บนพื้นที่ห่างจากหินก้อนใหญ่ไปไม่ไกล กลับมีศพวิหคยักษ์สีดำยาวสามจั้งถูกฟันเป็นสองส่วนวางอยู่ที่นั่น ขนเหล็กสีดำของมันหายไปบางส่วน ร่างของมันเต็มไปด้วยบาดแผล และยังมีเลือดไหลทะลักออกมาอยู่ไม่หยุด
หลังจากไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด สีหน้าหญิงสาวถึงได้ฟื้นฟูขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีเสียงดังลั่นมาจากด้านล่างของยอดเขา หมอกโลหิตพวยพุ่งลอยขึ้นมา
เสียงดัง “เพล้ง!”
เซวี่ยชื่อโผล่ออกมาจากหมอกโลหิตด้วยท่าทีกระเซอะกระเซิง เขาเดินโซเซจนเกือบจะล้มลงไปบนพื้นตรงบริเวณหินก้อนใหญ่
หญิงสาวนิกายจันทราสวรรค์ลืมตาสวยงามทั้งคู่ขึ้น แต่พอกวาดสายตามองดูชายชุดคลุมสีเลือดแล้วก็ถามออกไปอย่างราบเรียบ
“ดูจากสภาพของเจ้า คงจะจัดการเหยี่ยวขนเหล็กอีกตนได้แล้วใช่ไหม”
“ใช่ ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว มิเช่นนั้นข้าคงไม่อาจรอดกลับมาได้” เซวี่ยชื่อตั้งหลักยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว ก็จ้องมองหญิงสาวก่อนที่จะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดุเดือด
ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะสร้างความลำบากให้เขาเป็นอย่างมาก
“ฮึ! ถ้าไม่ใช่ว่าข้าโจมตีเหยี่ยวขนเหล็กตนนั้นจนบาดเจ็บสาหัส แล้วค่อยให้เจ้าล่อมันออกไป เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะรับมือวิหคจิตวิญญาณที่มีพลังเทียบเท่ากับศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายที่สมบูรณ์แบบได้!” หญิงสาวนิกายจันทราสวรรค์ทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา
“ถึงแม้เจ้าจะใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อก็ควรจะบอกข้าก่อนไหม” เซวี่ยยังคงถามด้วยความโมโห
“ถามหน่อย? ถ้าข้าบอกแผนเจ้าก่อนจริงๆ เจ้าจะยอมไปล่อวิหคปีศาจตนนั้นแต่โดยดีหรือ? พอถึงตอนนั้นสิ่งที่เป็นได้มากที่สุดก็คือเจ้านั่งมองข้าต่อสู้กับเหยี่ยวขนเหล็กสองตัวด้วยความตื่นเต้นดีใจ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ
“ทั้งหมดนี่เป็นแค่สิ่งที่เจ้าคาดเดาขึ้นมาเท่านั้น เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะทำเรื่องแบบนี้!” เซวี่ยชื่อได้ยินก็โมโหขึ้นกว่าเดิม
“ต่อให้จะเป็นแค่การคาดเดาของข้าแล้วจะทำไม หรือว่าตอนนี้เจ้าจะแตกคอกับข้า!” หญิงสาวนิกายจันทราสวรรค์หรี่ตาทั้งสอง แล้วกล่าวด้วยสายตาที่เปล่งประกายแสงเย็นสะท้าน
ชายชุดคลุมสีเลือดได้ยินเช่นนี้ก็หน้าเขียวปัดขึ้นมาทันที เขาจ้องมองหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนกล่าวออกไป
“ได้…รื่องนี้ให้จบลงแค่นี้ พวกเราแบ่งไข่เหยี่ยวขนเหล็กกันค่อยเถอะ!”
“ควรจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ไปกันเถอะ!” หญิงสาวนิกายจันทราสวรรค์หัวเราะอย่างเยือกเย็น จากนั้นนางก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว แล้วเหาะไปยังต้นไม้ใหญ่สูงสี่สิบกว่าจั้งที่อยู่ไม่ไกลออกไป
บนต้นไม้ใหญ่นั้นมีรังนกขนาดใหญ่สองรังที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวหลายจั้งตั้งอยู่ติดๆ กัน มันถูกสร้างขึ้นมาจากกิ่งไม้แห้ง
เซวี่ยชื่อเห็นเช่นนี้ก็รีบกระตุ้นหมอกโลหิตออกมาปกคลุมร่างแล้วตามออกไป
รังนกรังหนึ่งมีไข่สีเทาขนาดเท่าลูกแตงโมวางอยู่สองใบ อีกรังหนึ่งมีแค่ใบเดียวเท่านั้น
“ไม่คาดคิดว่าจะมีสามใบจริงๆ! อย่างนี้ก็ดีจะได้ไม่เป็นปากเป็นเสียงกัน” หญิงสาวนิกายจันทราสวรรค์เห็นเช่นนี้ก็กล่าวพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบผ้าย่อส่วนออกมาโดยไม่พูดอะไรมาก นางเก็บไข่ไว้ในห่อผ้านั้นแล้วก็ลอยจากไปโดยไม่สนใจใยดีเซวี่ยชื่อเลย
เซวี่ยชื่อจ้องมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่จากไปโดยไม่คิดที่จะเอ่ยปากห้ามปรามเลยแม้แต่น้อย จนเมื่อหญิงสาวลอยลับไปจากยอดเขาแล้ว เขาถึงคำรามเสียงออกมาด้วยความอาฆาตแค้น จากนั้นก็หยิบเอาไข่ที่เหลือใบนั้นไป
ผ่านไปสักครู่ หญิงสาวนิกายจันทราสวรรค์ที่กำลังขี่เมฆเทาลอยลงไปด้านล่างพลันกล่าวขึ้นมาอย่างราบเรียบ
“เจ้าแน่ใจนะ คนผู้นี้อันตรายเป็นอย่างมาก ถ้าข้าไว้ชีวิตเขา ข้าคงจะต้องจ่ายค่าตอบแทนป็นจำนวนมาก?”
“ความแข็งแกร่งของหอสายธารโลหิตเป็นรองแค่นิกายจันทราสวรรค์เท่านั้น เซวี่ยชื่อเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่ของหอสายธารโลหิตในรุ่นนี้ ทำไมถึงแสดงความสามารถออกมาแค่นี้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งของเจ้ามีอานุภาพที่น่าตกใจล่ะก็ เกรงว่าเขาคงจะคิดหาทางจัดการกับเจ้าแล้ว”
เสียงเพิ่งจะสิ้นสุด ถุงหนังใบหนึ่งที่อยู่บนเอวของหญิงสาวก็เคลื่อนไหว แสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากในนั้น หลังจากมันหมุนติ้วๆ รวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นนกแก้วหลากสีสันตัวหนึ่ง หลังจากที่มันเกาะลงบนไหล่ของนางแล้ว ก็วางมาดอาวุโสพูดภาษามนุษย์ออกมา
“แต่ครั้งนี้เจ้าได้ไข่เหยี่ยวขนเหล็กสองใบก็นับว่าได้รับผลประโยชน์มามากแล้ว ภายใต้ความช่วยเหลือของข้า สามารถฟักมันออกมาและเลี้ยงเป็นวิหคจิตวิญญาณได้ไม่ช้าก็เร็ว พอถึงเวลานั้นเจ้ามีพวกมันคอยช่วยเหลือ ประกอบกับวิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งของเจ้า เชื่อว่าในแผ่นดินอวิ๋นชวนนี้ ต่อไปคงจะหาคู่ต่อสู้รุ่นเดียวกันได้ยาก เลี้ยงเหยี่ยวขนเหล็กพร้อมกันสองตนก็นับว่าเป็นเรื่องที่ถึงขีดจำกัดแล้ว ต่อให้เอามาเพิ่มอีกใบก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ใยต้องเสี่ยงอันตรายด้วยเล่า”
“ดี ถ้าอย่างนั้นเรื่องไข่จิตวิญญาณข้ามอบให้เจ้าจัดการ คิดว่าเจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” ศิษย์นิกายจันทราสวรรค์ได้ยินก็พยักหน้า แล้วก็กระตุ้นเมฆเทาให้เหาะลงไปยังหน้าผาสูงชะโงกเงื้อมแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
ที่นั่นมีต้นไม้สีเขียวแก่แลดูแปลกประหลาดอยู่ต้นหนึ่ง บนนั้นมีผลไม้อมน้ำสีแดงม่วงที่ดูคล้ายกับกับองุ่น
เมื่อหญิงสาวเหาะมาถึงด้านหน้าของมัน นางก็ใช้มือที่สวยราวกับหยกเด็ดผลไม้อมน้ำออกมาพวงหนึ่ง
แต่ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงดัง “ซิ้วๆ!” ไหมสีเงินจำนวนมากพุ่งออกมาจากผนังโดยไม่ได้บอกล้วงหน้า
สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก แต่กระบี่ยาวหิมะขาวบนหลังก็พุ่งออกมา คมกระบี่ถูกดึงออกมาหลายชุ่น ขณะเดียวกันแสงสีขาวเย็นสะท้านก็ม้วนตัวออกมาด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา