ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 140

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 140 เซวี่ยนู่
ตอนที่ 140 เซวี่ยนู่
โดย
Ink Stone_Fantasy
ใบหน้าของคนผู้นั้นเหมือนกับหลิ่วหมิงไม่มีผิด

เขามองดูตัวเองที่เป็นคนอีกคนหนึ่งราวกับว่าเป็นเงาของกระจก สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันคือฝ่ายตรงข้ามหลับตาทั้งของข้าง ใบหน้าไร้ความรู้สึก

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตัวในฉับพลันก็คือ คำพูดที่เปล่งออกมาเมื่อครู่ ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับฝ่ายตรงข้ามโดยไม่รู้ตัว

ในขณะนั้นเอง ‘หลิ่วหมิง’ ที่อยู่ตรงหน้าก็ลืมตาขึ้นมาในทันที ลูกตาของเขาเป็นแสงสีเงินละลานตาเป็นอย่างมาก

ด้วยความตกใจหลิ่วหมิงหลับตาทั้งสองลงโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาจากฝัน

รอบด้านมืดมิด และยังมีกลิ่นอับชื้นของดินโชยเข้ามาในจมูก

หลักจากที่เขาคิดวกไปมาอย่างรวดเร็ว ก็พลันรู้ตัวว่าตนเองถูกฝังอยู่ในดินทั้งเป็น

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเคล็ดวิชากระดูกดำที่เขาฝึกฝนได้ปล่อยไอสีดำปกป้องร่างเขาไว้ เกรงว่าคงเสียชีวิตไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว

เสียงดัง “เพล้ง!”

หลิ่วหมิงตะโกนเสียงต่ำออกมา จากนั้นก็กลิ้งไปมาใต้พื้นดิน ก่อนที่จะกระโดดขึ้นมาจากใต้ดินที่ลึกหลายจั้งได้ แสงด้านนอกตอนนี้สว่างไสว เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว

เขาสำรวจดูรอบด้านอย่างรวดเร็ว ที่นี่คือบริเวณชายป่าดงดิบที่เขาสลบไสลไปก่อนหน้านั้น เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงถูกฝังอยู่ใต้ดินได้

หลังจากที่สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปมาก็พลันนึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขารีบทำท่ามือด้วยมือเดียวก่อนที่จะส่งจิตไปสำรวจดูที่บริเวณทะเลจิตวิญญาณ แต่เขาเห็นเพียงแค่ทะเลจิตวิญญาณที่ว่างเปล่า ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ฟองอากาศลึกลับที่ระเบิดตัวก็ไม่ได้ปรากฏออกมา

และพอเขากระตุ้นเคล็ดวิชากระดูกดำเพื่อตรวจสอบพลังเวทย์ก็ยังเป็นปกติ ไม่มีสิ่งใดที่ดูผิดปกติแต่อย่างใด

หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมา!

หรือว่าความฝันในก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงแค่ความฝันจริงๆ แต่ความรู้สึกที่รับรู้ได้ในฝันนั้นดูคล้ายกับความจริงมาก ‘หลิ่วหมิง’ อีกคนทำให้เขารู้สึกขนลุกขนพองและหนาวเย็นจนถึงขั้วหัวใจ

เขาคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็รู้สึกสมองยุ่งเหยิงจนไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ จึงได้แต่ส่ายศีรษะแล้วเก็บเรื่องนี้ไว้คิดที่หลัง จากนั้นก็ค่อยๆ ลอยไปไปบนต้นไม้ใหญ่และเบิ่งมองไปข้างหน้าอันไกลโพ้น

ผลคือม่านตาดำของเขาหดตัวในทันที!

แอ่งขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางแดนลึกลับยังคงมีอยู่ แต่มือยักษ์ค้ำฟ้ากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ตัวเขาสลบไปนานเท่าไหร่กันแน่ คงไม่ถึงกับเลยเวลาที่กำหนดให้อยู่ในแดนลึกลับได้นะ

หลิ่วคิดได้เช่นนี้แล้วก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เขารีบเหาะไปยังป่าดงดิบที่ลึกเข้าไปโดยไม่คำนึงถึงเรื่องอื่นๆ เลย

หลายชั่วยามผ่านไป หลิ่วหมิงที่กระโดดอยู่ในป่าดงดิบก็ได้ยินเสียงดังอยู่แว่วๆ ความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาในทันที จากนั้นเขาก็กระโดดไปตามทิศทางของเสียง

ผ่านไปไม่นาน ร่างของเขาก็เคลื่อนตัวมาอยู่บนต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่บนขอบพื้นที่กว้างโล่ง

ด้านหน้าที่อยู่ไม่ไกล มีชายหญิงสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

ผู้ชายสวมชุดหอสายธารโลหิต ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยปราณโลหิต ภายใต้การกวัดแกว่งดาบยาวสีเลือดที่อยู่บนมือ ทำให้แสงสีแดงน่าสะพรึงกลัวม้วนออกไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งราวกับอสรพิษ แต่ตาทั้งสองของเขากลับปิดสนิท โดยไม่มองคู่ต่อสู้แม้แต่น้อย

ผู้หญิงมีใบหน้างดงามจนยากหาที่เปรียบได้ ร่างของนางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่แสงสีม่วงในตาทั้งสองกลับหมุนวนอยู่ไม่หยุด ในมือถือระฆังทองแดงขนาดเล็ก สูงชุ่นกว่าๆ และสั่นมันอยู่ไม่หยุด

นางก็คือเจียหลานนั่นเอง

ชายหอสายธารโลหิตผู้นั้นมีสีหน้าดุร้าย ถึงแม้เขาจะหลับตาทั้งสองข้าง แต่ทุกครั้งที่ฟาดฟันดาบออกไป มันก็ฟันเข้าใส่เจียหลานราวกับว่ามองเห็นอย่างชัดเจน จนทำให้นางไม่อาจอยู่นิ่งได้

ดีที่ระฆังเล็กในมือของหญิงสาวก็ดูเหมือนจะมีผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อ ทุกการสั่นไหวจะมีเสียงดังกังวานออกมา จนทำให้การเคลื่อนไหวของชายหอสายธารโลหิตหยุดชะงัก จากนั้นก็ถือโอกาสปล่อยวิชาออกไปโจมตี

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ชายหอสายธารโลหิตก็ยังโจมตีรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ปราณดาบสีแดงแต่ละสายก็ส่งกลิ่นคาวเลือดออกมาเข้มข้นยิ่งขึ้น ราวกับว่ามันได้ห่อหุ้มดรุณีน้อยไว้อย่างสมบูรณ์ และเจียหลานกลับมีสีหน้าซีดขาวคล้ายกับว่าเสียพลังไปอย่างมาก เห็นได้ชัดว่านางต้านทานไม่ค่อยไหวแล้ว

“ศิษย์พี่เจียหลาน ต้องการให้ศิษย์น้องช่วยหรือไม่!” ณ เวลานั้นเอง หลิ่วหมิงก็ลอยลงมาจากต้นไม้และกล่าวกับเจียหลานด้วยรอยยิ้ม

“ฮึ! ศิษย์นิกายปีศาจอีกแล้ว! ดี! นับว่าพวกเจ้าโชคดีไป ครั้งหน้าอย่าให้เจอพวกเจ้าตอนอยู่คนเดียวก็แล้วกัน” พอชายหนุ่มหน้าตาดุร้ายเห็นการปรากฏตัวของหลิ่วหมิงสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขารีบเก็บดาบโลหิตในทันที จากนั้นก็ถอยออกจากการต่อสู้ไปอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่จะหายเข้าไปในป่าดงดิบเขาได้กล่าวออกมาอย่างโหดเหี้ยม และหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

“ที่แท้ก็คือศิษย์น้องไป๋ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก” ตอนแรกเจียหลานตกใจที่เห็นหลิ่วหมิง แต่ต่อมากลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่แสงสีม่วงในดวงตาได้หายไป ร่างของนางก็พร่ามัวกลับมาเป็นดรุณีน้อยใบหน้างดงามดังเดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา