ฝนพิษโปรยผ่านที่ใด แมลงระดับล่างที่พลังต่ำกว่าระดับผลึกนับไม่ถ้วนล้วนบาดเจ็บล้มตายภายในเวลาเพียงชั่วครู่
พริบตาเดียวจุดที่พวกหลิ่วหมิง ฉิวหลงจื่อกับผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ร้อยกว่าคนเหาะผ่านก็มีซากศพแมลงระดับล่างหลากสีหลายรูปแบบกองพะเนินอยู่บนพื้น
แต่จำนวนเท่านี้สำหรับกองทัพแมลงมากมายหลายล้านเรียกได้ว่าเป็นเพียงขนวัวเส้นหนึ่ง ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นถูกแมลงฝูงใหญ่ที่ตามมาด้านหลังเติมจนเต็มในครู่เดียว
ศพของแมลงระดับล่างจำนวนมากย่อมดึงดูดแมลงที่เพิ่งมาถึงรอบด้านให้กัดกินอย่างตะกละตะกลาม
แต่การเลื่อนระดับที่พวกมันจินตนาการไว้กลับไม่เกิดขึ้น ตรงกันข้ามหลังจากแมลงระดับกลางและระดับล่างเหล่านี้กัดกินศพแมลงระดับล่างที่ต้องพิษตาย พวกมันก็ชักกระแด่วล้มลงกับพื้นในพริบตาตามด้วย ยังไม่ทันตายสนิทก็ถูกแมลงที่มาใหม่รุมเข้ามาแย่งกันกัดกินจนไม่เหลือซากอีกหน
นับตั้งแต่พวกหลิ่วหมิงเริ่มกระจายพิษร้าย เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งก้านธูปแมลงระดับล่างที่กัดกินพวกเดียวกันจนต้องพิษตายก็มากกว่าจำนวนเผ่าหนอนผีเสื้อที่ต้องพิษตายโดยตรงก่อนหน้านี้ไกลโพ้น จำนวนมากมายมหาศาลถึงสองสามแสนตัว นอกจากนี้แมลงที่ล้มตายอยู่บนพื้นก็ยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่ออาณาเขตที่แมลงระดับล่างล้มตายขยายกว้างขึ้น แมลงระดับสูงที่สู้ติดพันอยู่กับผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ในที่สุดก็เข้าใจความหนักหนาของสถานการณ์
แมลงระดับแก่นแท้ขึ้นไปเปล่งเสียงร้องประหลาดสั้นยาวไม่เท่ากันออกมาทันที!
แมลงระดับล่างด้านล่างได้ยินเสียงพลันหยุดชะงักคล้ายได้รับคำสั่งอะไรบางอย่าง พวกมันเผยสีหน้าหวาดผวาแล้วพากันมองเมินพรรคพวกที่ต้องพิษตายตรงหน้า จากนั้นโถมเข้าใส่จุดที่พวกหลิ่วหมิงอยู่อีกครั้ง
ในตอนนี้เองท้องนภาพลันบิดเบี้ยว แสงสีเทาสว่างขึ้นวูบหนึ่ง จากนั้นเงาร่างสีเทาร่างหนึ่งก็ปรากฏตัว
เงาร่างค่อยๆ ชัดขึ้นจนเผยให้เห็นใบหน้าสี่เหลี่ยมดูธรรมดาสามัญ เขาก็คือปรมาจารย์เสวียนอวี๋หนึ่งในสี่ยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ของนิกายยอดบริสุทธิ์ที่ซ่อนเร้นกายไม่ปรากฏตัวมาตลอดนั่นเอง
เขาไม่คิดสักนิดก็ยกมือขึ้น แสงสีขาวสายหนึ่งก่อตัวกลางฝ่ามือ จากนั้นแตรกระดูกสีขาวนวลชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา
แตรกระดูกแลดูประณีตวิจิตร ด้านบนสลักยันต์มากมายถี่ยิบไว้นับไม่ถ้วน บนผิวทอแสงสีดำลึกล้ำไหลวนไม่หยุด เหมือนกับว่าหากเหลือบมองมันสักแวบจะถูกมันสูบวิญญาณไปทันที
ของสิ่งนี้ก็คือแตรเสียงมายาที่สร้างจากกระดูกกะโหลกของร่างแยกราชินีหนอนผีเสื้อร่างหนึ่ง
ปรมาจารย์เสวียนอวี๋สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มือขวายกแตรเสียงมายาจรดริมฝีปากแผ่วเบา จากนั้นส่งลมหายใจหนักแน่นที่สอดแทรกด้วยพลังเวทบริสุทธิ์เข้าไปที่แตรในมืออย่างบ้าคลั่ง
“ฮูม”
เสียงแตรทุ้มนุ่มนวลดังชัดบนฟากฟ้า คลื่นเสียงล่องหนวงแล้ววงเล่ากลายเป็นคลื่นยักษ์ถาโถมออกไปสี่ด้านแปดทิศโดยมีปรมาจารย์เสวียนอวี๋เป็นศูนย์กลาง
อาวุธเวทที่สร้างจากกระดูกของแมลงระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ เมื่อได้ยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ใช้ พลังเยี่ยมยอดปานใด พริบตาเดียวครอบคลุมไกลพันลี้
แม้เสียงนี้จะไม่ก้องกังวานสักเท่าใด แต่เสียงคำรามของเผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงกลับถูกมันกลบหายไปอย่างแปลกประหลาด จนไม่ได้ยินแม้แต่น้อย
เมื่อเสียงของแตรเสียงมายาดังลอยไปไกล ดวงตาของแมลงระดับล่างเหล่านั้นก็เผยแววตากระหายเลือดออกมาอีกครั้ง พวกมันหลุดจากการควบคุมของแมลงระดับสูงแล้วโถมเข้ากัดกินศพแมลงที่เห็นต่อ
ยาพิษแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว กองทัพแมลงทั้งหมดตกสู่ความโกลาหลอีกครั้ง
แมลงระดับแก่นแท้เห็นสถานการณ์แต่ไร้หนทางจัดการปรมาจารย์เสวียนอวี๋ผู้เหาะสูงอยู่บนฟ้าจนเอื้อมไม่ถึง พวกมันจึงได้พุ่งเข้าใส่หน่วยวางยาพิษอย่างโกรธแค้น พยายามจะหยุดกลุ่มผู้ฝึกฝนที่กำลังวางยาพิษ
การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ หน่วยวางยาพิษล้มตายมากขึ้นทุกที
ลึกเข้าไปในกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อ แสงสีดำสายหนึ่งส่องสว่าง เงาดำสี่ร่างกลุ้มรุมเผ่ามนุษย์ร่างกำยำคนหนึ่งไม่หยุด
เงาดำสี่ร่างนี้ก็คือแมลงร่างกึ่งมนุษย์ที่แผ่ลมปราณระดับแก่นแท้ขั้นปลายสี่ตัว
ตัวหนึ่งมีดวงตาสีแดงก่ำสามดวง อีกตัวหนึ่งมีเขายาวสีดำสนิทงอกอยู่บนหัว ส่วนสองตัวสุดท้ายคือแมลงท้องโตเปลือกสีเขียวที่มีหนามแหลมคมงอกอยู่รอบตัว
แมลงยักษ์เผ่าหนอนผีเสื้อสี่ตัวนี้ว่องไวนิ่งนัก เมื่อประสานงานกันก็ยิ่งลงมือได้โหดเหี้ยม
แต่มนุษย์ร่างกำยำที่ถูกรุมโจมตีอยู่ก็ใช้กระบี่บินสีทองในมือได้ล้ำเลิศ เขาสร้างม่านกระบี่สีทองขมุกขมัวผืนหนึ่งปกป้องรอบร่าง แลดูจัดการแมลงสี่ตัวที่ล้อมอยู่ได้อย่างสบายๆ ไม่ตกเป็นรองสักนิด
เขาผู้นี้มิใช่ใครอื่น เขาก็คือฉิวหลงจื่อศิษย์ลับแห่งนิกายยอดบริสุทธิ์นั่นเอง!
เมื่อเห็นว่าไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้ แมลงสามตาจึงโกรธจัด ดวงตาข้างที่สามบนหน้าผากเปิดออกแล้วยิงลำแสงสีแดงฉานหนาเท่าชามข้าวสายหนึ่งเข้าใส่ม่านแสงสีทอง
ฉิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้ เคล็ดวิชากระบี่ที่มือจึงเปลี่ยนทันทีเหมือนเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว กระบี่ยาวในมือฉับพลันกลายเป็นแสงกระบี่สีทองขนาดมหึมาสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า
ชั่วขณะที่ลำแสงสีแดงฉานกับแสงกระบี่สีทองกำลังจะสัมผัสกัน
แสงกระบี่สีทองก็สั่นสะท้านแผ่วเบาแล้วกลายเป็นเงากระบี่อันน่าตกตะลึงสิบกว่าสายในพริบตาส่วนน้อยในนั้นพุ่งลงบนลำแสงสีแดงฉาน ทำให้พวกมันเปล่งแสงสีดำวูบหนึ่งแล้วหายไปทันที
เงากระบี่ส่วนใหญ่ที่เหลือเลี้ยวเปลี่ยนทิศฟันเข้าใส่แมลงสามตา ทั้งยังรวมตัวกันระหว่างทางกลายเป็นอสรพิษยักษ์สีทองประหนึ่งมีชีวิตตัวหนึ่งกลางอากาศอย่างฉับพลัน
เสียงประดุจโลหะถูกกรีดขาดดังขึ้นตามมาด้วยเสียง “พรึ่บ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา