ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1148

สรุปบท ตอนที่ 1148 ร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อ: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนที่ 1148 ร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อ – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนนี้ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1148 ร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“ระดับแก่นแท้ขั้นกลาง”

เจียหลานได้ยินพลันสูดลมหายใจดังเฮือกด้วยตกตะลึงยิ่งนัก

หลิ่วหมิงเข้าไปในทางปีศาจร้ายจนถึงตอนนี้เป็นเวลาทั้งหมดไม่ถึงห้าสิบปี ข้ามระดับชั้นต่อเนื่องถึงสองขั้นได้ นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์หรือชีพจรจิตวิญญาณแล้ว

หากเขาบรรลุระดับแก่นแท้ขั้นปลายในเวลาอันใกล้อีก คงกลายเป็นเหตุการณ์อันหายากที่เกิดขึ้นน้อยนิดไม่กี่ครั้งตลอดช่วงเวลายาวนานนับอนันต์ของนิกายยอดบริสุทธิ์

“สงครามกวาดล้างเหล่าแมลงใกล้จะจบลงแล้ว แต่บริเวณนี้ยังอันตรายอยู่ ศิษย์น้องตามข้ากลับนิกายก่อนดีหรือไม่?” สายตาของหลิ่วหมิงมองไปทิศที่ตั้งนิกายยอดบริสุทธิ์แล้วเอ่ยเช่นนี้

“ก็ดี แต่ข้าคงต้องส่งข่าวบอกอาจารย์ก่อนสักคำ ไม่ให้ท่านผู้เฒ่าต้องกังวล” เจียหลานระงับความตกตะลึงในใจได้ในที่สุด นางเอ่ยตอบอย่างว่าง่ายก่อนจะพลิกมือเรียกยันต์สีขาวแผ่นหนึ่งออกมายกขึ้นจรดริมฝีปากสีแดงพลางกระซิบถ้อยคำแผ่วเบา จากนั้นสะบัดมือครั้งหนึ่ง ยันต์สื่อสารพลันกลายเป็นแสงสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งจากไปไกลอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้จึงแย้มรอยยิ้ม มือใหญ่สะบัดครั้งหนึ่ง ปราณสีดำสายหนึ่งพลันห้อมล้อมทั้งสองเอาไว้ มันหมุนกลางอากาศรอบหนึ่งแล้วเหาะจากไปไกลอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นสองชั่วยาม บนยอดเขาเลื่อนลอยแห่งนิกายยอดบริสุทธิ์ แสงสีดำเส้นหนึ่งก็เหาะเร็วรี่มาแต่ไกล มันกะพริบสองสามครั้ง แสงรัศมีก็ดับลงเผยร่างของหลิ่วหมิงกับเจียหลานออกมา

บนยอดเขาเลื่อนลอยว่างเปล่า ไม่เห็นเงาผู้ใด

“ครั้งนี้ข้าได้รับคำสั่งจากท่านประมุขเทียนเกอให้ลอบเข้าไปยังยอดเขาแสงอัสดง แม้ภารกิจสำเร็จแล้ว แต่ก็ยังต้องไปรายงานเขาด้วยตนเองสักหน่อย” หลิ่วหมิงหันมาบอกกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยน

“ข้าเข้าใจ ท่านจัดการธุระสำคัญก่อนเถิด” ดวงตาของเจียหลานฉายแววอาลัยอาวรณ์ แต่สุดท้ายก็พยักหน้า

ระหว่างทางกลับเทือกเขา หลิ่วหมิงเล่าภารกิจครั้งนี้ของเขาให้เจียหลานฟังคร่าวๆ แล้ว ในเมื่อยามนี้การสู้รบกวาดล้างจบลงแล้วย่อมไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับต่อ

หลิ่วหมิงพยักหน้าให้เจียหลานจากนั้นจึงหมุนตัวกลายเป็นแสงสีดำเส้นหนึ่งเหาะเร็วรี่ไปทางยอดเขาหลักของนิกายยอดบริสุทธิ์

เจียหลานมองเงาร่างของหลิ่วหมิงหายลับไปไกลอย่างรวดเร็ว ดวงตาฉายแววหม่นหมองเล็กน้อย จากนั้นจึงถอนหายใจ เยื้องย่างว่องไว หมุนตัวมุ่งไปยังวิหารหลักของยอดเขาเลื่อนลอย

……

ไม่นานนักหลิ่วหมิงก็มาถึงลานกว้างหน้าวิหารหลักของนิกายยอดบริสุทธิ์ เพิ่งร่อนลงมาในหูก็ได้ยินเสียงของเทียนเกอเจินเหรินดังขึ้น

เขาเปลี่ยนสีหน้าไปทันที รีบยกเท้าก้าวเดินเข้าไปในวิหารหลัก

หลังจากเวลาชั่วจิบชา เขาก็มาถึงห้องขนาดสิบกว่าจั้งแห่งหนึ่งในตำหนักข้าง เทียนเกอเจินเหรินนั่งสง่าอยู่บนตำแหน่งประธาน ใบหน้าเอิบอิ่มด้วยความยินดีปรีดา

“หลิ่วหมิง เจ้าไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังจริงๆ ไม่เพียงทำภารกิจที่นิกายมอบหมายลุล่วงอย่างราบรื่น ยังล่อแมลงระดับดาราพยากรณ์ตัวหนึ่งออกไปอีก?” เทียนเกอเจินเหรินจิบชาจิตวิญญาณคำหนึ่งแล้วยิ้มน้อยๆ

“ท่านประมุขชมเกินไปแล้ว ศิษย์เพียงทุ่มเทกำลังที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อนิกายเท่านั้น” หลิ่วหมิงเอ่ยอย่างถ่อมตน ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ล่อเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ออกไปสังหาร

อย่างไรก็ตามการที่ระดับแก่นแท้ขั้นกลางสังหารผู้ที่อยู่ในระดับดาราพยากรณ์ได้ เล่าอย่างไรก็น่าตกตะลึงเกินไปสักหน่อย

“ในเมื่อทำเรื่องนี้สำเร็จ นิกายย่อมไม่เอาเปรียบเจ้า” ทันใดนั้นเสียงทุ้มเข้มเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

คลื่นสั่นสะเทือนก่อตัวขึ้นกลางอากาศด้านในตำหนักข้าง รอยแยกมิติสีดำเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มชุดเทาผู้หนึ่งก้าวเดินเอื่อยเฉื่อยออกมาจากด้านใน

“คารวะผู้อาวุโสสูงสุดเสวียนอวี๋” เทียนเกอเจินเหรินค้อมกายคำนับ

“ศิษย์คารวะผู้อาวุโสสูงสุด” หลิ่วหมิงก็คารวะอย่างนอบน้อมดุจเดียวกัน

ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋โบกมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย ส่งสัญญาให้ทั้งสองคนไม่ต้องพิธีรีตองแล้วเดินมานั่งบนตำแหน่งประธาน

หลังจากรอผู้อาวุโสเสวียนอวี๋นั่งลง เทียนเกอเจินเกรินก็นั่งลงตรงตำแหน่งด้านข้าง หลิ่วหมิงยืนนิ่งสงบอยู่ด้านล่าง

“หลิ่วหมิง ครั้งนี้เจ้าผนึกทางเชื่อมมิติของเผ่าหนอนผีเสื้อ สร้างความดีความชอบไม่น้อยในศึกกวาดล้างครั้งนี้ ข้าได้ยินเทียนเกอเล่าว่าภารกิจครั้งนี้คือบททดสอบการเป็นศิษย์ลับที่เขามอบให้เจ้า ในเมื่อเจ้าทำเรื่องนี้ลุล่วง นับตั้งแต่ตอนนี้เจ้าก็เป็นหนึ่งในศิษย์ลับของนิกายเราแล้ว” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสงบ

“ขอบคุณปรมาจารย์เสวียนอวี๋!” หลิ่วหมิงดีใจยิ่งนัก รีบค้อมกายคำนับ

“ความดีความชอบของเจ้า ให้รางวัลแค่เป็นศิษย์ลับคงไม่พอ ข้าตั้งใจเตรียมของชิ้นหนึ่งไว้ให้เจ้าเป็นพิเศษ” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋หยิบกล่องหยกใสแวววาวกล่องหนึ่งออกมาจากแขนเสื้ออย่างไม่รีบร้อน แล้วโยนออกมาเหมือนไม่ใส่ใจ

กล่องหยกหมุนคว้างกลางอากาศรอบหนึ่งแล้วร่วงลงในมือหลิ่วหมิงอย่างแม่นยำ

หลิ่วหมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเปิดกล่องหยก แล้วเห็นปีกสีเขียวสดทั้งชิ้นขนาดเท่าฝ่ามือคู่หนึ่งนอนนิ่งอยู่ด้านใน รูปร่างภายนอกเหมือนปีกจักจั่น ใสแวววาว แผ่แสงสีเขียวเรืองๆ

บนปีกจักจั่นสลักลวดลายจิตวิญญาณโบราณที่เขาอ่านไม่ออกไว้จำนวนหนึ่ง อีกทั้งมีกระแสลมสายแล้วสายเล่าลอยเคลื่อนไปมาสองฝั่งของปีกจักจั่น แลดูวิเศษยิ่งนัก

“ใช่แล้ว ศิษย์ยังมีเรื่องต้องรายงานปรมาจารย์เสวียนอวี๋กับท่านประมุขเทียนเกอ…” ระหว่างที่หลิ่วหมิงกำลังยินดีปรีดา ทันใดนั้นเขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับราชินีหนอนผีเสื้อที่เขาล่วงรู้มาจากการค้นวิญญาณแมลงระดับดาพรายากรณ์เปลือกสีเลือดออกมา

เทียนเกอเจินเหรินฟังจบก็ตกตะลึงยิ่งนัก แต่ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋กลับมีสีหน้านิ่งสงบแล้วเอ่ยขึ้นเหมือนคิดไว้ก่อนแล้ว

“เรื่องนี้ ข้ารู้มาจากการค้นวิญญาณแมลงระดับสูงตัวอื่นอยู่บ้าง เรื่องของราชินีหนอนผีเสื้อตัวนี้ ผู้ฝึกฝนระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์จากทั้งแผ่นดินเริ่มร่วมมือกันหารือมาตรการรับมือแล้ว เจ้ามิต้องกังวลใจ”

“ขอรับ!”

หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้พลันโล่งอก ผู้มากความสามารถระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ของแผ่นดินจงเทียนรวมกันแล้วอย่างน้อยก็มียี่สิบถึงสามสิบคน ผู้ฝึกฝนที่มากความสามารถเหล่านี้หากร่วมมือกัน ต่อให้ราชินีหนอนผีเสื้อร้ายกาจอีกเท่าใด ก็น่าจะไม่นับเป็นสิ่งใด

“เรื่องราชินีหนอนผีเสื้อ เจ้าจงอย่าได้แพร่งพรายออกไป เลี่ยงไม่ให้ศิษย์ธรรมดาเกิดความหวาดกลัว ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะรู้ว่าสิ่งใดควรมิควร” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋มองหลิ่วหมิงแล้วเอ่ยเตือนอีกครั้ง

“ขอรับ ศิษย์เข้าใจ” หลิ่วหมิงรีบเอ่ยตอบ

หลังจากนั้นหลิ่วหมิงก็สนทนากับบุคคลสำคัญแห่งนิกายยอดบริสุทธิ์ทั้งสองอีกเล็กน้อยแล้วขอตัวออกมาอย่างรู้จักกาลเทศะ

เรื่องการเลื่อนชั้นเป็นศิษย์ลับ เทียนเกอเจินเหรินอธิบายว่าจะส่งคนไปติดต่อกับยอดเขาลั่วโยวให้เรียบร้อย

เมื่อหลิ่วหมิงออกไปพ้นตำหนักข้าง เทียนเกอเจินเหรินก็สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

“ผู้อาวุโสสูงสุดเสวียนอวี๋ เรื่องราชินีหนอนผีเสื้อตัวนั้น ผู้อาวุโสทั้งหลายมีวิธีรับมือแล้วจริงหรือ?”

“จะง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร เมื่อครู่ข้าพูดเช่นนี้ก็เพื่อปลอบศิษย์ในนิกาย จากที่ข้าคาดการณ์ร่างจริงของราชินีหนอนผีเสื้อเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะก้าวพ้นระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ไปแล้ว เป็นตัวตนระดับอมตะในตำนาน ก่อนหน้านี้ข้า มู่คงกับเฟิงชิงสามคนทุ่มเทเรี่ยวแรงอักโขกว่าจะสังหารแมลงระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ตัวนั้นที่เป็นเพียงร่างแยกร่างหนึ่งของมันลงได้ พิจารณาจากตรงจุดนี้ หากร่างจริงของมันมาเยือนคงมิใช่สิ่งที่พวกเราจะต่อกรได้แน่นอน” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋หัวเราะฝืดเฝื่อนแล้วส่ายศีรษะ

“ระดับอมตะ”

เทียนเกอเจินเหรินได้ยินย่อมตกตะลึง!

“แต่เจ้าไม่ต้องกังวลใจเกินไปนัก จากการข่าวที่พวกเรารวบรวมมาได้ตอนนี้ ราชินีหนอนผีเสื้อเหมือนจะยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้า บวกกับตัวมันเองมีพลังจิตวิญญาณมหาศาลเกินไป ร่างจริงน่าจะไม่อาจทะลุผ่านทางเชื่อมมิติมาเยือนแผ่นดินจงเทียนได้ตามใจ อย่างมากที่สุดก็ทำได้เพียงส่งร่างแยกจำนวนหนึ่งมาเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมมอบโอกาสครั้งใหญ่ให้แก่พวกเรา เรื่องราชินีหนอนผีเสื้อ ศิษย์พี่มู่เริ่มติดต่อกับนิกายอื่นเพื่อหารือร่วมกันแล้ว” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋เอ่ยพร้อมประกายตาวาวโรจน์

“หากนิกายใหญ่ทั้งหมดร่วมมือกัน พวกเราก็คงไม่จำเป็นต้องกลัวร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อเหล่านั้นจริงๆ” หลังเทียนเกอเจินเหรินฟังจบ คิ้วจึงคลายออกเล็กน้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา