ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 183

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 183 ใต้เท้าซุน
ตอนที่ 183 ใต้เท้าซุน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทหารเหล่านี้รู้สึกตัวชาขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยืนแข็งทื่อโดยไม่สามารถขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย

ขณะนี้เงาร่างได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าทหารอย่างพร่ามัว ร่างที่มีไอสีดำปกคลุมไปทั่วเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็ปลดกุญแจสีแดงจากเอวทหารคนหนึ่งมาได้

จากนั้นเงาร่างก็เคลื่อนไหวราวกับสายลม และเปิดประตูเหล็กด้านหลังออกก่อนที่จะหายเข้าไปในนั้น

ด้านหลังประตูเหล็ก เป็นบันไดแคบๆ ที่พุ่งยาวลงไปด้านล่าง อากาศข้างในอับมาก ราวกับว่าไม่เคยมีลมพัดผ่านมาเป็นเวลานาน

เงาร่างทำราวกับไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ เขาเคลื่อนตัวลงไปตามบันได หลังจากที่เลี้ยวไปยังมุมด้านล่างอย่างพร่ามัว ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมาก็มีเสียงร้องตกใจสองสามเสียงดังมาจากบันไดที่อยู่ลึกลงไป จากนั้นก็ไม่มีเสียงใดๆ ดังออกมาอีก

ในขณะเดียวกัน เงาร่างที่มีไอสีดำปกคลุมก็เดินลึกลงไปสิบกว่าจั้ง และผ่านหน้าห้องกักขังที่มีโซ่เหล็กคล้องไว้อย่างแน่นหนา ผ่านราวกั้นสีดำขนาดใหญ่ ข้างในห้องส่วนใหญ่ล้วนว่างเปล่า มีเพียงแค่ไม่กี่ห้องที่มีคนอยู่

และพอคนเหล่านี้เห็นบุคคลแปลกประหลาดบุกเข้ามา ก็ยื่นมือไปสะกิดนักโทษคนอื่นด้วยความตกใจ

แต่ผู้ที่อยู่ในห้องขัง ก็ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแต่อย่างใด ถึงแม้จะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขายังคงมีสีหน้าสงบ และไม่แหกปากตะโกนออกมา

แน่นอนว่าเงาร่างที่บุกเข้ามานี้ คือหลิ่วหมิงที่แสดงวิชาแฝงตัวเข้ามา

สำหรับคนทั่วไปแล้ว เรือนจำหลังนี้นับว่าคุ้มกันได้อย่างแน่นหนา แต่สำหรับผู้ฝึกฝนระดับศิษย์จิตวิญญานขั้นปลายอย่างเขา มันเปราะบางราวกับกระดาษ

แต่เขาไม่อยากให้ผู้ฝึกฝนคนอื่นรู้ตัว ถึงได้ใช้ยันต์ซ่อนตัวผืนหนึ่ง ทำให้เขากลายเป็นเงาไร้รูปร่างในสายตาคนธรรมดา แล้วถึงบุกเข้ามาอย่างไม่สนใจ

ขณะนี้เขาเดินผ่านห้องคุมขังสิบกว่าห้อง ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่มุมหนึ่ง และสังเกตดูชายสวมชุดนักโทษที่อยู่หลังราวกั้น แล้วพลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ท่านใช่ผู้ตรวจการเฉินหรือไม่!”

“ท่านคือใคร รู้จักข้าได้อย่างไร?” ชุดนักโทษที่ชายผู้นี้สวมใส่นับว่าสะอาดเรียบร้อยมาก ใบหน้าก็ดูภูมิฐาน พอเขาได้ยินก็ถามออกไปด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

“เฮ่อๆ! ไม่ใช่ว่าท่านส่งข่าวให้อาจารย์ลุงเหลยหรือ มิเช่นนั้นข้าคงไม่มาที่นี่หรอก” หลิ่วหมิงหัวเราะ ปากของเขาขยับไปมาหลายที แต่ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา คำพูดของเขาทั้งหมดดังขึ้นข้างหูของชายผู้นี้โดยตรง

“อะไรนะ! ที่แท้คำพูดและสิ่งของที่ท่านปู่ทิ้งไว้ให้ปีนั้นก็เป็นความจริง ท่านคือคนที่ท่านเซียนเหลยส่งมาจริงหรือ! ฮูหยินกับลูกชายข้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” ผู้ตรวจการเฉินได้ยินก็ไม่อาจอยู่นิ่งได้ จึงถามออกไปด้วยความตื่นเต้น

“วางใจเถอะ! ฮูหยินกับลูกชายของท่านปลอดภัยดี ตอนนี้พวกเขาออกไปจากเสวียนจิงก่อน รอข้าพาเจ้าออกไปแล้ว ครอบครัวของเจ้าก็จะได้อยู่กันพร้อมหน้า” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างไม่รีบร้อน

“อะไรนะ! ออกไปจากเสวียนจิง หรือว่าแม้แต่ท่านเซียนก็ไม่สามารถรักษาตำแหน่งของข้าไว้ได้? ถ้าข้าหนีไปจริงๆ ก็ไม่เท่ากับว่าข้าเป็นนักโทษหลบหนีของราชสำนักหรอกหรือ” ผู้ตรวจการเฉินฟังจบกลับรู้สึกลังเลเล็กน้อย

หลิ่วหมิงได้ยินคำตอบเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว และส่งเสียงออกไปอย่างราบเรียบ

“ข้ามาเสวียนจิงครั้งนี้ ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะไปคบค้าสมาคมกับคนของราชสำนัก แต่ถ้าท่านยังอาลัยอาวรณ์ตำแหน่งในราชสำนักอยู่ล่ะก็ ต้องหลบเลี่ยงเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปก่อน แล้วค่อยให้อาจารย์ลุงเหลยออกหน้าเรียกคืนตำแหน่งให้ท่าน ไม่แน่อาจจะได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอีกขั้น แต่ถ้าท่านไม่ยอมไปตอนนี้ล่ะก็ ข้าก็จะไม่บังคับ แต่หลังจากนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ท่านต้องรับผิดชอบเอง”

“ขอท่านเซียนอย่าได้ถือสาที่ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ข้าล่วงเกินคนเยอะขนาดนั้น ไหนเลยจะสามารถเป็นขุนนางอยู่ในเสวียนจิงได้อย่างสงบสุข ข้าจะไปพบฮูหยินกับท่านเซียนเดี๋ยวนี้ ตำแหน่งขุนนางนี้ไม่เป็นก็ได้” ผู้ตรวจการเฉินได้ยินก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบเปลี่ยนความคิดแล้วกล่าวออกมา

“ดีมาก! แบบนี้ถึงเป็นการเลือกที่ชาญฉลาด ใต้เท้าเฉินถอยไปสองสามเก้าก่อนเถอะ” หลิ่วหมิงพยักหน้าด้วยความพอใจ หลังจากที่กำชับออกไปไม่กี่ประโยค ก็เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ฟู่!” “ฟู่!” มือทั้งสองของหลิ่วหมิงจับราวเหล็กสีดำไว้แน่น

ผู้ตรวจการเฉินเห็นเช่นนี้ก็รีบหลบไปด้านข้าง

ครู่ต่อมา แสงสีแดงก็ปรากฏออกมาตรงมือทั้งสองของหลิ่วหมิง เปลวไฟอันคุโชนลุกไหม้ขึ้นมา

ราวเหล็กที่ดูแข็งแกร่งเป็นพิเศษก็ละลายกลายเป็นของเหลวในฉับพลัน จนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ที่คนสามารถลอดออกมาได้

“ขอบคุณท่านเซียน!”

ผู้ตรวจการเฉินรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขารีบมุดออกไปจากรู

“ตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปจากที่นี่” หลิ่วหมิงพูดออกไปหนึ่งประโยค และคิดที่จะพาชายผู้นี้ออกไป

แต่ในขณะนั้นเอง ห้องขังอีกห้องที่อยู่ไม่ไกล ก็มีนักโทษคนหนึ่งกระโจนมาจับราวกั้นและตะโกนพูดออกมา

“พี่เฉิน ข้าคืออาวุโสซุน อย่าเพิ่งรีบไป ท่านเซียนผู้นี้พาข้าไปด้วยเถิด ถ้าข้าออกไปได้ล่ะก็ จะต้องตอบแทนน้ำใจอย่างงาม” นักโทษผู้นี้ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง แต่ฟังจากน้ำเสียงก็น่าจะอายุไม่น้อยแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา