พอเข้าไปใกล้หลิ่วหมิงถึงค้นพบว่าเจ้าสัตว์ขนอ่อนนุ่มตัวเล็กๆ นี้คือกระต่ายสีเทาที่มีขนาดใหญ่จนน่าตกใจ มันมีขนาดใหญ่กว่ากระต่ายบนโลกภายนอกถึงสองเท่า เมื่อดูจากเขี้ยวอันแหลมคมสองอันที่โผล่พ้นออกมาจากปากแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้กินพืชเท่านั้น
หลิ่วหมิวมองดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มตัวลงแล้วใช้ฝ่ามือกดลงบนหัวของกระต่ายยักษ์ ขณะเดียวกันไอร้อนจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกจากนิ้วมือทั้งห้าอย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมา สีหน้าของหลิ่วหมิงก็ค่อยๆ ดูหนักอึ้งขึ้นมา
ภายในศพกระต่ายยักษ์มีพลังเวทย์สั่นไหวอยู่ มันไม่ใช่กระต่ายธรรมดาแต่เป็นปีศาจอสูรระดับต่ำ
ขณะนั้นเองก็มีเสียงดัง “ซู่!” สิ่งของเรียวเล็กสีดำพุ่งออกมาจากต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว มันแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็พุ่งมาใกล้คอหลิ่วหมิง และคิดที่จะเจาะทะลุเข้าไป
หลิ่วหมิงที่เดิมทีก้มลง และไม่ขยับเขยื้อนกลับขยับแขนในฉับพลัน แล้วคว้าเอาสิ่งของสีแดงดำไว้แน่น จากนั้นก็คำรามเสียงต่ำแล้วออกแรงดึงอย่างรุนแรง
เสียงดัง “พลั่ก!”
แผ่นเปลือกไม้สีเหลืองเขียวขนาดใหญ่ที่ติดอยู่กับลำต้นถูกดึงลงมาในทันที แต่มีบางสิ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนดูลางเลือน และมันได้กลายเป็นปีศาจอสูรที่ดูคล้ายตุ๊กแกยักษ์ มันแยกเขียวยิงฟันกระโจนเข้ามาหาหลิ่วหมิง
สิ่งของเรียวเล็กสีดำเส้นนั้นแท่จริงแล้วมันคือลิ้นยาวๆ ของปีศาจอสูรตัวนี้
เสียงดัง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!”
คมวายุสองเส้นพุ่งออกจากมือ หลังจากที่แสงสีเขียวกะพริบผ่านไปมันก็ฟันปีศาจอสูรที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่จนขาดออกเป็นสามส่วน ร่างของมันร่วงตกลงไปบนพื้นโลหิตสดๆ ไหลออกมาจากร่าง
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงปล่อยลิ้นมันไป แล้วลอยจากต้นไม้ลงไปยังด้านข้างศพของปีศาจอสูร แล้วสังเกตดูมันอย่างละเอียด
ปีศาจอสูรที่ยาวไม่ถึงครึ่งจั้งตนนี้ ร่างของมันแบนราบผิดปกติ เมื่อมันตายแล้วผิวภายนอกสีเขียวเหลืองของมันก็กลายเป็นผิวหนังสีขาวน้ำนมดูเกลี้ยงเกลาเป็นพิเศษ กรงเล็บบนมือเท้าทั้งสี่คดเคี้ยวเล็กน้อย ดูๆ แล้วเหมือนกับว่าแหลมคมเป็นพิเศษ
“ไม่คิดว่ามันจะเป็นอสูรกิ้งก่าเปลี่ยนสี มิน่าล่ะถึงไม่สามารถรับรู้ถึงการปรากฏตัวของมันในระยะอันใกล้เช่นนี้” หลังจากที่หลิ่วหมิงเห็นอสูรตนนี้ชัดเจนแล้วก็กล่าวกับตนเองด้วยความดีใจ
ถึงแม้กิ้งก่าเปลี่ยนสีจะไม่ใช่อสูรระดับสูง แต่หนังของมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับโลกภายนอกเป็นอย่างมาก เป็นวัสดุหลักสำหรับทำเกราะจิตวิญญาณ เสื้อผ้าจิตวิญญาณ!
หลังจากที่หลิ่วหมิงกระตุกแขนเสื้อ ดาบสั้นสีเขียวอ่อนก็ปรากฏขึ้นในมือ…
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป บนพื้นก็เหลือแค่ชิ้นเนื้อสามก้อนที่ถูกลอกหนังออกจนหมดสิ้น
หลิ่วหมิงนำหนังอสูรสีขาวน้ำนมสามชิ้นที่ลอกออกมาเก็บไว้ แล้วก็ออกเดินทางต่อโดยไม่หยุดพัก
สองวันผ่านไป
หลิ่วหมิงยืนนิ่งอยู่บนกิ่งไม้บนต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่ง บนต้นไม้บริเวณรอบๆ ที่เขายืนอยู่มีปีศาจอสูรหลายตัวรูปร่างยาวเกือบจั้งที่ดูคล้ายเสือดาวกำลังล้อมเขาไว้
ขนของปีศาจอสูรเหล่านี้ต่างก็มีลายสีแดงเข้ม แสงสีเขียวในดวงตาทั้งสองเปล่งประกาย พอปีศาจอสูรหนึ่งในนั้นคำรามเสียงต่ำออกมา ปีศาจอสูรทั้งหมดก็อ้าปากกว้างพ่นลูกไฟยักษ์ขนาดเท่ากำปั้นออกมาทันที จากนั้นมันก็เคลื่อนไหวกลายเป็นเงาร่างกระโจนเข้าหาหลิ่วหมิง
เสียงดัง “ฟู่!” “ฟู่!”
หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย โซ่สีดำเส้นหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เขาแค่สะบัดมันเพียงเล็กน้อยลูกเปลวไฟเหล่านั้นก็โดดหวดจนดับไป จากนั้นแขนอีกข้างก็ดีดนิ้วออก ลำแสงสีเขียวพุ่งออกไปจากในนั้น มันแค่กะพริบผ่านไปรอบด้านก็สามารถเจาะทะลุหัวของปีศาจเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
ปีศาจอสูรหลายตนนี้ตกลงจากกลางอากาศและไร้ซึ่งลมหายใจในทันที โดยไม่ทันได้ส่งเสียงร้องใดๆ ออกมาเลย
หลิ่วหมิงไม่ได้สนใจปีศาจอสูรหลายตนนั้นเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เขาขยับตัวก็ลอยผ่านศพของของพวกมันไป
ปีศาอสูรเหล่านี้เป็นแค่เสือดาวเพลิงที่พบเจอได้บ่อยในโลกภายนอก เขาย่อมไม่อยากเสียเวลากับมัน
ห้าวันต่อมา
พื้นที่ซ่อนเร้นแห่งหนึ่งของป่าดงดิบ หลิ่วหมิงถือก้านไม้ดอกที่สูงเท่าครึ่งตัวของมนุษย์ เขากำลังกลายร่างเป็นเงาสีเขียวกระโดดลอยตัวไปมาระหว่างต้นไม้ด้วยความรวดเร็วอยู่ไม่หยุด ต่างจากท่าทีที่สุขุมเยือกเย็นในหลายวันก่อน
ไม่ไกลจากด้านหลังของเขามีเสียงดังหวึ่งๆ ก้อนเมฆดำขนาดใหญ่กำลังไล่ตามติดเขาอย่างไม่ลดละ
ทันใดนั้นเขาก็ยื่นแขนข้างหนึ่งไปทางด้านหลัง ลูกเปลวไฟสีแดงลูกหนึ่งพุ่งออกไปใส่เมฆดำจนระเบิดออกมา
หลังจากที่คลื่นความร้อนม้วนตัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว จุดสีดำจำนวนมากได้ร่วงลงมาจากเมฆดำ มันคือตัวต่อสีดำที่ดุร้าย แต่ละตัวมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ และมีลายสีเงินจางๆ ตลอดทั้งตัว ตรงท้ายของมันมีเหล็กในพิษสีดำขนาดยาวชุ่นกว่าๆ
ถึงแม้มันจะโดนลูกไฟขัดขวางไปชั่วพักหนึ่ง แต่ตัวต่อสีดำที่หล่นลงมานั้นยังไม่ได้หล่นลงไปบนพื้นจริงๆ พวกมันรีบกางปีกบินขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับอานุภาพอันรุนแรงของลูกไฟเมื่อครู่นี้ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้มากนัก
หลังจากที่เมฆดำหยุดชะงักไปเพียงชั่วครู่ แล้วมันก็เริ่มไล่ประชิดหลิ่วหมิงอีกครั้ง
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ร่างของหลิ่วหมิงก็ถูกปกคลุมด้วยไอสีดำ เขาเข้าไปหลบในบึงน้ำที่มีขนาดกว้างไม่ถึงหมู่กว่าๆ และหลบอยู่ใต้น้ำที่ลึกลงไปสองสามจั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา