ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1149

หลังจากหลิ่วหมิงออกจากยอดเขาหลักของนิกายยอดบริสุทธิ์ก็ขี่เมฆกลับไปยังถ้ำที่พัก ณ ยอดเขาลั่วโยวอย่างว่องไว

สามวันสามคืนนับจากนั้น ผู้ควบคุมยอดเขาและศิษย์จากแต่ละยอดเขาของนิกายยอดบริสุทธิ์ก็เริ่มทยอยกันกลับมา จุดที่แมลงรวมตัวกันเป็นจำนวนมากใกล้กับเทือกเขาหมื่นวิญญาณอีกหลายแห่งนอกจากยอดเขาแสงอัสดงถูกกวางล้างจนหมดแล้ว

แม้ศิษย์สายในกับสายนอกของนิกายยอดบริสุทธิ์จะล้มหายตายจากไปจำนวนหนึ่ง แต่ทั่วทั้งนิกายยอดบริสุทธิ์ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงของชัยชนะ

ทว่าสถานการณ์หล่านี้ หลิ่วหมิงกลับไม่รับรู้ทั้งสิ้น หลังจากเขากลับไปถึงถ้ำที่พักบนยอดเขาลั่วโยว เขาก็ปิดประตูถ้ำเข้าไปในห้องลับโคจรเคล็ดวิชากระดูกดำอยู่เงียบๆ

คำชี้แนะที่ได้รับมาจากผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ก่อนหน้านี้มีส่วนช่วยเขามากอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำถามที่เขาถามเกี่ยวกับอุปสรรคที่พบระหว่างการฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำสองสามคำถามล้วนได้รับคำตอบไล่เรียงทีละเรื่อง เวลานี้เขาจึงอดรนทนรอไม่ไหวต้องการจะทดสอบสักครั้ง

ในตอนนี้เองแสงสีดำสายหนึ่งก็เหาะเข้ามาจากด้านนอกกลายเป็นยันต์ถ่ายทอดเสียงแผ่นหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวูบข้างกายหลิ่วหมิงแล้วแตกสลายไป

ท่ามกลางแสงจิตวิญญาณที่อาบไล้รอบด้าน เสียงของอินจิ่วหลิงดังออกมาจากด้านใน

“กลับวิหารหลักด่วน”

เวลานี้หลิ่วหมิงกำลังตั้งใจพินิจอุปสรรคประการหนึ่งอยู่ แม้ในใจมิใคร่ยินดีนัก แต่ก็ยังลุกขึ้นออกจากถ้ำที่พัก

ไม่นานเขาก็มาถึงนอกวิหารหลักของยอดเขาลั่วโยว

นอกวิหารหลัก เขาไม่เห็นศิษย์ที่เฝ้าประตู แต่กลับพบสตรีอาภรณ์สีดำเรือนร่างอรชรผู้หนึ่งยืนอยู่ เมื่อได้ยินเสียงแหวอากาศ นางจึงหันกายมาทันที นางคือเสี่ยวอู่นั่นเอง

“ศิษย์พี่เสี่ยวอู่!” หลิ่วหมิงตกตะลึงครู่หนึ่งก็รีบเอ่ยทักทาย

ครั้งนั้นในทางปีศาจร้ายเขากับเสี่ยวอู่นับว่ามีความสัมพันธ์ต่อกันไม่เลว ครั้งนี้หลังจากกลับคืนนิกายยอดบริสุทธิ์ เพราะเขารับภารกิจลับจากเทียนเกอเจินเหรินมาจึงเก็บตัวไม่ออกไปด้านนอกง่ายๆ ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่พบหน้าเสี่ยวอู่

“ที่แท้ศิษย์น้องหลิ่วก็มาแล้ว ไม่พบกันนานมากจริงๆ” เมื่อเสี่ยวอู่เห็นหลิ่วหมิง ไม่รู้เพราะเหตุใด ใบหน้าจึงแดงระเรื่อ

“อาจารย์อินอยู่ในวิหารหรือไม่” แม้หลิ่วหมิงรู้สึกว่าสีหน้าของเสี่ยวอู่แปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่เขามิได้ถาม แต่เอ่ยปากถามอย่างอื่นขึ้นมา

“นอกจากอาจารย์ก็ยังมีผู้อาวุโสจินเลี่ยหยางอยู่ในวิหารด้วย” เสี่ยวอู่เห็นสีหน้าของหลิ่วหมิงนิ่งสงบ ในใจก็เกิดความผิดหวังขึ้นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้

“ขอบคุณศิษย์พี่ที่บอกกล่าว” หลิ่วหมิงได้ยินว่าจินเลี่ยหยางอยู่ด้วย ดวงตาพลันเป็นประกาย พอเดาจุดมุ่งหมายที่อินจิ่วหลิงเรียกเขามาได้บ้างแล้ว เขาประสานมือให้เสี่ยวอู่แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปในวิหารหลังใหญ่

เสี่ยวอู่มองเงาของหลิ่วหมิงที่เดินจากไปไกลขึ้นเรื่อยๆ แล้วถอนหายใจอย่างหม่นหมอง ในดวงตาฉายแววขมขื่นลือนราง

หลังจากหลิ่วหมิงเดินเข้าไปในวิหาร อินจิ่วหลิงกับจินเลี่ยหยางก็อยู่ในวิหารดังที่ว่า นอกจากสองคนนี้แล้วก็ยังมีผู้อาวุโสแซ่เถียนของยอดเขาลั่วโยวอยู่ด้วย

“คารวะอาจารย์และผู้อาวุโสทุกท่าน” หลิ่วหมิงคำนับทุกคนเป็นสิ่งแรก

“เอาล่ะ ลุกขึ้นเถิด วันนี้เรียกเจ้ามาเพราะการกวาดล้างแมลงที่อยู่บริเวณนิกายเราจบลงแล้ว เจ้าทำภารกิจครั้งนี้ลุล่วงได้ดียิ่งกว่าที่ท่านประมุขเทียนเกอคาดการณ์ไว้มากย่อมผ่านการทดสอบเป็นศิษย์ลับ ครั้งนี้ผู้อาวุโสจินมาเยือนก็เพื่อถือคำสั่งของท่านประมุขมาเลื่อนขั้นเจ้าเป็นศิษย์ลับของนิกายอย่างเป็นทางการ” สายตาที่อินจิ่วหลิงมองหลิ่วหมิงอ่อนโยนอย่างยิ่ง ดวงหน้าที่เหี่ยวแห้งครึ่งหนึ่งอิ่มเอิบครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ปากเอ่ยขึ้นแช่มช้า

สั่งสอนศิษย์ลับผู้หนึ่งออกมาได้ เขาย่อมมีหน้ามีตาขึ้นอีกมาก

เวลานี้ผู้อาวุโสเถียนก็ผงกศีรษะให้หลิ่วหมิงเล็กน้อยเช่นกัน แต่แววตาที่มองมายังหลิ่วหมิงซ่อนประกายประหลาดบางอย่างไว้ลึกๆ ไม่ทราบกำลังคิดสิ่งใดอยู่

“ขอบคุณท่านอาจารย์ ผู้อาวุโสจิน!” แม้ในใจหลิ่วหมิงเดาได้อยู่ก่อนแล้ว แต่บนใบหน้าก็ยังคงมีสีหน้ายินดี

“ศิษย์น้องหลิ่วไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้ เจ้ากับข้าก็นับว่าเป็นสหายเก่าแก่ ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งศิษย์ลับนี่ก็เป็นสิ่งที่เจ้าได้มาด้วยความสามารถ ข้าไม่ได้ออกแรงอันใดเสียหน่อย” จินเลี่ยหยางหัวเราะฮ่าๆ จากนั้นสีหน้าจึงเคร่งขรึมขึ้น เขาโบกมือครั้งหนึ่ง บันทึกหยกสีเหลืองอ่อนม้วนหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือแล้วคลี่ออก

“วิ้ง!”

เสียงแผ่วเบาดังขึ้นกลางอากาศในวิหารหลังใหญ่ บันทึกหยกเปล่งแสงสีเหลืองที่ราวกับจะสัมผัสได้ออกมา

หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งสองข้าง

บันทึกหยกเล่มนี้มีจิตวิญญาณ เหมือนจะเป็นอาวุธเวทพิเศษชิ้นหนึ่ง

เมื่ออินจิ่วหลิงกับผู้อาวุโสแซ่เถียนเห็นบันทึกหยกสีเหลืองต่างเผยสีหน้าปลงอนิจจัง

“ฮ่ะๆ ของสิ่งนี้คือบันทึกหยกแห่งวังเจดีย์ ศิษย์ลับทั้งหลายต้องบันทึกชื่อไว้ในนี้ ศิษย์น้องหลิ่วส่งป้ายประจำตัวศิษย์สายในของเจ้าให้ข้า” จินเลี่ยหยางหัวเราะเล็กน้อยแล้วเอ่ยบอก

หลิ่วหมิงหยิบป้ายประจำตัวของยอดเขาลั่วโยวออกมาโยนให้จินเลี่ยหยางทันที

จินเลี่ยหยางรับไปแล้วท่องมนตร์ โบกมือส่งแสงเจิดจ้าสายหนึ่งออกมาหุ้มป้ายประจำตัวของหลิ่วหมิงเอาไว้ ผ่านไปชั่วครู่แสงดวงหนึ่งก็ลอยจากป้ายประจำตัวมาร่วงลงบนบันทึกหยกสีเหลือง

บันทึกหยกสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวูบหนึ่ง อักษรคำว่าหลิ่วหมิงตัวจิ๋วสองคำลอยขึ้นมา ใต้ชื่อเปล่งแสงสีแดงวูบหนึ่ง ก่อนที่ภาพสัญลักษณ์เปลวเพลิงสีหม่นจางดวงหนึ่งจะปรากฏขึ้น

จินเลี่ยหยางส่งป้ายประจำตัวคืนให้แก่หลิ่วหมิงแล้วโบกมือ บันทึกหยกสีเหลืองลอยมาถึงตรงหน้าหลิ่วหมิง จากนั้นเขาจึงบอกว่า “ศิษย์น้องหลิ่วหมิง หยดเลือดหยดหนึ่งของเจ้าลงบนภาพสัญลักษณ์ใต้ชื่อ”

หลิ่วหมิงไม่คิดอันใดมาก เขากรีดปลายนิ้ว เลือดหยดหนึ่งลอยออกมาซึมลงไปบนภาพสัญลักษณ์เปลวเพลิงใต้ชื่อของเขาอย่างเชื่องช้า

ฟู่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา