที่บอกเส้นทางไว้ชัดเจน จึงไม่ส่งผลต่อความเร็วการเดินทางของหลิ่วหมิงแม้แต่น้อย
กำปั้นเหล็กต่อยออกไปไม่กี่ครั้ง ร่างกายก็กระโจนผ่านไปอย่างง่ายดายพร้อมกับเสียงก้อนหินยักษ์แตกกระจุย
แม้เขาใช้ยันต์เร้นสวรรค์สิ้นเงาแล้ว แต่ตลอดทางก็ยังคงระมัดระวังตัว โชคยังดีตลอดทางที่ผ่านมาไม่พบเผ่าหนอนผีเสื้อเลย ใช้เวลาไม่ถึงชั่วหนึ่งมื้ออาหารเขาก็เข้าใกล้จุดที่ลึกที่สุดของสายแร่แล้ว
สายลมเย็นสายหนึ่งพัดมาจากทางโค้งด้านใน เสียงธารน้ำไหลซู่ดังเข้าหูหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงตั้งสมาธิสาวเท้าเดินหน้าอ้อมหัวโค้งไป
ภาพเบื้องหน้าทำให้หลิ่วหมิงเผยสีหน้ายินดีออกมา
ใต้สายแร่สีดำขลับ แม่น้ำกว้างสิบกว่าจั้งสายหนึ่งกำลังไหลไปยังที่ไกลไม่ขาดสาย
ทิศทางนั้นย่อมเป็นที่ตั้งของยอดเขาแสงอัสดง
แววตายินดีปรากฏในดวงตาของหลิ่วหมิงเพียงวูบเดียวก็หายไป มือข้างซ้ายสะบัดครั้งหนึ่ง แสงสายหนึ่งทอประกายระยิบระยับก่อนที่ไม้สีน้ำตาลเข้มสูงเท่าคนสองคนชิ้นหนึ่งจะปรากฏขึ้นในมือของเขา
ดูจากขนาดของมังกรทะลวงดินตัวนี้คงเป็นปีศาจอสูรระดับแก่นแท้ขั้นต้นตัวหนึ่ง
หลังจากมังกรทะลวงดินตัวนี้โผล่ออกมาจากพื้น ดวงตายาวเรียวสองข้างบนหัวกลมดิกก็แลดูตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ร่างกายขยับครั้งเดียวเหาะมาทางทิศที่หลิ่วหมิงอยู่ พลางหันไปมองด้านหลังเป็นระยะ
ในตอนนี้เองด้านหลังของมังกรทะลวงดินก็มีคลื่นพลังปราณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสายหนึ่งไล่ตามมา พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง เศษหินกระเด็นไปรอบด้าน แมลงขนาดยักษ์หน้าตาเหมือนตะขาบที่ขนาดมหึมายิ่งกว่าตัวหนึ่งโผล่ออกมา
แมลงตัวนี้มีหนวดสีแดงเปลือกสีดำ ดวงตาทั้งสองแดงดุจโลหิต รอบร่างมีขามหึมาเหมือนเคียวล้อมรอบอยู่ยั้วเยี้ย มันแผ่แรงกดดันจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของระดับแกนแท้ขั้นปลายออกมา ไม่แปลกที่มังกรทะลวงดินจะถูกไล่ล่าจนสภาพอเนจอนาถเช่นนี้
หลิ่วหมิงลอบร้องตะโกนในใจว่าแย่แล้ว มังกรทะลวงดินกำลังหนีมาทางเขา
เวลานี้มังกรทะลวงดินมีบาดแผลทั่วร่าง เกล็ดหลายแห่งบนร่างปริแตก เลือดสดไหลนอง เมื่อเห็นตะขาบปรากฏตัวก็กรีดร้องอย่างหวาดผวา เหาะเร็วไวไปด้านหน้าพร้อบกับเอี้ยวหัวกลับมา เขาประหลาดทอแสงสีเหลืองก่อนจะปล่อยแสงสีเหลืองแสบตาสายหนึ่งพุ่งออกไปโจมตีตะขาบ
แม้ร่างกายของตะขาบจะมหึมา แต่การเคลื่อนไหวว่องไวยิ่งนัก ร่างกายบิดครั้งเดียวก็หลบแสงสีเหลืองได้อย่างง่ายดาย ขณะเดียวกันก็อ้าปากพ่นของเหลวสีเขียวเข้มก้อนหนึ่งออกมา
มังกรทะลวงดินเหมือนจะหวาดกลัวของเหลวสีเขียวนี่อย่างยิ่ง ร่างกายขยับวูบเดียวไถลมุดลงไปใต้น้ำ
แต่การเคลื่อนไหวของมันยังช้าไปก้าวหนึ่ง ของเหลวสีเขียวโจมตีใส่หางของมันอย่างว่องไวยิ่ง เกิดเสียงดังฉ่า กลิ่นเนื้อถูกกัดกร่อนลอยตลบอบอวลในทันใด
มังกรทะลวงดินเจ็บปวดจนกรีดร้อง ร่างกายร่วงลงในแม่น้ำใต้ดินอย่างหนักหน่วงจนหยดน้ำจำนวนมหาศาลกระเซ็นขึ้นมา
ตะขาบจะปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ได้เช่นไร ร่างกายบิดวูบหนึ่งก็ทะยานมาอยู่กลางอากาศเหนือร่างมังกรทะลวงดิน ขาหน้าที่เหมือนเคียวนับไม่ถ้วนตวัดผ่านอากาศ คมดาบสายลมสีดำถี่ยิบผืนหนึ่งสาดลงมาดุจเม็ดฝน ฟาดฟันเข้าใส่มังกรทะลวงดินในทันที
แม้มังกรทะลวงดินจะบาดเจ็บ แต่มันยังไม่เสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไปอย่างสิ้นเชิง เกล็ดนับไม่ถ้วนบนร่างกายคล้ายอสรพิษเผยิบเปิดปิดครั้งหนึ่ง แสงสีเหลืองเข้มชั้นหนึ่งก็ทอแสงออกมาจากร่าง กลายเป็นเกราะแสงชั้นหนึ่งปกป้องเบื้องหน้าเอาไว้
คมดาบสายลมสีดำปะทะลงบนเกราะแสงสีเหลืองเข้ม เกิดเสียงกังวานก้อง
ผิวของเกราะแสงสั่นไหว รัศมีแสงไหววูบ แต่สุดท้ายก็ขวางคมดาบสายลมสีดำทั้งหมดเอาไว้ได้
แรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงของพลังเวทซัดแม่น้ำใต้ดินเบื้องล่างจนเกิดคลื่นยักษ์สูงท่วมฟ้า ท่อนไม้กลมสีน้ำตาลเข้มท่อนหนึ่งถูกคลื่นยักษ์ม้วนเข้าไป ก่อนจะส่งเสียงดัง “ปัง” แล้วหักเป็นท่อนๆ
ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวกราก เงาคนพร่ามัวร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเลือนราง
หางตาของตะขาบที่กำลังไล่โจมตีมังกรทะลวงดินอยู่เหลือบไปเห็นเงาคนร่างนี้ ดวงตาทอพลันประกายเย็นเยียบ มันร้องคำรามแล้วทิ้งมังกรทะลวงดิน ถลาเข้าใส่เงาคนที่อยู่กลางอากาศทันที ขาหน้าที่เหมือนเคียวแทงเข้าใส่เงาคนพร่ามัวร่างนี้ปานสายฟ้าแลบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา