แต่ถึงแม้จะป้องกันได้อย่างเหนียวแน่นเช่นนี้ ต้วนฉานจู่ก็ยังคงกล่าวกับทั้งสองด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง
“พวกเจ้าทั้งสองต้องการจะฆ่าข้าจริงๆ หรือ! ถ้าหากข้าไม่สามารถรอดไปได้จริงๆ ทำไมข้าจะไม่ลากให้พวกเจ้าตายไปด้วยกันเล่า”
“พี่ใหญ่ ท่านได้ยินเสียงสุนัขเห่าหรือยัง! ผู้อ่อนแอก็คือผู้อ่อนแอ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าเอาคำพูดเสี่ยงตายมาข่มขู่พวกเรา ตอนแรกกะให้เขาตายอย่างสบายๆ แต่ดูท่าคงจะให้เขาตายง่ายๆ ไม่ได้แล้วล่ะ” หญิงสาวอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น หน้าตาแลดูน่ารัก แต่หลังจากที่ยิ้มหวานๆ ให้กับชายที่อยู่ข้างๆ กลับพูดคำพูดที่ทำให้คนรู้สึกขนลุกขนพองออกมา
หญิงนางนี้กับชายที่อยู่ด้านข้างสวมชุดนิกายเดียวกัน
“ฮึ! ตอนนี้ไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอก ในเมื่อคนผู้นี้รู้ความลับของเราก็ไม่อาจให้เขามีชีวิตรอดไปได้ รีบลงมือให้เร็วหน่อย ถ้าหากมีคนผ่านมาจะยุ่งยากกว่าเดิม” ชายหนุ่มรูปงามด้านข้างกลับกล่าวด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด
“เอาจริงๆ ตั้งแต่จากเผ่ามาก็ไม่ค่อยได้เล่นสนุกกันเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของพี่ใหญ่น้องสาวอย่างข้าก็คงต้องทำตามสินะ” หญิงร่างอรชรทำปากมุ่ยราวกับว่าไม่ค่อยพอใจมากนัก
แต่ต้วนฉานจู่ที่อยู่ตรงข้ามได้ยินคำพูดนี้กลับตัวสั่นเล็กน้อย เขาขยี้ยันต์ผืนหนึ่งที่อยู่ในมือจนแตกกระจายในทันที แสงสีเขียวจำนวนมากพุ่งออกมาจากในนั้น หลังจากที่ร่างของเขาขยับไปด้านหลังอย่างรวดเร็วก็กลายเป็นแสงสีเขียวหลบหนีไป”
“คิกๆ! ต่อหน้าพวกข้าสองคนพี่น้อง เจ้ายังคิดจะหนีเหรอ ฝันไปเถอะ!”
พอหญิงร่างอรชรเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด แต่กลับหัวเราะคิกๆ ออกมา
จากนั้นก็มีอักขระสีฟ้าปรากฏออกมาบนหน้าหญิงสาว พอนางบิดตัวก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีฟ้าพุ่งตามไปด้วยความรวดเร็ว เพียงแวบเดียวก็ตามมาเกือบถึงตัวต้วนฉานจู่
ต้วนฉานจู่เห็นเช่นนี้ก็หน้าแดงก่ำไปทั่ว เขาคำรามออกมาโดนฉับพลัน แถบผ้าทั้งหมดบนตัวโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่งแล้วก็เปลี่ยนเป็นสีทองจางๆ
บริเวณที่แถบผ้าพัดผ่านบังเกิดเสียงฟิ้วๆ ราวกับมีคมดาบอันน่าสะพรึงกลัวสิบกว่าเล่มฟันลงมาพร้อมกันอยู่ไม่หยุด ทำให้ร่างของต้วนฉานจู่ถูกห่อหุ้มอยู่ในเงาคมดาบสีทองนั้น
แต่หญิงสาวร่างอรชรผู้นี้ทำราวกับไม่เห็บคมดาบเหล่านี้ นางเพียงแค่หัวเราะเบาๆ แล้วก็พุ่งเข้าไปในเงาดาบเหล่านั้น
แสงเย็นสะท้านเปล่งประกายขึ้นมา เสียง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” ดังขึ้น เงาดาบอย่างน้อยสิบกว่าเส้นฟันผ่านร่างของหญิงสาวร่างอรชรภายในพริบตา
แต่ฉากอันน่าตกใจได้ปรากฏขึ้นแล้ว
ร่างของหญิงอรชรมีแสงสีฟ้าหมุนวนอยู่ไม่หยุด และนางก็ไม่สนใจการโจมตีที่พุ่งเข้าหานางเลย แต่นางก็ไม่ได้รับบาดแผลใดๆ เลยแม้แต่น้อย
ต้วนฉานจู่ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบหยิบดาบสั้นสีเขียวเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ และคิดที่จะฟันไปยังด้านหน้า แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
พอร่างของหญิงอรชรดูลางเลือนก็พกพาสายลมอันหอมหวลพัดผ่านมายังหน้าเขา ต้วนฉานจู่แค่รู้สึกว่าดวงตาทั้งสองมืดลง จากนั้นก็ส่งเสียงร้องอันน่าเวทนาออกมา
รูเลือดสองแห่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา ลูกตาที่เดิมอยู่ในเบ้าตาถูกหญิงสาวใช้วิธีการที่คาดไม่ถึงควักออกมา
ถึงแม้ต้นฉานจู่จะนับว่าเป็นศิษย์ยอดเยี่ยมของนิกายปีศาจ แต่เมื่อตาทั้งคู่บอดลงเขาก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีด เขาทำได้แค่พยายามฟันดาบสั้นในมือออกไปทั่วทิศอย่างบ้าคลั่ง
ปราณดาบแต่ละสายตัดสลับกันไปมาจนทำให้เกิดรอยสีขาวบนพื้นที่บริเวณนั้น
แต่เสียงหัวเราะของหญิงสาวร่างอรชรก็ดังวนอยู่บริเวณนั้นไม่หยุด จนทำให้เขาไม่อาจจับตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามได้
ใจของต้วนฉานจู่ร่วงหล่นลงไปในทันที
“น้องเล็ก เจ้าใช้เวลานานเกินไปแล้ว ช่างเถอะ! ให้ข้าลงมือจัดการเองเถอะ!” ขณะนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงอันเย็นยะเยือกของชายหนุ่มดังเข้ามา
ครู่ต่อมา ต้วนฉานจู่พลันได้ยินเสียงคลื่นขนาดใหญ่ดังขึ้น พลังมหาศาลพุ่งเข้ามาจากทั่วทิศ
แถบผ้าที่พลิ้วไหวอยู่ข้างตัวต้วนฉานจู่เพียงแค่สั่นไหวเล็กน้อย แล้วก็ถูกพลังมหาศาลนี้จู่โจมจนต้องค่อยๆ ถอยกลับไป
เขารู้สึกถึงร่างกายตัวเองที่หนักอึ้งจนแม้แต่นิ้วก็ไม่สามารถกระดิกได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา