หลิ่วหมิงโบกสะบัดธงเล็กอย่างบ้าคลั่งด้วยความแปลกใจ คลื่นน้ำก็กระเพื่อมสั่นไหวอยู่ไม่หยุด
ธงเล็กในมือเขาแตะไปยังอากาศตรงหน้าเจ็ดแปดครั้งทันที
ทันใดนั้นคลื่นน้ำก็ม้วนตัวพ่นเส้นสีขาวขนาดใหญ่ออกมาเจ็ดแปดเส้น คลื่นเหล่านี้โจมตีไปยังผนังตรงหน้า
สิ่งนี้ทำให้ผนังที่ถูกวางชั้นจำกัดอยู่เปล่งประกายออกมา และปรากฏรูขนาดต่างๆ บนกำแพงหินเจ็ดแปดรู
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้กลับขมวดคิ้วทันที
สำหรับอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางแล้ว พลังเช่นนี้นับว่าไม่ค่อยมีอานุภาพมากนัก
เขาคิดเช่นนี้อยู่ในใจ และสูดหายใจเข้าลึกๆ พอธงเล็กสีฟ้าพร่ามัว เขาก็ปักมันเข้าไปที่ท้อง จากนั้นมือทั้งสองก็รีบทำท่ามืออย่างรวดเร็ว
ร่างหลิ่วหมิงพร่ามัว และค่อยๆ โปร่งแสงขึ้นมา สุดท้ายก็หายวับเข้าไปในคลื่นน้ำ จนมองไม่เห็นอะไรอีก
ขณะนี้ คลื่นน้ำพุ่งชนตามผนังห้องลับ สักพักก็พุ่งขึ้นด้านบน กลายเป็นชั้นบางๆ เกาะติดอยู่ใต้หลังคาห้อง สักพักก็กลายเป็นระลอกคลื่นหมุนวนอยู่กลางอากาศไม่หยุด
พอคลื่นน้ำส่งเสียงดังออกมา มันก็แยกตัวเป็นสองกลุ่มทันที พอแสงสีฟ้าเปล่งประกาย ทั้งสองกลุ่มต่างก็กลายเป็นเงาร่างกึ่งโปร่งแสง รูปร่างหน้าตา เสื้อผ้า ล้วนเหมือนกับหลิ่วหมิงไม่มีผิด เพียงแต่หลังจากที่ทั้งสองจ้องมองตากันครู่หนึ่ง ก็ไม่อาจแยกออกได้ว่าร่างไหนจริงร่างไหนปลอม
“วิเศษมาก! คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสมบัติชิ้นนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจเช่นนี้ โชคดีที่เผชิญหน้ากับศัตรูในวันนั้น เผ่าเจ้าสมุทรไม่ได้แสดงความมหัศจรรย์ที่แท้จริงของมันออกมา” เงาร่างหนึ่งในนั้นกลายเป็นคลื่นน้ำและพังทลายลงมา ส่วนอีกเงาร่างก็เกาะตัวกันกลายเป็นหลิ่วหมิงดังเดิม
ใบหน้าเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความตกใจระคนดีใจ
หลังจากนั้นอีกห้าหกวัน หลิ่วหมิงกับหูชุนเหนียงก็เก็บตัวอยู่ในถ้ำไม่ออกไปไหน
คนหนึ่งรักษาบาดแผลและฟื้นฟูพลังอยู่เงียบๆ อีกคนก็ตั้งใจฝึกใช้อาวุธจิตวิญญาณระดับกลางที่เพิ่งได้มา
แต่ช่วงระหว่างเวลานี้ กลุ่มอิทธิพลในเสวียนจิงที่เป็นพันธมิตรกัน ก็เริ่มลองโจมตีชั้นจำกัดนอกพระราชวังอยู่ไม่หยุด เพื่อหาจุดที่เปราะบางของมัน
แต่ก็ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของม่านแสงที่ปกป้องพระราชวัง ไม่ว่าจะใช้อะไรโจมตีมันก็รับไว้ได้ทั้งหมด ราวกับว่ามันไม่มีจุดอ่อนอยู่เลย
หลายวันมานี้ ผลลัพธ์การทดสอบมาเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ชั้นจำกัดนี้ไม่สามารถทำลายได้ด้วยพลังของกลุ่มอิทธิพลเพียงกลุ่มเดียว
สองวันผ่านไป ดูเหมือนว่ากลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในเสวียนจิงจะหาวิธีทำลายชั้นจำกัดได้แล้ว
วันนี้เวลาเที่ยงวัน ผู้ฝึกฝนเกือบพันคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่นอกวังพลันลุกขึ้นมา และเริ่มลงมือกันเป็นกลุ่มๆ ทันที
ไม่นาน ก็มาตั้งขบวนแถวเป็นสามกลุ่มขนาดใหญ่อยู่ตรงประตูทางเข้าหลักของพระราชวัง
ผู้ฝึกฝนกลุ่มหนึ่งต่างก็ถือกระบี่ยาวสีขาวไว้ในมือ ผู้ฝึกฝนกลุ่มต่อมาต่างก็ชักดาบยาวสีดำออกมา และกลุ่มสุดท้าย ผู้ฝึกฝนแต่ละคนต่างก็พกถุงมือสีเงินมาด้วย
ผู้ฝึกฝนอิสระที่เดินเตร็ดเตร่ไปมาเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกตื่นตัวในทันที!
หลายคนในนั้นเป็นผู้ความรู้กว้างไกล พอได้เห็นเช่นนี้ต่างก็รู้สึกเย็นยะเยือกในใจ คนจำนวนไม่น้อยต่างก็พูดคำว่า ‘ค่ายกลรบ’ ออกมาเบาๆ
ในขณะเดียวกัน ผู้ที่มีกลิ่นไอพลังแข็งแกร่งสิบกว่าคน ได้พุ่งออกมาจากกลุ่มผู้ฝึกฝนที่เป็นพันธมิตรกัน
ผู้อาวุโสใบหน้าแปลกประหลาดที่เป็นหนึ่งในนั้นก้าวเท้ายาวๆ ออกมา และหยิบแผ่นค่ายกลแล้วค่อยๆ ยกหันไปทางพระราชวัง
“ไม่คิดว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญค่ายกลอันดับหนึ่งในเสวียนจิงนี้ ดูเหมือนว่าการทำลายค่ายกลในครั้งนี้จะมีความหวังขึ้นมาแล้ว!”
พอผู้ฝึกฝนอิสระที่คอยสังเกตอยู่บริเวณนั้น จำผู้อาวุโสแปลกประหลาดผู้นี้ได้ ก็กล่าวด้วยความดีใจ
คนอื่นๆ ที่จำ ‘ผู้เชี่ยวชาญหรง’ ได้ หรือเคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อน ต่างก็รู้สึกตกใจระคนดีใจ
ขณะนี้เอง ผู้เชี่ยวชาญหรงก็โยนแผ่นค่ายกลไปบนอากาศ ขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งก็ปล่อยพลังเวทย์เข้าใส่
มีเสียงดังกังวานออกมา!
ลำแสงเปล่งประกายบนแผ่นค่ายกล จากนั้นค่ายกลแสงมายาที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวจั้งกว่าๆ ก็ปรากฏออกมาลางๆ
“สหายทุกท่านรออะไรกันอยู่! ยังไม่รีบช่วยข้าอีก!”
ผู้เชี่ยวชาญหรงตะคอกออกมา!
ทันใดนั้นผู้ฝึกฝนที่พุ่งออกมาพร้อมกันในตอนแรก ต่างก็แยกออกเป็นสองแถวราวกับนัดไว้ก่อน แขนทั้งสองข้างของแต่ละคนวางอยู่บนบ่าคนข้างหน้า และสองคนที่อยู่หน้าสุดก็ทาบมือทั้งสองลงบนหลังผู้อาวุโส
พลังเวทย์บริสุทธิ์สองสายที่ดูราวกับกระแสน้ำไหล ก็ไหลทะลักไปยังร่างของผู้เชี่ยวชาญหรง
ผู้อาวุโสแปลกประหลาดรู้สึกว่าพลังเวทย์ปะทุขึ้นมาในฉับพลัน พลังเวทย์บริสุทธิ์โหมซัดสาดไปทั่วชีพจรแต่ละเส้น ราวกับว่ามันจะทำให้ร่างระเบิดออกมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา