กลุ่มอิทธิพลบางกลุ่มที่สงสัยว่าอ๋องและองค์ชายไม่ใช่มนุษย์ ต่างก็ส่งคนบุกเข้าไปในจวนขององค์ชาย และลูกท่านหลานเธอ เพื่อจะดูว่าพวกเขาเป็นมนุษย์จริงหรือไม่
ผลลัพธ์ที่พบกลับทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าจวนเหล่านี้ร้างไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นนาย หรือข้ารับใช้ แม้กระทั่งองครักษ์ก็หายไปจนหมดสิ้น
จวนอ๋องสามก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
ผู้ฝึกฝนที่ปะปนกับกลุ่มอิทธิพลอื่นบุกเข้าจวนอ๋องสามนั้น มีผู้อาวุโสเหมี่ยนของเรือนร้อยวิญญาณด้วย
หลังจากที่เขาพาลูกน้องไปค้นจวนอ๋องสามแล้วพบกับความว่างเปล่า สีหน้าเขาก็ดูไม่ได้ขึ้นมา
สองวันก่อน ซุนอิ๋นที่เป็นผู้ฝึกปราณขั้นสมบูรณ์แบบและสนิทกับเขา รวมถึงแขกเรือนร้อยวิญญาณคนอื่นๆ ที่เข้าไปจวนอ๋องสาม ได้ส่งข่าวมาว่าจะหารือเรื่องบางอย่างในคืนนั้น
แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็ไม่มีข่าวอะไรออกจากจวนอ๋องสามอีกเลย
ตอนนี้เขาอดไม่ไหวถึงได้ปะปนกับกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ บุกเข้าจวนอ๋องสาม แต่กลับพบฉากอันน่าแปลกใจนี้ เขาย่อมรู้สึกทั้งตกใจและโมโห
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาได้ยินคำพูดของหลิ่วหมิง และหาข้ออ้างไม่ไปรวมตัวที่จวนอ๋องสามล่ะก็ ไม่เท่ากับว่าเขาต้องหายตัวไปเหมือนกับคนอื่นๆ ด้วยหรือ
แม้จะไม่รู้ว่าคนที่หายไปเหล่านี้จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ภายใต้สถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีอะไร
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้อาวุโสเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่กลับไปหารือวิธีรับมือกับเฉียนเชา
ในขณะที่ผู้อาวุโสเหมี่ยนกลับจวนเฉียนอย่างปลอดภัยนั้น ตรงพื้นที่ระหว่างพรมแดนแคว้นต้าเสวียนกับแคว้นไห่เยวี่ย เรือเหาะยาวสิบกว่าจั้งที่ถูกแสงสีขาวปกคลุมอยู่ กำลังเหาะพุ่งมากลางอากาศ
ห้องภายในเรือที่แกะสลักอย่างสวยงาม มีหญิงสาวสวมชุดชาววังสีขาว กำลังก้มหน้าดีดพิณโบราณสีเงินจางๆ อยู่
เสียงพิณไพเราะมาก บางครั้งก็นุ่มนวลราวกับสายน้ำไหล บางครั้งก็รีบเร่งราวสายน้ำตก บางครั้งก็ชัดและไพเราะราวกับมุกหล่นบนจานหยก บางครั้งก็เบาราวกับเสียงกระซิบ ทำให้เคลิบเคลิ้มอยู่ในโลกที่เสียงดนตรีสร้างขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ทันใดนั้น นิ้วมือทั้งสิบของหญิงสาวก็หยุดชะงักลง เสียงพิณหยุดลงไปในฉับพลัน จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าอันสวยสดงดงาม จากนั้นนางก็กล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
“ทำไมล่ะ ยังไม่สามารถติดต่อคุณหนูสิบสามของเผ่าเกล็ดเขียวได้หรือ?”
“เรียนนายท่าน ดูเหมือนว่าอาวุธจิตวิญญาณที่ใช้ส่งข่าวของฝ่ายตรงข้ามจะถูกปิดกั้นไว้ จึงยังไม่มีการตอบรับใดๆ จากฝ่ายนั้นเลย” ได้ยินหญิงสาวถามดังนี้ ชายหนุ่มสุภาพงดงามผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาด้านในห้อง และโค้งตัวกล่าว
“คุณหนูสิบสามผู้นี้เล่นลูกไม้อะไรอีก แม้ข้าจะถูกเผ่าของพวกเขาขอร้องให้ไปช่วยที่เสวียนจิง จึงเพิ่งจะออกเดินทางในตอนนี้ แต่ถ้าตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้ล่ะก็ ข้าจะรู้สถานการณ์ในเสวียนจิงได้อย่างไร” หญิงสาวได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วกล่าว
“นายท่านวางใจได้! ข่าวที่พวกเราไปเสวียนจิงได้แจ้งฝ่ายตรงข้ามไปนานแล้ว แม้ว่าจะล่วงหน้ากว่าเวลาเดิมไปหน่อย แต่คงไม่มีปัญหาอะไร” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อันนี้ก็พูดยาก แม้ว่าข้าจะเป็น ‘เทพธิดาพยากรณ์’ ในสายตาของผู้ฝึกฝนอิสระเหล่านั้น และมีร่างลิขิตฟ้าที่สามารถทำนายชะตาได้ แต่เจ้าก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแค่การแสดงปาหี่ ที่เราซื้อมนุษย์บางคนมาแสดงหลอกเท่านั้น ในนามของเผ่าอย่างลับๆ ทำให้นิกายในแคว้นไห่เยวี่ยแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นในเรื่องนี้ พวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไรพวกเรา แต่เผ่าเรากับผู้ฝึกฝนอิสระในแคว้นต้าเสวียนกลับติดต่อกันน้อยมาก ถ้าได้เผชิญหน้ากับอาจารย์จิตวิญญาณในนิกาย เกรงว่าชื่อเสียงเทพธิดาพยากรณ์ของข้าคงใช้ไม่ได้แล้ว” หญิงสาวกล่าวอย่างราบเรียบ
“ด้วยสถานะธิดาเทพเผ่าเกล็ดแดงของนายท่าน ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกฝนในนิกายของแคว้นต้าเสวียน พวกเขาก็ไม่กล้าเสียมารยาทต่อท่าน เพราะตอนนี้ทั้งสามเผ่าเรายังไม่ได้เริ่มเปิดฉากแผนการ และยังไม่ได้ฉีกหน้ากับนิกายแผ่นดินใหญ่บนเกาะอวิ๋นซาน” ชายหนุ่มกล่าวอย่างมีแผนในใจ
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ทางด้านเสวียนจิงกลับขาดการติดต่อในฉับพลัน ข้ายังรู้สึกกังวลเล็กน้อย เจ้ารีบส่งข่าวกลับไปที่เผ่า ให้อาสามรีบมาเถอะ! ด้วยระดับฝีเท้าของเขา ต่อให้จะออกเดินทางช้าหน่อย แต่ก็คงถึงเสวียนจิงพอๆ กับพวกเรา” หญิงสาวลังเลเล็กน้อยแล้วกล่าวออกมาอย่างเฉียบขาด
“ทราบ! ข้าน้อยจะแจ้งข่าวให้นายท่านสามเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มโค้งตัวคำนับด้วยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนถอยออกไป
ไม่นานก็มีเสียงพิณโบราณดังขึ้นในห้องบนเรืออีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา