ปั้ก!
โลหิตส่องประกายกลางอากาศ เหนือร่างตะขาบเกิดคลื่นสั่นไหว ก่อนที่ความเจ็บปวดรุนแรงจะเข้าเล่นงาน พร้อมกับแขนพร่ามัวข้างหนึ่งที่ทะลวงผ่านหัวของมัน โลหิตพุ่งกระฉูดออกมา
ดวงตาของตะขาบเผยแววตาไม่อยากเชื่อ ร่างกายมหึมาบิดดิ้นกลางอากาศสองสามครั้งก็กะแทกกับแม่น้ำใต้ดินหนักหน่วง ดิ้นอยู่ครั้งสองครั้งก็หมดลมหายใจ
เงาคนพร่ามัวกลางอากาศขยับวูบหนึ่ง คลื่นลูกหนึ่งก็ซัดกลบหายไปอย่างไร้ร่องรอยประหนึ่งไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
มังกรทะลวงดินที่หนีสุดชีวิตอยู่ด้านหน้าสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวด้านหลังจึงหันหัวกลับมามองอย่างตกตะลึง ดวงตาเรียวยาวกะพริบปริบๆ อึดใจต่อมาร่างกายก็สะบัดสองสามครั้งเหาะปรู๊ดจากไปไกล ท่าทางน่าขันยิ่ง
เสียงกรีดร้องเกรี้ยวกราดของแมลงดังขึ้น แมลงหลายตัวมุดเข้ามาริมแม่น้ำใต้ดิน ตัวหัวหน้าเป็นแมลงระดับแก่นแท้อีกตัวหนึ่ง
เมื่อเห็นศพตะขาบที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ เผ่าหนอนผีเสื้อหลายตัวนี้พลันกรีดร้องอย่างตื่นเต้น ทยอยโถมเข้าไปกัดกินศพคำโต กินมันจนหมดอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
จากนั้นเผ่าหนอนผีเสื้อระดับแก่นแท้ตัวนี้ก็พาแมลงตัวอื่นตามกลิ่นคาวเลือด ไล่ตามไปทางทิศที่มังกรทะลวงดินหนีไป
หลังจากเผ่าหนอนผีเสื้อหลายตัวนี้จากไป ในแม่น้ำใต้ดินก็มีเงาของคนผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมาอย่างเชื่องช้า แสงสีขาวกะพริบวูบไหวเผยร่างของหลิ่วหมิงออกมา
แขนข้างหนึ่งของเขาโชกเลือด เขาสะบัดมันครั้งหนึ่ง ตรงบาดแผลก็ทอแสงสีดำ ก้อนเนื้อจิ๋วนับไม่ถ้วนงอกออกมาอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวแขนก็หายดีดังเดิม
เขามองทิศทางที่เหล่าแมลงจากไปแล้วถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง
แม้ยันต์เร้นสวรรค์สิ้นเงาจะยอดเยี่ยมยิ่งนัก เก็บซ่อนร่องรอยของคนผู้หนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ทำให้คนไร้ตัวตนจริงๆ ไม่ได้ เมื่อพบกับพลังภายนอกก็ยังเผยร่องรอยได้
ที่แห่งนี้อยู่ลึกเข้ามาในกองทัพใหญ่ของเผ่าหนอนผีเสื้อแล้ว หากไม่ระวังแม้เล็กน้อยย่อมถูกเผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงพบเอาได้ เขาไร้ทางเลือกจึงคิดออกแต่วิธียอมเจ็บเพื่อทำร้ายอีกฝ่ายเช่นนี้ โจมตีครั้งเดียวสังหารตะขาบตัวนั้น
ยังดีที่โลหิตปีศาจสวรรค์ในร่างเขามีพลังฟื้นฟูแข็งแกร่งยิ่งนัก ครั้งนี้พลังปราณจึงไม่เสียหายมาก
หลังจากหลิ่วหมิงจัดการบาดแผลแล้วจึงซ่อนอยู่ในสายน้ำ แหวกว่ายไปด้านหน้าอย่างเงียบเชียบ
หลังจากผ่านศึกครั้งนี้มา เส้นทางต่อจากนั้น เขาจึงยิ่งระวังขึ้นไปอีก
เมื่อเข้าไปในระยะร้อยลี้จากยอดเขาแสงอัสดง แม้บริเวณแม่น้ำใต้ดินจะไม่มีเสียงแม้แต่น้อย แต่สัมผัสอันเฉียบคมของหลิ่วหมิงก็รับรู้ว่าตรงนี้เผ่าหนอนผีเสื้อเริ่มวางเวรยามมากมายไว้แล้ว
ยังดีที่พลังอำพรางตัวของยันต์เร้นสวรรค์สิ้นเงายอดเยี่ยมยิ่งนัก อีกทั้งตัวหลิ่วหมิงเองก็ระมัดระวังรอบคอบ ในที่สุดสามสี่ชั่วยามหลังจากนั้นจึงมาถึงยอดเขาแสงอัสดง
ห่างจากเทือกเขาหมื่นวิญญาณสี่แสนหลายหมื่นลี้มียอดเขามหึมาสีเทาเข้มอยู่ลูกหนึ่ง ที่แห่งนี้ก็คือยอดเขาแสงอัสดง ใต้ยอดเขามีหุบเขาอันกว้างอยู่แห่งหนึ่ง ภูมิประเทศกว้างขวางอย่างยิ่ง รอบด้านล้วนเป็นภูเขาสูงทอดเป็นแนว
บนท้องฟ้าลึกเข้าไปในหุบเขา รอยแยกมิติมหึมาขนาดสองสามร้อยจั้งเส้นหนึ่งปรากฏอยู่กลางท้องฟ้าเปล่งแสงเรืองรองออกมาดุจบานกระจก ทำให้กระแสอากาศใกล้ๆ โกลาหลอย่างยิ่ง
หุบเขาที่เดิมทีเงียบสงบเวลานี้กลับเต็มไปด้วยเสียงเอะอะทั่วทุกหนทุกแห่ง เผ่าหนอนผีเสื้อตัวใหญ่ตัวน้อยนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่บนที่ราบหุบเขา บ้างก็ปีนป่ายบนเนินเขารอบด้าน
เผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้แลดูสับสนวุ่นวาย แต่ความจริงแบ่งแยกเป็นเขตอย่างชัดเจน แมลงจำนวนมากยิ่งกว่ารวมตัวกันอยู่นอกหุบเขา
เผ่าหนอนผีเสื้อที่อยู่ในหุบเขาโดยพื้นฐานล้วนเป็นระดับผลึกขึ้นไป แท่นหินราบเรียบใต้รอยแยกมิติมีแมลงรูปร่างเหมือนมนุษย์หลายตัวยืนอยู่
ยามเผ่าหนอนผีเสื้อรอบด้านมองไปยังแมลงร่างมนุษย์หลายตัวนั้น พวกมันล้วนเผยสีหน้าหวาดผวา ไม่กล้าเข้าใกล้เกินไปนัก
แรงกดดันจิตวิญญาณที่แผ่ออกมาจากร่างของแมลงหลายตัวนี้หนักหน่วงอย่างยิ่ง เห็นชัดว่าเป็นแมลงระดับดาราพยากรณ์
……
ในถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้หุบเขาแห่งหนึ่ง เงาดำที่ไร้ตัวตนร่างหนึ่งลักลอบเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะหลบอยู่หลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งใกล้ปากถ้ำ
ภายในถ้ำมีแมลงระดับผลึกขั้นปลายอยู่อีกตัว ทว่าแมลงตัวนี้ไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าข้างกายมีเงาดำเช่นนี้โผล่ออกมาไม่ไกล
เงาดำร่างนี้ย่อมคือหลิ่วหมิง หลังออกมาจากแม่น้ำใต้ดิน เขาก็เก็บพลังเวททั้งหมดในร่าง ใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะเล็ดลอดเข้ามายังหุบเขาที่เหล่าแมลงรวมตัวกันอยู่ได้
สิ่งที่เห็นอยู่รอบด้านมีแต่ฝูงแมลงเผ่าหนอนผีเสื้อมากมายยุ่บยั่บ หลิ่วหมิงไม่กล้าแผ่จิตสัมผัสออกไป ใช้แต่สายตากวาดมองรอบด้าน จากนั้นสายตาจึงจับจ้องอยู่ที่รอยแยกมิติในหุบเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา