มองดูไกลๆ ราวกับชามยักษ์สีฟ้าที่ครอบเมืองขนาดใหญ่ไว้
ในขณะเดียวกัน ม่านแสงสีฟ้าก็ปรากฏออกมาในพระราชวัง มันแยกพระราชวังกับส่วนอื่นๆ ของเสวียนจิงออกจากกัน
ได้เห็นฉากอันน่าตกใจเช่นนี้ ผู้ฝึกฝนที่เป็นสายตรวจของอิทธิพลใหญ่ต่างๆ ย่อมตกตะลึงจนตาค้าง
“แย่แล้ว! พวกเราถูกค่ายกลโอบล้อมไว้ รีบทำลายมันซะจะได้มีชีวิตรอด!”
ไม่รู้ว่าเสียงใครร้องออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นเงาร่างบนท้องถนนก็ลุกฮือพุ่งไปยังม่านแสงที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุด
ครู่ต่อมา พลังหลากหลายรูปแบบได้ถูกปล่อยออกมาจากผู้ฝึกฝนอิสระเหล่านี้ และกลายเป็นลำแสงแบบต่างๆ พุ่งไปยังม่านแสงสีฟ้า ก่อนที่จะพากันแตกร้าวออกมา
ชั่วเวลานั้น มีเสียงสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วฟ้า!
หลังจากลำแสงแบบต่างๆ หายไปแล้ว ม่านแสงสีฟ้าขนาดใหญ่ก็ยังคงปกคลุมเสวียนจิงอยู่เงียบๆ พื้นผิวของมันก็ไม่มีระลอกคลื่นแม้แต่น้อย
ฉากอันน่าตกใจนี้ เหมือนจะทำให้ผู้ฝึกฝนอิสระที่ลงมือเมื่อครู่ มีสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมาในทันที
ทันใดนั้นผู้ฝึกฝนอิสระบางคนก็ปล่อยพลังไปยังด้านล่าง และพริบตาที่เท้าทั้งคู่เหยียบพื้น ต่างก็หยิบยันต์กับอาวุธต่างๆ ออกมากระตุ้น จากนั้นแสงสีเหลืองก็ค่อยๆ พากันมุดลงใต้ดิน
ผู้ฝึกฝนอิสระที่มีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วเหล่านี้ คิดจะให้วิชาดำดินเพื่อหลบหนีออกไปจากเสวียนจิง
แต่ผ่านไปไม่นาน คนเหล่านี้ต่างก็พุ่งออกมาจากใต้ดินพร้อมกร่นด่าพึมพำ
ที่แท้ใต้พื้นดินลึกสิบกว่าจั้งยังมีม่านแสงสีฟ้าอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้พวกเขาไม่อาจหนีออกไปจากเสวียนจิงได้
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างก็รู้สึกเย็นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้
แต่ผู้ฝึกฝนอิสระที่อยู่ตามกลุ่มอิทธิพลใหญ่ต่างๆ เหล่านี้ ได้พากันกลับไปยังกลุ่มของตนเองเพื่อรายงานผล
ระยะเวลาแค่สองชั่วยาม กลุ่มอิทธิพลใหญ่ต่างๆ ก็เริ่มรวมตัวลูกน้องที่อยู่ในเสวียนจิง ขณะเดียวกันผู้ฝึกฝนระดับสูงต่างก็ค่อยๆ รวมตัวกันเพื่อหารือเรื่องวิกฤตตรงหน้านี้
“ไม่ต้องบอกก็รู้ นี่จะต้องเป็นฝีมือของเผ่าเจ้าสมุทรกับปีศาจที่อยู่ในวังอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นในทันทีที่สถานพวกเขาถูกเปิดเผยได้อย่างไร อีกอย่างทั่วทั้งพระราชวังก็ถูกพลังของค่ายกลปกป้องไว้ เห็นได้ชัดว่ากลัวพวกเราจะไปคิดบัญชีกับพวกมัน” ผู้ฝึกฝนระดับสูงของกลุ่มอิทธิพลหนึ่ง กล่าวขึ้นในงานชุมนุมด้วยความโกรธจนไม่อาจระงับไว้ได้
และคำสาปแช่งเช่นเดียวกัน ก็ออกมาจากปากของกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ด้วย
ดูเหมือนจะหารือกันได้ไม่เท่าไหร่ กลุ่มอิทธิพลใหญ่ต่างๆ ก็เริ่มโยกย้ายกองกำลังขึ้นมา
ผ่านไปไม่นาน ผู้ฝึกฝนแต่ละกลุ่มก็พุ่งขึ้นฟ้าจากสถานที่เร้นลับบางแห่งในเสวียนจิง
แต่ผู้ที่ปรากฏตัวในครั้งนี้ ล้วนมีระดับการฝึกฝนที่สูงกว่าก่อนหน้านั้นมาก พวกเขาพากันหาจุดที่คิดว่าเป็นจุดบอบบางของม่านแสง และเริ่มลงมือทำลายค่ายกล
แม้ว่าผู้ฝึกฝนอิสระที่กลุ่มอิทธิพลแต่ละกลุ่มส่งมา จะมีพลังแข็งแกร่งกว่ากลุ่มก่อนหน้านั้นมาก ทั้งยังมีอาวุธจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดา แต่มันแค่ทำให้ม่านแสงสั่นไหวไม่กี่ทีเท่านั้น ยังคงไม่สะเทือนถึงค่ายกลทั้งหลัง
ผลลัพธ์เช่นนี้ ย่อมทั้งให้กลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ทั้งตกใจและโมโห!
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลี่ยง พวกเขาจำต้องแยกย้ายกันกลับที่พักเพื่อหารือกันอีกรอบ หลังจากนั้นก็ส่งลูกน้องออกไปร่วมมือกัน
อาจเป็นเพราะม่านแสงที่ปกคลุมเสวียนจิงในตอนนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกถึงอันตรายของมัน ไม่คาดคิดว่าเวลาแค่ครึ่งวัน ก็รวมตัวเป็นกลุ่มพันธมิตรกันได้อย่างน่าตกใจ
จากนั้นผู้ฝึกฝนที่รวมตัวเป็นพันธมิตรเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็ศึกษาหาดูว่าทำอย่างไรถึงจะทำลายม่านแสงสีฟ้านี้ได้ อีกส่วนหนึ่งก็ไปรวมตัวกันบริเวณพระราชวัง
ประจักษ์ชัดว่ากลุ่มอิทธิพลเหล่านี้รู้ดีว่า ในเมื่อทุกสิ่งนี้เป็นการกระทำของเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ในวัง ถ้าอย่างนั้นก็แค่โจมตีพระราชวัง ม่านแสงที่อยู่ด้านนอกก็จะหายไปเอง
ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านธรรมดาในเสวียนจิงต่างก็ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน พอเห็นม่านแสงอยู่เหนือศีรษะ แต่ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติอันใด ก็พากันเดินออกมาวิพากษ์วิจารณ์อยู่บนท้องถนน
ข่าวสารที่รวดเร็ว บวกกับชาวบ้านมีความสัมพันธ์ทางด้านญาติพี่น้องกับผู้ฝึกฝน ทำให้พวกเขาพอจะเข้าใจเรื่องนี้อยู่บ้าง ภายใต้เสียงกระซิบกระซาบของกันและกัน ไม่รู้ว่าได้รับข่าวลือแปลกๆ มากี่แบบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา