ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 143

สรุปบท ตอนที่ 143: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 143 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 143 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 143 ต่อสู้กับมังกร (2)
ตอนที่ 143 ต่อสู้กับมังกร (2)
โดย
Ink Stone_Fantasy
และขณะนั้นเอง ลูกเปลวไฟทั้งสามที่อยู่ตรงหลังหลิ่วหมิงก็ส่งเสียงดัง “ตู้ม!” มันสูญเสียการควบคุมจนระเบิดออกมา ทะเลเพลิงอันคุโชนลุกลามไปทั่วทิศ

หลิ่วหมิงมีสีหน้าเดือดดาลขึ้นมา เขาไม่สนใจเปลวไฟที่อยู่ตรงหลัง แต่กลับกระโดดไปยังด้านหน้าของสัตว์ประหลาดครึ่งมังกร เขาสะบัดกระบี่สั้นในมือ จากนั้นปราณกระบี่สีเขียวหกเจ็ดสายก็ม้วนตัวออกมา ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังมาจากแขนเสื้อของเขาก่อนที่โซ่ยาวสีดำจะดีดตัวออกไป

ถึงแม้สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรจะรู้สึกเจ็บปวดที่ปากเป็นอย่างมาก แต่พอเห็นฉากนี้ก็สะบัดไหล่เพื่อใช้ความเร็วของตนเองหลบการโจมตีจากหลิ่วหมิง

แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียง “ซู่!” “ซู่!” ดังขึ้นที่ใต้เท้าของมัน ก้ามยักษ์ทั้งสองยื่นออกมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ และหนีบขาทั้งสองของมันไว้แน่นในจังหวะที่มันไม่ทันระวัง ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น และเส้นสีดำสิบกว่าเส้นก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินก่อนที่จะเจาะเข้าไปยังต้นขาข้างหนึ่งของมัน

สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรเห็นเช่นนี้ย่อมรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แต่ดีที่มันมั่นใจการป้องกันของร่างกายตนเองเป็นอย่างมาก จึงไม่สนใจเส้นดำสิบกว่าเส้นนั้น แต่กลับยกเท้าขึ้นในฉับพลันแล้วดึงแมงป่องกระดูกขาวออกมาจากดิน จากนั้นก็ยกเท้าอีกข้างไปเหยียบแมงป่องกระดูกขาว

ขณะนั้นเองก็มีเสียง “เพล้ง!” “เพล้ง!” ดังขึ้นสิบกว่าครั้ง เส้นสีดำทั้งหมดโจมตีไปที่ต้นขาของสัตว์ประหลาด แต่มันก็ค่อยๆ กระเด็นออกมา เหลือทิ้งไว้เพียงรูเล็กๆ สิบกว่ารูเท่านั้น

สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรเพียงแค่รู้สึกเจ็บที่ขาเล็กน้อย จากนั้นมันก็เหยียบแมงป่องกระดูกขาวจนจมเข้าไปในดินโดยไม่สนใจ ทำให้แมงป่องกระดูกขาวร้องแกว๊กๆ ออกมา และไม่สามารถสลัดตัวให้หลุดพ้นได้

ในช่วงเวลานั้นเอง การโจมตีของหลิ่วหมิงก็ตามติดมายังด้านหน้าของมัน

แต่มันเพียงแค่เอาแขนทั้งสองไปป้องอยู่ตรงหน้าเพื่อต้านทานการโจมตีทั้งหมด

ผลลัพธ์คือหลังจากที่ปราณกระบี่กะพริบผ่านไป มันก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีเขียวและฟันลงบนแขนทั้งสองของมัน

ร่างของมันสั่นสะเทือนจนต้องถอยออกไปหลายก้าว แขนทั้งสองก็ค่อยๆ อ้าออกโดยไม่ตั้งใจ

ชั่วพริบตานี้เอง หลังจากที่โซ่สีดำเคลื่อนไหวจนดูพร่ามัวแล้ว มันก็พุ่งยิงไปตรงบริเวณหน้าอกของสัตว์ประหลาดราวกับอสรพิษ และทุบตีอย่างรุนแรง

สัตว์ประหลาดไม่กลัวแม้แต่ปราณกระบี่ที่อาวุธจิตวิญญาณปล่อยออกมา แล้วมันจะกลัวการโจมตีของโซ่ตรวนวิญญาณได้อย่างไร ตอนนี้มันขี้เกียจที่จะขยับตัว เพียงแค่ยืดอกเล็กน้อยเพื่อปะทะให้โซ่ดำกระเด็นออกไป

หลิ่วหมิงเห็นฉากนี้กลับแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา เขาขยับตัวพุ่งถอยหลังในทันที ขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งก็ตบลงบนหน้าอก โล่แสงสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาและปกป้องเขาในขณะที่จมหายเข้าไปทะเลเพลิง

สถานการณ์อันน่าแปลกใจนี้ ยังไม่ทันที่สัตว์ประหลาดจะทันได้คิดอะไร ปลายโซ่ดำตรงหน้ามันก็กระตุกเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งยิงมุกสีดำสามเม็ดออกมา และโจมตีไปยังหน้าอกของสัตว์ประหลาด

สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรตกใจเป็นอย่างมาก คิดที่ถอยตัวออกไปก็ไม่ทันแล้ว

มุกสีดำทั้งสามเพียงแค่หมุนติ้วๆ แล้วก็พากันระเบิดแตกกระจายออกมา

ในช่วงเวลาที่ไร้สุ้มไร้เสียง แสงกลมๆ สีแดงสามกลุ่มก็ได้ปรากฏขึ้นมา และรวมตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นแสงแดดที่แก่กล้า พริบตาเดียวมันก็ม้วนสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรเข้าไปในนั้น

ขณะนี้มีเสียงดังครั่นครืนออกมาจากแสงแดดแก่กล้านั้น!

คลื่นสั่นสะเทือนสีแดงม้วนตัวออกไปทั่วทิศอย่างบ้าคลั่ง พื้นที่ที่มันม้วนตัวผ่านไปล้วนราบเป็นหน้ากลอง ขณะเดียวกันด้วยความร้อนที่เหลือเชื่อ ทำให้ต้นไม้ใบหน้าบริเวณนั้นกลายเป็นขี้เถ้าจนหมดสิ้น

ทะเลเพลิงที่หลิ่วหมิงอยู่ก็ถูกคลื่นสั่นสะเทือนนี้ทำลายจนดับสิ้นในพริบตา

หลิ่วหมิงที่หลบอยู่ในนั้นทำได้เพียงแค่ปล่อยพลังเวทย์เข้าใส่โล่แสงสีดำอย่างบ้าคลั่ง

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เขาก็รับมือได้เพียงไม่กี่อึดใจ โล่แสงก็ส่งเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ!” และบังเกิดรอยแตกสีขาวจางๆ ออกมา จนดูเหมือนจะไม่สามารถรับมือได้แล้ว

โชคดีหลังจากแสงแดดอันแก่กล้าที่อยู่ไม่ไกลปล่อยอานุภาพออกมาแล้ว ก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้ ทำได้เพียงแค่กะพริบไม่กี่ทีแล้วก็จางหายไป

เหลือไว้เพียงแค่เงาร่างพร่ามัวที่ไหม้ดำไปทั้งตัว และยังโชยกลิ่นหอมของเนื้อออกมาจางๆ

ราวกับว่าสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรตัวนั้น ถูกแสงแดดแก่กล้าเมื่อครู่ย่างจนสุก

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ถึงได้โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย

มุกสีดำสามเม็ดที่ถูกโซ่ตรวนวิญญาณดีดออกมานั้น มันคือมุกเพลิงอัคคีที่จูชื่อมอบให้เขาเพื่อใช้ป้องกันตัวในวันนั้น

และที่เขาตั้งใจเอามุกเพลิงอัคคีทั้งสามซ่อนให้ในโซ่ตรวนวิญญาณ และใช้ในตอนที่มันไม่ทันระวังนั้น ในที่สุดที่ซุ่มโจมตีได้สำเร็จจริงๆ

พลังของมุกแต่ละเม็ดที่ปล่อยออกมาเทียบเท่ากับการโจมตีของอาจารย์จิตวิญญาณ เมื่อทั้งสามเม็ดรวมตัวกัน อานุภาพมันยากตะคาดเดาได้

ถึงแม้สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรตนนี้จะมีการป้องกันตัวที่น่าตกใจ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ตอนนี้หลิ่วหมิงก็ไม่สามารถวางใจได้ เขารีบควงกระบี่สั้นสีเขียวในมืออย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ลอยขึ้นมากลายเป็นจันทราสีเขียวกลมๆ และหล่นลงบนหัวของสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรด้วยเสียงอันแหลมดังในทันที

สำหรับเขาแล้ว สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรตนนี้น่ากลัวมาก นอกจากจะฟันมันให้กลายเป็นสองส่วนเท่านั้น มิเช่นนั้นเขาไม่อาจวางใจได้เลยแม้แต่น้อย

และครู่ต่อมาการดาดเดาของเขาก็เป็นจริง!

เสียง “เพล้ง!”

หลิ่วหมิงพลันตะโกนด้วยความดีใจ เขาทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว จันทราสีเขียวส่งเสียงดังกังวานแล้วลอยขึ้นมาในทันที หลังจากที่มีอักขระสามชั้นปรากฏออกมา มันก็หมุนวนอยู่ในอากาศอย่างบ้าคลั่ง

แสงสีเขียวเย็นสะท้านเปล่งออกมาจากจันทราสีเขียว และขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว

สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรที่อยู่ด้านล่างเห็นเช่นนี้ ก็ปรากฏแววตาหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรก หลังจากโซ่สีเงินส่งเสียงดังหวึ่งๆ หมุนล้อมรอบตัวมันแล้ว ตัวโซ่ก็ยืดยาวขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันแสงสีเงินที่เปล่งออกมาก็ยิ่งสว่างมากขึ้น

เสียงดัง “ซู่!”

ทันใดนั้นแมงป่อง กระดูกขาวก็กระโดดขึ้นมาจากพื้นดิน และกระโจนเข้าใส่สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรในทันที ตอนที่มันยังอยู่กลางอากาศก็ได้พ่นไอหมอกสีม่วงออกมาด้วย หางตะขอตรงหลังเคลื่อนไหวกลายเป็นเส้นสีดำสิบกว่าเส้นและพุ่งยิงออกไปอย่างบ้าคลั่ง

แต่ครู่ต่อมา โซ่สีเงินก็พลันกลายเป็นแสงสีเงินบังอยู่ด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็นไอหมอกสีม่วงหรือการโจมตีจากหางตะขอก็ถูกมันต้านทานเอาไว้ได้ จากนั้นเงาโซ่เส้นหนึ่งก็พุ่งโจมตีออกมาจากแสงสีเงินอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ มันหวดแมงป่องกระดูกขาวจนกระเด็นออกไป

แมงป่องกระดูกขาวหกคะเมนตีลังกาอยู่กลางอากาศไม่กี่ทีก็ร่วงลงพื้น หลังจากที่สะบัดหัวแล้วร่างของมันก็สั่นไหว และไม่อาจลุกขึ้นได้ในทันที

ไม่แปลกที่มันจะเป็นเช่นนี้!

ก่อนหน้านี้มันถูกสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรใช้เท้าเหยียบอย่างรุนแรง จากนั้นก็ลูกเปลวไฟโจมตีอีกรอบ การถูกโจมตีในครั้งย่อมทำให้มันบาดเจ็บได้ไม่น้อย

ในชั่วเวลานั้นเอง จันทราสีเขียวกลางอากาศก็มีขนาดเท่าล้อรถ มันเปล่งแสงเย็นสะท้านจนทำให้สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรที่อยู่ด้านล่างแสดงสีหน้าวิตกออกมา

ขณะนี้ ดวงตาของหลิ่วหมิงเปล่งประกายเล็กน้อย เขารีบเปลี่ยนท่ามือในทันที แสงสีฟ้าเป็นจุดๆ รวมตัวขึ้นตรงหน้าเขา จากนั้นไอเย็นสะท้านก็แผ่ออกมา แท่งวารีอันแวววาวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ตอนแรกมันมีขนาดยาวไม่ถึงฉื่อกว่าๆ แต่เพียงไม่กี่อึดใจก็มีขนาดยาวเจ็ดถึงแปดฉื่อ และยังขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ

ใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวของสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรได้เปลี่ยนไป มันคำรามเสียงในฉับพลัน จากนั้นมันขยับนิ้วทั้งสิบและค่อยๆ กำหมัดขึ้นมา

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ค่อยๆ หรี่ตาลง และตะโกนเสียงต่ำออกไปอย่างไม่ลังเล พอเขาชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า จันทราสีเขียวก็หล่นลงมาด้วยเสียงอันดัง ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็กระแทกไปยังแท่งวารียักษ์ตรงหน้าในทันที

แสงเย็นสะท้านเปล่งประกายออกมาในทันที แท่งวารีขนาดยาวจั้งกว่าๆ พร่ามัวกลายเป็นแสงสีฟ้าแล้วพุ่งยิงออกไป

ในขณะเดียวกัน แมงป่องกระดูกขาวที่เดิมทีนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น ก็พลันใช้หางตะขอตีลงพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็กลายเป็นเงากระโจนเข้าใส่สัตว์ประหลาดครึ่งมังกร

สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรเห็นฉากนี้กลับเผยสีหน้าดุร้ายออกมา หลังจากที่มันแผดเสียงแหลมยาวออกมาจนเส้นผมตั้งชัน หัวมังกรสีแดงขนาดใหญ่ก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของมัน

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา