“ไม่ผิด ข้าคือชิวหลงจื่อ หนึ่งในสี่ผู้บัญชาการแขกระดับจิตวิญญาณทองคำ เมื่อวานข้าได้รับรายงานจากลูกน้องสองคน ว่ามีสหายศิษย์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบผู้หนึ่งปรากฏตัวในเสวียนจิง ข้ารู้สึกคันไม้คันมืออยากจะมาแลกมือกับสหายเล็กน้อย” ชายฉกรรจ์ผมสีฟ้าหนวดสีม่วงหัวเราะก่อนกล่าวออกมา สีหน้าเยือกเย็นแต่เดิมอันตรธานหายไปจนหมดสิ้น
“อ๋อ! พูดอย่างนี้แสดงว่าท่านไม่ได้มาเพราะเรื่องใต้เท้าซุน?” หลิ่งหมิงได้ยินเช่นนี้ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เฮ่อๆ! ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว นักโทษทั้งสองที่เจ้าพาไปเป็นแค่ขุนนางเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญอะไรสำหรับราชสำนักเลย จะคู่ควรให้ข้าออกโรงเองได้อย่างไร สหายวางใจเถอะ! ในเมื่อสองคนนี้มีความสัมพันธ์กับเจ้า ไม่ว่าก่อนหน้านั้นพวกเขาจะโดนโทษต้องขังด้วยเหตุอันใดก็ตาม ขอเพียงไม่ปรากฏตัวในเสวียนจิง ข้ารับรองว่าจะไม่มีคนไปหาเรื่องพวกเขาทั้งสองตระกูลโดยเด็ดขาด” ชิวหลงจื่อหัวเราะแปลกๆ ก่อนกล่าวออกมา
“ในเมื่อสหายชิวจะมาหาข้าเพื่อแลกมือจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปทางนั้นกันดีไหม ถนนสายหลักบริเวณนี้จะได้ไม่ถูกทำลาย” หลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูรถม้าของใต้เท้าซุนที่อยู่ด้านล่างแล้วกล่าวอย่างราบเรียบ
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา สหาย เชิญ!” ชิวหลงจื่อกล่าวอย่างไม่ลังเล เขากระตุ้นเมฆเทาเพื่อเหาะไปยังป่าผืนเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล
หลิ่วหมิงส่งเสียงกำชับไปยังด้านล่างแล้วขยับตัวตามไป
ไม่นานทั้งสองก็ยืนอยู่บนอากาศเหนือแมกไม้ และจ้องมองกันจากที่ไกลๆ
ชิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มแล้วกล่าวออกมา
“ท่านระวังหน่อยนะ พลังของข้าธรรมดา แต่เชี่ยวชาญวิชาแมลงพิษ ขอเพียงสหายสามารถต้านทานแมลงพิษข้าได้ ข้าจะยอมแพ้การประลองในครั้งนี้”
พอพูดจบ เขาก็สวมถุงมือหนังที่มือทั้งสองไว้ จากนั้นก็คว้าไปยังถุงหนังบนเอวก่อนที่จะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา
เสียงหวึ่งๆ ดังขึ้นในอากาศ แมลงสีเขียวมรกตบินว่อนออกมาเป็นจำนวนมาก และบินวนรอบกายของชิวหลงจื่ออยู่ไม่หยุด
หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งสองจนมองเห็นรูปร่างของแมลงเหล่านี้อย่างชัดเจน มันคือแมลงปอสีเขียวมรกตที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติหนึ่งเท่ากว่าๆ เพียงแต่มันมีเขี้ยวอยู่ที่มุมปากทั้งสองข้าง หางของมันมีเหล็กในสีดำอยู่ แลดูดุร้ายยิ่งนัก
“ไป!”
ชิวหลงจื่อตะโกนออกไป พร้อมกับชี้นิ้วไปทางหลิ่วหมิง แมลงพิษเกือบครึ่งหนึ่งกลายเป็นเมฆสีเขียวจางๆ พุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว และทำท่ามือด้วยมือเดียว ทันใดนั้นแสงสีแดงก็ปรากฏออกมาเป็นจุดๆ มันรวมตัวเป็นลูกเปลวไฟสามลูก หลังจากที่สะบัดแขนเสื้อออกไป มันก็แผดเสียงพุ่งเข้าใส่กลุ่มเมฆแมลงพิษ
“ตู๊ม!” “ตู๊ม!” “ตู๊ม!”
ลูกเปลวไฟทั้งสามโจมตีเข้าใส่กลุ่มเมฆแมลงพิษเข้าอย่างจัง และกลายเป็นเมฆอัคคีปกคลุมเมฆแมลงพิษทั้งหมดไว้
แต่สีหน้าหลิ่วหมิงไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย เขาปลี่ยนท่ามือก่อนที่คมวายุเจ็ดแปดเส้นจะปรากฏออกมา
พอชิวหลงจื่อเห็นแมลงของตนเองถูกเมฆอัคคีปกคลุม ก็ไม่ได้สีหน้าวิตกออกมา แต่กลับค่อยๆ ขยับปากยิ้มบางๆ
ครู่ต่อมาก็มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นมาจากเมฆอัคคี แมลงพิษเหล่านั้นพุ่งออกมา นอกจากร่างของมันจะดำเกรียมเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีความเสียหายใดๆ อีก
หลิ่วหมิงคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอได้เจอกับฉากนี้จริงๆ รูม่านตาก็หดลงอย่างอดไม่ได้ เขาทำท่ามือกระตุ้นอีกเล็กน้อย คมวายุตรงหน้าก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งยิงออกไปติดต่อกัน
เสียงดัง “เพล้ง!” “เพล้ง!” ดังติดต่อกัน คมวายุกลายเป็นแสงสีเขียวฟันลงบนเมฆแมลงพิษ
แต่นอกจากจะมีไม่กี่ตัวที่หลบไม่ทันจนถูกฟันออกเป็นสองส่วนแล้ว ตัวอื่นๆ ต่างก็บินหลบกันกระจัดกระจาย จากนั้นมันก็พุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงด้วยเสียงดังหวึ่งๆ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อออกไป และกระบี่สั้นสีเขียวก็ปรากฏขึ้นในมือ เขาตวัดมันเพียงเล็กน้อย เงากระบี่จำนวนมากก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“อาวุธจิตวิญญาณ! กลับมา! นี่เป็นการแลกมือกันเท่านั้น ไม่คิดว่าสหายจะหยิบอาวุธจิตวิญญาณออกมา ถึงแม้แมลงพิษเหล่านี้จะนับว่าไม่เลว แต่ไหนเลยจะสามารถต้านทานการโจมตีของอาวุธจิตวิญญาณได้ ให้ข้าเปลี่ยนเป็นแมลงพิษชนิดอื่นก่อนถึงจะได้” เมื่อชิวหลงจื่อรับรู้ได้ว่าเงากระบี่ตรงหน้าแฝงไปด้วยพลังอันน่าตกใจ ทำให้เขาไม่อาจสงบนิ่งได้ จึงได้ตะโกนออกมาพร้อมกับทำท่ามือ
ร่างของแมลงพิษที่ดูคล้ายแมลงปอเหล่านั้นหยุดชะงักก่อนที่จะค่อยๆ บินกลับมา
ในขณะเดียวกัน ชิวหลงจื่อก็คว้าเอาของอีกอย่างหนึ่งออกจากถุงหนัง แล้วโยนมาทางหลิ่วหมิง
มันเป็นแมลงปีกแข็งสีดำวาว ขนาดเท่าลูกกำปั้น หลังจากที่มันกระพือปีกตรงหลังแล้ว มันก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีดำกระโจนเข้าหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงตวัดกระบี่จันทราหยกออกไปในทันที เงากระบี่เพิ่มจำนวนมากขึ้น และม้วนเอาแมลงปีกแข็งไว้ในนั้น
เสียงร้องแหลมดังออกมาจากในนั้นทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา