ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 138

สรุปบท ตอนที่ 138: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

อ่านสรุป ตอนที่ 138 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 138 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 138 มือปีศาจค้ำฟ้า
ตอนที่ 138 มือปีศาจค้ำฟ้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนนี้เขาหันหน้ามองไปยังที่ไกลๆ ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมเป็นอย่างมาก

เพราะว่าเขาใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปยังคงพังทลายส่งเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นอยู่ไม่หยุด ก้อนดิน ก้อนหินแต่ละชั้นกลิ้งลงมาจากยอดเขา

พริบตาเดียว ยอดเขาทั้งลูกก็มีขนาดเตี้ยกว่าก่อนหน้านั้นมาก ไม่รู้ว่าต้นไม้จิตวิญญาณ พืชจิตวิญญาณ จมดินไปมากน้อยแค่ไหน ความเสียหายจำนวนมากนี้ทำให้หลิ่วหมิงที่รู้สึกเสียดายอย่างอดไม่ได้

เสียงดัง “ฟู่!”

ในระยะไม่ไกลมากนัก มีแสงสว่างแพรวพราวพุ่งเข้ามา หลังจากที่มันพร่ามัวก็กลายเป็นหญิงสาวที่สวมชุดนิกายจันทราสวรรค์

นางสะพายกระบี่ยาวหิมะขาวเล่มหนึ่งมาหยุดอยู่ในอากาศที่ห่างจากหลิ่วหมิงไปไม่ไกล นางกวาดตาดูหลิ่วหมิงทีหนึ่งด้วยสีหน้าเมยเฉย จากนั้นก็หันไปจ้องมองเขาใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป

พอหลิ่วหมิงเห็นหญิงนางนี้ก็อดที่จะหรี่ตาลงไม่ได้

หญิงนางนี้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายโดยไม่ทราบสาเหตุและรู้สึกว่าควรจะอยู่ห่างๆ นางจะดีกว่า

หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และอดที่จะคาดเดาสถานะของนางไม่ได้

นิกายจันทราสวรรค์ได้ชื่อว่าเป็นนิกายอันดับหนึ่งในแคว้นต้าเสวียน ศิษย์ในนิกายรุ่นนี้มีคนไหนที่โดดเด่นบ้าง ในระหว่างทางที่มาเกาะสยบมังกรประมุขนิกายปีศาจย่อมเล่าให้พวกเขาฟังคร่าวๆ แล้ว

แต่กลับไม่มีบุคคลใดที่มีลักษณะตรงกับหญิงนางนี้ นอกเสียจากว่านางก็เป็นศิษย์ธรรมดาเหมือนกับเขา ซึ่งเป็นศิษย์ที่นิกายจันทราสวรรค์เพิ่งรับมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้

แต่ดูจากอายุของนางแล้ว ดูเหมือนจะไม่ใช่!

หลิ่วหมิงกะดูอายุของนางด้วยความสงสัย

เขาย่อมไม่รู้ว่าตอนที่นางยังเด็ก พรสวรรค์ร่างสื่อสารจิตวิญญาณกระบี่ของนางถูกผู้อาวุโสในนิกายจันทราสวรรค์พบเข้า และรับนางเข้านิกายอย่างไม่ลังเล โดยฝึกฝนให้อย่างไม่เสียดายทรัพยากร แต่เรื่องนี้ถูกนิกายจันทราสวรรค์ปิดบังมาโดยตลอด จนหลายปีมานี้ไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไปแล้ว ถึงยอมแพร่งพรายข่าวคราวออกมาบ้าง

มิเช่นนั้นต่อให้พรสวรรค์นางจะสูงส่ง ก็ไม่อาจมีพลังในการฝึกฝนกระบี่ร่างเป็นหนึ่งได้สำเร็จตั้งแต่ยังเป็นศิษย์จิตวิญญาณ

แต่ขณะนั้นเอง เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นของยอดเขาที่พังทลายก็หยุดลงในที่สุด เผยให้เห็นถึงโฉมหน้าแท้จริงของสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้น มันคือมือสีดำเขียวที่ชูขึ้นฟ้า และไหมเงินที่โบกสะบัดอยู่ไม่หยุดก็ดูเหมือนกับว่าจะเป็นแค่ขนบนมือมันเท่านั้น

มองเห็นสถานการณ์อันน่าตื่นตะลึงนี้ ไม่เพียงแต่หลิ่วหมิงที่รู้สึกเย็นยะเยือกเท่านั้น แม้แต่หญิงสาวนิกายจันทราสวรรค์ก็ต้องมองจนตาค้าง

เสียง “ตึกๆ!” ดังมาจากฝ่ามือยักษ์

เมื่อหลิ่วหมิงได้ยิน หัวใจของเขาก็เต้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันโลหิตทั่วร่างก็เกาะตัวกันราวกับว่าหยุดการไหลเวียนแล้ว

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก เขารีบหมุนตัวโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงก่อนที่จะกระตุ้นแสงสีเขียวพุ่งไปยังโลกหิมะที่อยู่ไม่ไกล

เกือบจะในเวลาเดียวกัน หญิงสาวนิกายจันทราสวรรค์ก็หนีไปในทิศทางเดียวกันด้วยใบหน้าที่ขาวซีด

และเสียงที่ดังมาจากเขาใหญ่ก็ดังติดต่อกันออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังรวดเร็วและทรงพลังมากกว่าเดิม ทุกเสียงที่ดังออกมามันมีอานุภาพที่ไม่อาจคาดเดาได้ ทำให้ผู้ที่ได้ยินใจเต้นขึ้นมาไม่รู้ตัว และลมหายใจก็ถี่กระชั้นชิดไปด้วย

สำหรับปีศาจอสูร และวิหคจิตวิญญาณที่ฝึกฝนระดับต่ำเหล่านั้น เสียงที่ดังติดต่อกันนี้ยิ่งทำให้พวกมันตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม ปีศาจอสูรจำนวนมากได้ยินไม่กี่ที ก็ตัวอ่อนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงล้มลงไปบนพื้นไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก

ปีศาจอสูรที่ฝึกฝนในระดับสูงขึ้นหน่อย พอได้ยินเสียงดังสนั่นนี้ถึงแม้จะไม่สูญเสียพลังในการเคลื่อนไหว แต่พวกมันกลับวิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปทั่วทุกทิศทางด้วยความตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก และไม่กล้าหันหน้ากลับมามองข้างหลังเลยแม้แต่น้อย

ปีศาจอสูรเหล่านี้มีอายุมากสุดก็แค่หลายร้อยปีเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าความหวาดกลัวต่อมือยักษ์ที่อยู่ตรงด้านหลังมันประทับอยู่ในสายเลือดของพวกเขามากี่หมื่นปีแล้ว และเหล่าปีศาจอสูรที่ค่อนข้างมีสติปัญญาจะทราบได้คร่าวๆ จากสายเลือดในแต่ละรุ่นที่สืบทอดต่อกันมา ทุกช่วงเวลาที่ยาวนานมือยักษ์นี้จะปรากฏออกมาฆ่าพวกมันทั้งหมด

และยิ่งเป็นปีศาจอสูรที่มีพลังมากก็ยิ่งไม่สามารถหนีพ้นการไล่ล่าของมือยักษ์ค้ำฟ้าได้ และพวกที่มีพลังน้อยถ้าหากหลบซ่อนตัวได้ดีก็อาจจะเอาชีวิตรอดได้

ด้วยเหตุนี้ ปีศาจอสูรกลุ่มที่มีพลังมากที่สุดย่อมต้องหวาดกลัวมากขึ้น

และศิษย์แต่ละนิกายที่เข้าไปในเขตเขาใหญ่ ต่างก็ถูกการโจมตีแบบกะทันหันของไหมเงินจนเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ศิษย์นับสิบกว่าคนที่ป้องกันตัวไม่ทันจนต้องกลายเป็นซากศพแห้ง

ผู้ที่ฝึกฝนอยู่ในระดับแข็งแกร่งหรือมีการรับรู้ที่ว่องไวก็พากันหนีเอาชีวิตรอดไปพร้อมกันปีศาจอสูรด้วยความตกใจ

ศิษย์บางคนหนีได้รวดเร็วมาก เพียงครู่เดียวก็มาถึงโลกหิมะแล้ว บางคนก็เข้าไปเขตแดนหินละลายแล้ว

ขณะที่หลิ่วหมิงเคลื่อนตัวเข้าสู่โลกที่มีหิมะตกเต็มท้องฟ้า โดยมีหญิงสาวนิกายจันทราสวรรค์ตามหลังมาติดๆ นั้น มือยักษ์ค้ำฟ้าที่อยู่ตรงด้านหลังก็ค่อยๆ สั่นไหว จากนั้นมันก็ค่อยๆ ดึงตัวขึ้นมาจากพื้นด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในที่สุดทันก็เผยส่วนล่างออกมา

มือยักษ์ค้ำฟ้านี้คือข้อมือที่ถูกตัดขาดออกมา แต่กลางฝ่ามือมีหัวใจสีเงินดวงหนึ่งฝังอยู่ และมันค่อยๆ เต้นตามจังหวะ ส่งเสียงดัง “ตึก!” “ตึก!” ออกมา

“อะไรคือปีศาจยักษ์โบราณ? เจ้าบอกว่าปรมาจารย์ของพวกเราก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน มันคือเรื่องจริงหรือ!” ถึงแม้หยางเฉียนจะรู้สึกฉงน แต่เพราะความเชื่อใจที่มีต่อชายหน้าดำจึงไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด แต่พอทำท่ามือร่ายคาถาปล่อยไอสีดำพวยพุ่งคุ้มกันตัวไว้แล้วก็ถามออกไปอย่างอดไม่ได้

“เรื่องของปีศาจยักษ์โบราณ ข้าก็อ่านมาจากคัมภีร์โบราณมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่อาจยืนยันได้ทั้งหมดว่าฝ่ามือนี้เป็นของปีศาจยักษ์โบราณ แต่เจ้าแค่รู้ว่ามนุษย์แปดถึงเก้าส่วนในแผ่นดินอวิ๋นชวนของพวกเราถูกกลืนกินโดยปีศาจยักษ์โบราณก็พอแล้ว” สีหน้าของชายหน้าดำเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เขาเพียงแค่ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบกระตุ้นหุ่นพยัคฆ์ขนาดใหญ่วิ่งฝ่าหิมะไป

“อะไรนะ คนในแผ่นดินแปดถึงเก้าในสิบส่วนถูกปีศาจยักษ์โบราณกลืนกิน! เจ้าคงไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะ” พอหยางเฉียนได้ยินเช่นนี้ร่างกายก็สั่นสะท้าน สีหน้าเขาดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะมีจริง

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องโกหกแต่อย่างใด อีกอย่างเผ่าเจ้าสมุทร และเผ่าอื่นๆ ในสมัยโบราณก็เป็นแค่ข้าทาสรับใช้ของปีศาจยักษ์โบราณเท่านั้น เอาล่ะ! เรื่องอื่นๆ รอรักษาชีวิตไว้ได้ก่อน แล้วข้าค่อยให้เจ้าฟังอย่างละเอียดก็ยังไม่สาย” ชายหน้าดำหัวเราะอย่างขมขื่น แล้วก็ไม่ตอบอะไรอีก

หยางเฉียนได้ยินเช่นนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปมาอยู่ไม่หยุด

……

เฟิงฉานกับเกาชงกำลังหนีเอาชีวิตรอดตรงหินละลายอันร้อนระอุ คนหนึ่งมีไอสีเทาพวยพุ่ง อีกคนหนึ่งมีหมอกโลหิตห่อหุ้มไปทั่วร่าง

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตรงด้านหลัง ทั้งสองต่างก็หันกลับไปมองด้วยความตกตะลึง

ไม่ไกลจากด้านหลังของพวกเขา กลุ่มแสงสีแดงกำลังพุ่งเข้ามาราวกับลูกธนู อานุภาพของมันน่ากลัวเป็นอย่างมาก

“สือชวน ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเขา!”

พอเฟิงฉานเห็นใบหน้าของผู้ที่อยู่ในแสงสีแดงชัดเจนแล้วก็กล่าวออกมาด้วยความแปลกใจ

เกาชงที่อยู่ข้างๆ ได้ยิน สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

เมื่อทั้งสองมองเห็นกลุ่มแสงสีแดงใกล้จะตามมาทันต่างก็สบตากันครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเฟิงฉานก็เข้าไปขวางทางสือชวนไว้ เขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา และตะโกนด้วยเสียงอันดัง

“ช้าก่อนศิษย์น้องสือ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา