ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1164

“ประมุขหุบเขาเหวิน ฤทธิ์ยาพิษตัวนี้ของท่านไม่เลวจริงๆ แต่พวกระดับสูงของเผ่าหนอนผีเสื้อคงจะไม่ยอมปล่อยมันทิ้งไว้โดยไม่จัดการ หากขวางแมลงระดับสูงของเผ่าหนอนผีเสื้อไม่ได้แล้วถูกพวกมันขัดขวาง เกรงว่าต่อให้ใช้ฤทธิ์ของยาพิษร่วมกับยาคลุ้มคลั่งก็คงไม่แพร่กระจายง่ายดายเช่นนั้นกระมัง?” หญิงงามจากนิกายเทียนกงฟังจบกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยขึ้นมาอย่างลังเล

“ความกังวลของฮูหยินเจินมิใช่จะไร้เหตุผล จากข่าวที่ได้รับมาจากวังสวรรค์ การสื่อสารระหว่างเผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงกับระดับล่างไม่เหมือนภาษาของมนุษย์ พวกมันใช้คลื่นเสียงที่คนธรรมดายากจะได้ยิน หากเป็นเช่นนี้ระหว่างศึกตัดสินต้องตัดการสื่อสารระหว่างเผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงกับเผ่าหนอนผีเสื้อระดับล่างให้ได้จึงจะรับประกันผลของยาพิษได้ ส่วนวิธีทำลายคลื่นเสียงคงจะต้องรบกวนผู้อาวุโสเสวียนอวี๋แห่งนิกายยอดบริสุทธิ์อธิบายให้ทุกคนฟังสักหน่อย” ผู้เฒ่าชุดเขียวเอ่ยเช่นนี้

เมื่อคำนี้เอ่ยออกมายอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ทั้งหลายที่นั่นรวมถึงเงาคนเหล่านั้นล้วนมองไปยังปรมาจารย์เสวียนอวี๋ที่หลับตาทำสมาธิอยู่ด้านข้างอย่างพร้อมเพรียง

“ไม่ผิด หลังจากสร้างมาหลายปี นิกายของเราก็ใช้กระดูกหัวกะโหลกของร่างแยกราชินีหนอนผีเสื้อชิ้นหนึ่งเป็นแกนกลางสร้างอาวุธคลื่นเสียงชิ้นหนึ่งขึ้นมาได้สำเร็จ เมื่อศึกตัดสินเริ่มต้นขึ้นแล้วใช้มันก็จะรบกวนเผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงที่กำลังควบคุมเผ่าหนอนผีเสื้อระดับล่างได้” ปรมาจารย์เสวียนอวี๋ลืมตาขึ้น หลังจากกวาดมองผู้คนจนครบรอบก็เอ่ยแช่มช้า

“ดี วันนี้ทุกสิ่งเตรียมพร้อมย่อมเหลือแต่รอลมตะวันออกแล้ว ยามนี้ขุมกำลังของเผ่าหนอนผีเสื้อแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ หากยื้อเช่นนี้ไปตลอด เกรงว่านานวันเข้าพวกเราจะเสียเปรียบอย่างยิ่ง ตอนนี้เมื่อประจักษ์ผลของยาพิษแล้ว ไม่สู้หารือเรื่องศึกตัดสินสักหน่อยเถิด!” บุรุษวัยกลางคนผู้สวมชุดบัณฑิตจากสำนักเฮ่าหรานที่นิ่งเงียบมาตลอดเอ่ยปากขึ้นมา

ทุกคนฟังแล้วย่อมพากันพยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อสี่ยอดนิกายใหญ่กับหุบเขาปีศาจสวรรค์แสดงออกว่าเห็นพ้องต้องกัน ตระกูลกับสำนักอื่นที่เหลือจะกล้าคัดค้านได้อย่างไร หลังจากนั้นการหารือเกี่ยวกับศึกตัดสินจึงเริ่มดำเนินไปอย่างจริงจัง

ต่างคนต่างออกความเห็น แง่มุมต่างๆ ล้วนถูกยกขึ้นมาพูดคุย

การประชุมใหญ่เพื่อหารือกันครั้งนี้ดำเนินไปถึงสามวันจึงตกลงกันได้ในที่สุด

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน

ในวิหารหลังใหญ่บนยอดเขาหลักของนิกายยอดบริสุทธิ์ ประมุขนิกายเทียนเกอเจินเหรินกำลังนั่งสง่าผ่าเผยอยู่บนที่นั่งของประมุขนิกาย สองฝั่งข้างกายเขามีผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์หลายคนนั่งอยู่

ส่วนด้านล่างก็มีผู้อาวุโสผู้ควบคุมยอดเขาจากแต่ละยอดเขานั่งอยู่แน่นขนัด อินจิ่วหลิงจากยอดเขาลั่วโยว เทียนอินซ่างเหรินจากยอดเขาเลื่อนลอยล้วนอยู่ในนั้น

แต่เวลานี้สีหน้าของทุกคนล้วนเคร่งขรึม พวกเขาลุกขึ้นรายงานสภาพการเตรียมตัวเข้าสู่สงครามกับจำนวนศิษย์ที่จะออกศึกของแต่ละยอดเขาให้เทียนเกอเจินเหรินฟังอย่างละเอียดทีละคน

ในเวลาเดียวกันสำนักเฮ่าหราน นิกายเทียนกง นิกายปีศาจลี้ลับ หุบเขาปีศาจสวรรค์รวมถึงนิกายและตระกูลใหญ่แต่ละแห่งก็ล้วนตีฆ้องลั่นกลองรบเตรียมตัวสำหรับศึกตัดสินกับเผ่าหนอนผีเสื้อ พร้อมทั้งออกคำสั่งเรียกศิษย์ที่อยู่ตามที่ต่างๆ กลับมา

……

สองเดือนให้หลัง

ภายในมิติทรงกลมใต้ดินอันลึกลับและเงียบสงัดแห่งหนึ่ง

ฉับพลันแสงสว่าแสบตาสายหนึ่งก็ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ค่ายกลแสงขนาดสิบกว่าจั้งค่ายกลหนึ่งปรากฏขึ้นเลือนราง

ขอบของค่ายกลแสงมีลำแสงสิบกว่าสายม้วนเป็นเกลียวออกมาตามแต่ละตำแหน่ง ในแสงเรืองรองมีอักขระอันลี้ลับหมุนวนจากนั้นก็หยุดนิ่ง เงามนุษย์พร่ามัวไม่ชัดสิบกว่าร่างปรากฏตัวจากความว่างเปล่า

“สหายทุกท่าน วันนี้ยาพิษรวมถึงยากระตุ้นให้คลุ้มคลั่งของหุบเขาเสินหนงถูกแจกจ่ายให้แก่นิกายใหญ่แต่ละแห่งแล้ว ดูจากทิศทางการเคลื่อนไหวของเผ่าหนอนผีเสื้อล่าสุดที่ตรวจสอบมา จุดรวมตัวที่ใหญ่ที่สุดของพวกมันก็คือยอดเขาสองโลกทางตะวันออกเฉียงใต้ของแผ่นดิน คาดว่าจำนวนทั้งหมดมีมากถึงสิบล้านตัว ข้าเสนอให้ใช้สถานที่นี้เป็นสนามรบของศึกตัดสิน ไม่ทราบทุกท่านคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้?” เสียงของบุรุษผู้หนึ่งทำลายความเงียบขึ้นก่อน ฟังจากเสียง เขาก็คือปรมาจารย์เสวียนอวี๋ของนิกายยอดบริสุทธิ์นั่นเอง

“จากที่ข้ารู้มา ยอดเขาสองโลกคือสถานที่ซึ่งพบรอยแยกมิติมากที่สุดในตอนนี้ อีกทั้งภูมิประเทศยังสูงชัน ง่ายต่อการรวบรวมกำลังพลตีวงล้อม ขอเพียงแผนการวางยาพิษสัมฤทธิ์ผล ครั้งนี้ต้องถอนรากถอนโคนเผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้ได้แน่ ส่วนการกำจัดเผ่าหนอนผีเสื้อที่อื่นเทียบกันแล้วย่อมง่ายกว่ามาก นิกายเทียนกงเห็นด้วยที่จะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสนามรบของศึกตัดสิน!” เงาร่างพร่ามัวอีกร่างหนึ่งเอ่ยเช่นนี้

“สำนักเฮ่าหรานไม่เห็นแย้ง!”

“นิกายปีศาจลี้ลับก็เห็นด้วยให้ใช้สถานที่นี้เปิดศึกตัดสิน!”

“หุบเขาปีศาจสวรรค์…”

เมื่อกลุ่มอำนาจใหญ่ของพันธมิตรที่นำโดยสี่ยอดนิกายใหญ่ทยอยแสดงท่าทีเห็นด้วย การเลือกสนามรบสำหรับศึกตัดสินกับเหล่าแมลงจึงกำหนดแน่นอนในที่สุด

……

ในเวลาเดียวกัน

ณ ทะเลสีเลือดอันเร้นลับยิ่งนักแห่งหนึ่งบนแผ่นดินจงเทียน

ท้องฟ้าเหนือทะเลสีเลือดที่ดูเหมือนคลื่นลมสงบบางครั้งมีวิหคหรืออสูรสมุทรพลัดหลงเข้ามาสองสามตัว ทว่ายังไม่ทันส่งเสียงร้อง ผิวบนร่างพลันกลายเป็นโลหิตประหนึ่งถูกหลอมละลาย จากนั้นพวกมันก็ร่วงหล่นลงไปในทะเลเลือด

ลึกลงไปใต้ทะเลโลหิตอันเงียบสงบ ยอดเขาชันที่สูงนับพันจั้งห้าลูกตั้งแยกกันอยู่ห้าทิศทางราวกับนิ้วมือห้านิ้วที่กำเข้าหากัน กลางหมู่ยอดเขาที่จมอยู่ในทะเลสีเลือดเหล่านี้ แท่นบูชาหินสีดำเกลี้ยงแท่นหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง

โซ่สีดำหนาเท่าชามข้าวหลายสิบเส้นแทงทะลุร่างสูงใหญ่ผมสีแดงกระเซอะกระเซิงบนแท่นบูชาอย่างไร้เมตตา

หากไม่ใช่ว่าร่างกายนี้ยังแผ่ลมปราณเล็กน้อยออกมาเป็นระยะ เขาก็เหมือนตายไปแล้วจริงๆ

ทันใดนั้นเส้นผมยาวสีเลือดของร่างนั้นก็เหมือนถูกลมพัด เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีโลหิตลึกโหลบนใบหน้าจ้องเขม็งไปด้านหน้า จากนั้นเขาจึงเปล่งเสียงคำรามดุดัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา