ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 182

สรุปบท ตอนที่ 182: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนที่ 182 – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนนี้ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 182 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 182 ปล้นเรือนจำ
ตอนที่ 182 ปล้นเรือนจำ
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอชายวัยกลางคนเห็นรอยแหว่งบนประตู สีหน้าเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป แต่ก็รีบส่ายหน้าแล้วพูดกับตนเองอย่างรวดเร็ว

“เดิมทีคิดว่าผู้ตรวจการเฉินไม่มีใครอยู่เบื้องหลังแล้ว เคราะห์ครั้งนี้คงยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ แต่ดูท่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น อาฝู ปิดประตูให้ดี ครึ่งเดือนหลังจากนี้ข้าจะไม่ต้อนรับแขก”

“ทราบ! นายท่าน!” ข้ารับใช้ก้มหน้าตอบรับกลับไป

ชายวัยกลางคนเดินจากไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด

……

ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป หลิ่วหมิงมาปรากฏตัวหน้าร้านขายข้าวสารท้ายถนนแห่งหนึ่ง หลังจากที่แหงนหน้ามองป้ายร้านค้าและมองสีของทองฟ้าแล้ว ก็เดินเข้าไปโดยไม่ลังเล

พอเขาเดินออกมาแล้ว ก็รีบเดินไปยังตำแหน่งบ้านเช่าตระกูลเฉินตามที่สอบถามมาได้

ผ่านไปไม่นาน เขาก็เดินมาถึงบ้านทรุดโทรมที่ค่อนข้างลับตาคนแห่งหนึ่ง และเดินเข้าไปเคาะประตูเก่าๆ อย่างไม่เกรงใจ

ไม่นานประตูก็เปิดออกจากด้านใน ชายชราสวมชุดคลุมสีเทาเดินออกมา

“ท่านมาหาใคร?” พอชายชราเห็นว่าไม่รู้จักหลิ่วหมิง ก็ถามออกไปอย่างระแวดระวัง

“ครอบครัวของผู้ตรวจการเฉินอยู่ข้างในไหม?” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าปกติ

“ผู้ตรวจการเฉิน ผู้ตรวจการหลี่อะไรกัน เจ้ามาผิดที่แล้ว ข้าไม่รู้จัก?” พอชายชราได้ยินสีหน้าก็ดูอึมครึม และปิดประตูไล่แขกอย่างไม่ลังเล

แต่คนระดับหลิ่วหมิง เพียงแค่เคลื่อนไหวทีเดียวก็ใช้ร่างต้านทานการกระทำของชายชราไว้ได้

ชายชราเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เขาขยับแขนในทันที และปล่อยหมัดใส่ไหล่ของหลิ่วหมิงอย่างรุนแรง ฟังจากเสียงหมัดที่ดัง “ฟู่ๆ!” แล้ว คงมีพลังไม่น้อย

แต่หลิ่วหมิงเพียงแค่ยิ้มบางๆ ไม่คิดหลบหลีกหมัดของชายชราแต่อย่างใด

หลังจากมีเสียงดังออกมา ผู้อาวุโสก็รู้สึกถึงหมัดที่สั่นสะเทือนในทันที พลังมหาศาลทะลักออกมาจากร่างของบัณฑิตหนุ่มตรงหน้า ทำให้ร่างของชายชราสั่นสะท้านจนต้องถอยหลังออกไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว

หลิ่วหมิงอาศัยช่วงจังหวะนี้เดินเข้าไปในบ้าน หลังจากกวาดสายตามองดูแล้ว ก็พบกับหญิงวัยกลางคนใบหน้างดงามนางหนึ่ง กำลังยืนโอบกอดเด็กชายอายุห้าหกขวบอยู่ที่มุมห้อง และมองมาที่เขาด้วยความตกใจ

ดูท่านางจะเป็นฮูหยินเฉินอย่างไม่ต้องสงสัย

หลิ่วหมิงคิดอย่างรวดเร็ว

“เจ้าสารเลว ไปตายซะ!” หลังจากที่ชายชราตั้งหลักได้แล้ว และมองเห็นการกระทำของหลิ่วหมิง เขาก็ตะโกนออกมาด้วยความโมโห ทันใดนั้นก็หยิบเอากระบองเหล็กสีดำที่วางอยู่ด้านข้างมาไว้ในมือ และพุ่งเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต

“ช้าก่อนลุงหลิน! รอดูว่าเขาพูดอะไรออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ขณะนั้นหญิงใบหน้างดงามก็พลันเอ่ยปากออกมา

พอชายชราได้เย็นเช่นนี้ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะชะงักฝีเท้าลงด้วยความโกรธแค้น แต่ยังคงถือกระบองเหล็กยืนขวางอยู่หน้าฮูหยินเฉิน

หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อย และหยิบคทาหยกมงคลสีเขียวมรกตออกมาให้ฮูหยินเฉินดู

“นี่คือ……ลุงหลิน ท่านรีบนำของสิ่งนี้มาให้ข้าดูอย่างละเอียดที” พอฮูหยินเฉินเห็นคทาหยกมงคลก็มีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที และรีบพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

พอชายชราได้ยิน ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ยังคงรับคทาหยกจากหลิ่วหมิง มาส่งให้ฮูหยินเฉิน

ฮูหยินเฉินพลิกหยกไปมาสองสามรอบ แล้วหยิบคทาหยกมงคลสีเขียวมรกตอีกอันออกมาจากแขนเสื้อ และนำมันวางเทียบกัน ขนาดและรูปร่างของมันเหมือนกันไม่มีผิด

“ข้าน้อยขอคำนับท่านเซียน หวังว่าท่านเซียนจะช่วยสามีของข้าน้อยได้ ลูกรัก เจ้ารีบคำนับท่านเซียนเร็ว” ฮูหยินเฉินไม่สงสัยอะไรอีก นางดึงเด็กชายตรงหน้าคุกเข่าลงพื้น เพื่อคำนับหลิ่วหมิงในฉับพลัน

ทีแรกหลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึง แต่ก็ส่ายหน้าและโบกแขนเสื้อออกไปในทันที ทันใดนั้นพลังไร้รูปบางอย่างก็ทะลักออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กล่าวอย่างราบเรียบ

“ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนเถอะ! ข้าไม่ใช่ท่านเซียนอะไรทั้งนั้น ที่มาครั้งนี้เพราะถูกคนไหว้วานมา ขอเพียงเป็นเรื่องที่ข้าสามารถช่วยได้ ข้าย่อมช่วยอย่างเต็มที่ พวกเจ้าเรียกข้าว่าคุณชายเฉียนก็พอ”

“รับทราบ คุณชายเฉียน!” ฮูหยินเฉินรู้สึกแค่ว่ามีพลังบางอย่างประคองร่างไว้ ทำให้นางไม่สามารถคำนับได้ ภายใต้ความตกใจระคนดีใจ นางตอบกลับหลิ่วหมิงด้วยความเคารพนอบน้อมยิ่งกว่าเดิม จากนั้นถึงได้ดึงเด็กชายลุกขึ้นมา

ลุงหลินที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้ ถึงได้รู้ว่าหลิ่วหมิงเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู เขารีบโยนกระบองทิ้งไป และยืนหน้าเหยเกอยู่ด้านข้างโดยไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี

“ในเมื่อของยืนยันเป็นของจริง ฮูหยินเฉินคงจะไม่สงสัยสถานะของข้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าผู้ตรวจการเฉินพูดถึงข้าได้อย่างไร” เมื่อหลิ่วหมิงรับรู้ได้ว่าลุงหลินปิดประตูแล้ว ถึงได้กล่าวออกมาอย่างไม่รีบร้อน

“ก่อนสามีข้าจะถูกคุมขัง ดูเหมือนเขาจะรับรู้ได้ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมอบคทาหยกมงคลนี้ให้ข้าก่อน เขาบอกว่าถ้าเกิดเรื่องไม่ดีกับเขาจริงๆ ท่านเซียนเหลยที่รู้จักกับบรรพบุรุษของเขาจะส่งคนมาช่วยตระกูลเฉิน” ฮูหยินเฉินกล่าว

ถ้าไม่กลัวว่ามันจะเสี่ยงต่อการเปิดเผยสถานะศิษย์ตรวจตราล่ะก็ เขาเพียงแค่ยื่นป้ายศิษย์ตรวจตรา ก็สามารถนำผู้ตรวจการเฉินผู้นี้ออกมาจากเรือนจำได้อย่างเปิดเผย โดยไม่ต้องกระทำการลำบากยากเย็นใดๆ

ฮูหยินเฉินและลุงหลินต่างก็รู้สึกตกใจมาก เมื่อเข้าใจความหมายของหลิ่วหมิง

สีหน้าของฮูหยินเฉินเปลี่ยนไปมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กัดฟันตอบตกลง จากนั้นก็บอกสถานที่คุมขังและบรรยายรูปพรรณสัณฐานของผู้ตรวจการเฉินให้หลิ่วหมิงฟัง

เมื่อหลิ่วหมิงฟังจบ และคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็ขยับแขนคว้าถุงหนังตรงเอวแล้วยื่นออกไป

“ฮูหยินพกของสิ่งนี้ติดตัวไว้ชั่วคราว ถ้าระหว่างที่ไปจากเสวียนจิงเจอปัญหาอะไรล่ะก็ ให้ตบถุงหนังแรงๆ สามครั้ง พวกท่านก็จะได้รับการป้องกันให้ปลอดภัย”

ของที่อยู่ในถุงนี้คือปีศาจหัวบินตนนั้น

หัวบินตนนี้ฉลาดกว่าแมงป่องกระดูกขาวมาก ซึ่งเขาได้กำชับมันไปรอบหนึ่งแล้ว

ถึงแม้ฮูหยินเฉินจะไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในถุงหนังคืออะไร แต่ก็รู้ว่ามันป็นความหวังดีของหลิ่วหมิง นางจึงกล่าวขอบคุณและรับมันมาเก็บไว้ในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง

เวลาต่อมาหลิ่วหมิงก็กำชับฮูหยินเฉินอีกสองสามประโยค แล้วก็จากไปอย่างเงียบๆ

เขาไม่ได้คิดจะกลับไปที่จวนเฉียน แต่กลับมุ่งตรงไปยังเรือนจำที่ฮูหยินเฉินบอก

และเมื่อฮูหยินเฉินเก็บสิ่งของเล็กน้อยแล้ว ก็จ้างรถม้ามาหนึ่งคัน ให้ลุงหลินรีบพาออกไปจากเสวียนจิงทางประตูด้านทิศตะวันออก

ช่วงเวลายามสาม สิ่งก่อสร้างบางแห่งที่ถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนาในเสวียนจิง เงาร่างจางๆ จนเกือบมองไม่เห็นได้พุ่งผ่านยามรักษาการณ์แต่ละแห่งโดยไร้สุ้มเสียง และมุ่งตรงไปยังใจกลางของสิ่งก่อสร้าง

ทันใดนั้นเงาร่างก็หยุดชะงักอยู่ตรงหน้าทหารยืนยามเจ็ดแปดคน ด้านหลังของพวกเขามีประตูเหล็กหนาๆ อยู่บานหนึ่ง นอกจากจะมีราวกั้นที่ทำเป็นหน้าต่างบานเล็กๆ แล้ว ก็ไม่มีสถานที่ใดอากาศสามารถเข้าออกได้อีก

เงาร่างสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ทันใดนั้นแสงสีเงินจำนวนมากก็พุ่งยิงออกไป และค่อยๆ จมเข้าไปในร่างของทหารเหล่านี้

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา