ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 211

สรุปบท ตอนที่ 211: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปตอน ตอนที่ 211 – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

ตอน ตอนที่ 211 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 211 หายตัวไป
ตอนที่ 211 หายตัวไป
โดย
Ink Stone_Fantasy
จากนั้นแสงสีฟ้าเป็นจุดๆ ก็ปรากฏออกมาในเมฆสีดำเป็นจำนวนมาก หลังจากมีเสียงดังขึ้น มันก็เชื่อมต่อกันเป็นสายเดียว และกลายเป็นม่านแสงสีฟ้าที่หนาเป็นพิเศษ จากนั้นมันก็หล่นลงมาปกคลุมทั่วทั้งเสวียนจิงไว้

มองดูไกลๆ ราวกับชามยักษ์สีฟ้าที่ครอบเมืองขนาดใหญ่ไว้

ในขณะเดียวกัน ม่านแสงสีฟ้าก็ปรากฏออกมาในพระราชวัง มันแยกพระราชวังกับส่วนอื่นๆ ของเสวียนจิงออกจากกัน

ได้เห็นฉากอันน่าตกใจเช่นนี้ ผู้ฝึกฝนที่เป็นสายตรวจของอิทธิพลใหญ่ต่างๆ ย่อมตกตะลึงจนตาค้าง

“แย่แล้ว! พวกเราถูกค่ายกลโอบล้อมไว้ รีบทำลายมันซะจะได้มีชีวิตรอด!”

ไม่รู้ว่าเสียงใครร้องออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นเงาร่างบนท้องถนนก็ลุกฮือพุ่งไปยังม่านแสงที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุด

ครู่ต่อมา พลังหลากหลายรูปแบบได้ถูกปล่อยออกมาจากผู้ฝึกฝนอิสระเหล่านี้ และกลายเป็นลำแสงแบบต่างๆ พุ่งไปยังม่านแสงสีฟ้า ก่อนที่จะพากันแตกร้าวออกมา

ชั่วเวลานั้น มีเสียงสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วฟ้า!

หลังจากลำแสงแบบต่างๆ หายไปแล้ว ม่านแสงสีฟ้าขนาดใหญ่ก็ยังคงปกคลุมเสวียนจิงอยู่เงียบๆ พื้นผิวของมันก็ไม่มีระลอกคลื่นแม้แต่น้อย

ฉากอันน่าตกใจนี้ เหมือนจะทำให้ผู้ฝึกฝนอิสระที่ลงมือเมื่อครู่ มีสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมาในทันที

ทันใดนั้นผู้ฝึกฝนอิสระบางคนก็ปล่อยพลังไปยังด้านล่าง และพริบตาที่เท้าทั้งคู่เหยียบพื้น ต่างก็หยิบยันต์กับอาวุธต่างๆ ออกมากระตุ้น จากนั้นแสงสีเหลืองก็ค่อยๆ พากันมุดลงใต้ดิน

ผู้ฝึกฝนอิสระที่มีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วเหล่านี้ คิดจะให้วิชาดำดินเพื่อหลบหนีออกไปจากเสวียนจิง

แต่ผ่านไปไม่นาน คนเหล่านี้ต่างก็พุ่งออกมาจากใต้ดินพร้อมกร่นด่าพึมพำ

ที่แท้ใต้พื้นดินลึกสิบกว่าจั้งยังมีม่านแสงสีฟ้าอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้พวกเขาไม่อาจหนีออกไปจากเสวียนจิงได้

คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างก็รู้สึกเย็นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้

แต่ผู้ฝึกฝนอิสระที่อยู่ตามกลุ่มอิทธิพลใหญ่ต่างๆ เหล่านี้ ได้พากันกลับไปยังกลุ่มของตนเองเพื่อรายงานผล

ระยะเวลาแค่สองชั่วยาม กลุ่มอิทธิพลใหญ่ต่างๆ ก็เริ่มรวมตัวลูกน้องที่อยู่ในเสวียนจิง ขณะเดียวกันผู้ฝึกฝนระดับสูงต่างก็ค่อยๆ รวมตัวกันเพื่อหารือเรื่องวิกฤตตรงหน้านี้

“ไม่ต้องบอกก็รู้ นี่จะต้องเป็นฝีมือของเผ่าเจ้าสมุทรกับปีศาจที่อยู่ในวังอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นในทันทีที่สถานพวกเขาถูกเปิดเผยได้อย่างไร อีกอย่างทั่วทั้งพระราชวังก็ถูกพลังของค่ายกลปกป้องไว้ เห็นได้ชัดว่ากลัวพวกเราจะไปคิดบัญชีกับพวกมัน” ผู้ฝึกฝนระดับสูงของกลุ่มอิทธิพลหนึ่ง กล่าวขึ้นในงานชุมนุมด้วยความโกรธจนไม่อาจระงับไว้ได้

และคำสาปแช่งเช่นเดียวกัน ก็ออกมาจากปากของกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ด้วย

ดูเหมือนจะหารือกันได้ไม่เท่าไหร่ กลุ่มอิทธิพลใหญ่ต่างๆ ก็เริ่มโยกย้ายกองกำลังขึ้นมา

ผ่านไปไม่นาน ผู้ฝึกฝนแต่ละกลุ่มก็พุ่งขึ้นฟ้าจากสถานที่เร้นลับบางแห่งในเสวียนจิง

แต่ผู้ที่ปรากฏตัวในครั้งนี้ ล้วนมีระดับการฝึกฝนที่สูงกว่าก่อนหน้านั้นมาก พวกเขาพากันหาจุดที่คิดว่าเป็นจุดบอบบางของม่านแสง และเริ่มลงมือทำลายค่ายกล

แม้ว่าผู้ฝึกฝนอิสระที่กลุ่มอิทธิพลแต่ละกลุ่มส่งมา จะมีพลังแข็งแกร่งกว่ากลุ่มก่อนหน้านั้นมาก ทั้งยังมีอาวุธจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดา แต่มันแค่ทำให้ม่านแสงสั่นไหวไม่กี่ทีเท่านั้น ยังคงไม่สะเทือนถึงค่ายกลทั้งหลัง

ผลลัพธ์เช่นนี้ ย่อมทั้งให้กลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ทั้งตกใจและโมโห!

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลี่ยง พวกเขาจำต้องแยกย้ายกันกลับที่พักเพื่อหารือกันอีกรอบ หลังจากนั้นก็ส่งลูกน้องออกไปร่วมมือกัน

อาจเป็นเพราะม่านแสงที่ปกคลุมเสวียนจิงในตอนนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกถึงอันตรายของมัน ไม่คาดคิดว่าเวลาแค่ครึ่งวัน ก็รวมตัวเป็นกลุ่มพันธมิตรกันได้อย่างน่าตกใจ

จากนั้นผู้ฝึกฝนที่รวมตัวเป็นพันธมิตรเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็ศึกษาหาดูว่าทำอย่างไรถึงจะทำลายม่านแสงสีฟ้านี้ได้ อีกส่วนหนึ่งก็ไปรวมตัวกันบริเวณพระราชวัง

ประจักษ์ชัดว่ากลุ่มอิทธิพลเหล่านี้รู้ดีว่า ในเมื่อทุกสิ่งนี้เป็นการกระทำของเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ในวัง ถ้าอย่างนั้นก็แค่โจมตีพระราชวัง ม่านแสงที่อยู่ด้านนอกก็จะหายไปเอง

ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านธรรมดาในเสวียนจิงต่างก็ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน พอเห็นม่านแสงอยู่เหนือศีรษะ แต่ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติอันใด ก็พากันเดินออกมาวิพากษ์วิจารณ์อยู่บนท้องถนน

ข่าวสารที่รวดเร็ว บวกกับชาวบ้านมีความสัมพันธ์ทางด้านญาติพี่น้องกับผู้ฝึกฝน ทำให้พวกเขาพอจะเข้าใจเรื่องนี้อยู่บ้าง ภายใต้เสียงกระซิบกระซาบของกันและกัน ไม่รู้ว่าได้รับข่าวลือแปลกๆ มากี่แบบ

“เอ๋! ท่านเซียนผู้นี้คือ…… สหายเฉียนพักอยู่ที่นี่หรือไม่?” ผู้อาวุโสเหมี่ยนรู้สึกอึ้งเล็กน้อย และรีบสอบถามด้วยความแปลกใจ

“ที่นี่คือที่พักของศิษย์พี่เฉียน ท่านคือ?”ใบหน้าแท้จริงของหูชุนเหนียงอ่อนเยาว์กว่าใบหน้าของหลิ่วหมิงที่ปลอมเป็นคุณชายเฉียนมากนัก ตอนนี้จึงได้แต่จำใจเรียกหลิ่วหมิงเช่นนี้

“ที่แท้ท่านเซียนผู้นี้ก็เป็นศิษย์น้องของคุณชายเฉียน ท่านเซียนช่วยแจ้งให้ข้าหน่อย คุณชายเฉียนจะรู้เองว่าข้าเป็นใคร” ผู้อาวุโสเหมี่ยนกล่าวอย่างเกรงใจ

“เกรงว่าจะไม่ได้ ศิษย์พี่ข้าเพิ่งเก็บตัวไปเมื่อหลายวันก่อน กำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาบางอย่างอยู่ ในระหว่างนี้ไม่สามารถออกมากลางคันได้ ผู้อาวุโสเหมี่ยนรออีกซักเดือน แล้วค่อยมาหาศิษย์พี่ข้าเถอะ!” หูชุนเหนียงส่ายหน้า และกล่าวด้วยสีหน้าสงบ

“อะไรนะ! เก็บตัวตอนนี้! ท่านเซียนไม่สามารถยืดหยุ่นได้เลยหรือ? ท่านเองก็คงเห็นผนึกบนท้องฟ้าแล้วใช่ไหม ครั้งนี้เถ้าแก่เฉียนได้รับคำสั่งจากอ๋องสาม ให้ผู้ฝึกฝนของเรือนร้อยวิญญาณเข้าไปพบที่จวนอ๋องสาม คุณชายเฉียนเป็นศิษย์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบ อ๋องสามระบุชื่อเขาเป็นพิเศษว่าจะต้องไปให้ได้ ดูเหมือนว่าอ๋องสามจะคิดวิธีรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้” ผู้อาวุโสเหมี่ยนได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกกังกลอย่างอดไม่ได้

“อ๋องสาม? ต้องขออภัยด้วย! ต่อให้รัชทายาทในตอนนี้เรียกตัวเข้าพบ ศิษย์พี่ข้าก็ไม่อาจออกจากการเก็บตัวได้” สีหน้าของหูชุนเหนียงเริ่มเปลี่ยน และกล่าวออกมาอย่างไม่ลังเล

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงต้องกลับไปรายงานเถ้าแก่กับอ๋องสามเช่นนี้แล้ว” ผู้อาวุโสพูดเกลี้ยกล่อมอยู่ครู่หนึ่ง แต่พอเห็นว่าหูชุนเหนียงไม่มีท่าจะยอมเลยแม้แต่น้อย เขาจึงป้องมือออกไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง และหมุนตัวเดินจากไป

แต่พอผู้อาวุโสชุดดำเดินออกไปไม่กี่ก้าว ก็พลันมีคลื่นกระทบข้างหู และเสียงแว่วๆ ของหลิ่วหมิงก็ดังเข้ามา

“พี่เหมี่ยน ถ้าข้าเป็นท่านล่ะก็ คงไม่เสี่ยงไปจวนอ๋องสามในเวลานี้ แต่ข้าก็บอกท่านได้เพียงเท่านี้ เรื่องอื่นๆ ข้าไม่สะดวกพูด”

ถึงแม้เสียงที่ส่งมาของหลิ่วหมิงจะสั้นๆ แต่ยังคงทำให้ผู้อาวุโสเหมี่ยนรู้สึกเย็นยะเยือกในใจ หลังจากหันตัวคารวะไปยังถ้ำหลิ่วหมิงแล้ว ก็เดินลงเขาโดยไม่กล่าวอะไรออกมา

ระยะเวลาหลายวันหลังจากนั้น นอกจากผู้ฝึกฝนอิสระเกือบพันคนที่ปรากฏตัวนอกพระราชวัง และวางค่ายกลขนาดต่างๆ เพื่อปิดล้อมพระราชวังไว้ กลุ่มอิทธิพลทั้งหมดย่อมไม่กล้าเสี่ยงทำการอะไร

ราวกับว่าอิทธิพลระดับสูงเหล่านี้ ก็คิดหาวิธีโจมตีพระราชวังด้วยความยากลำบาก

แม้ว่าม่านแสงที่ปกป้องพระราชวังไว้ จะไม่น่ากลัวเท่าผนึกที่ปกคลุมเสวียนจิง แต่มันก็แผ่กลิ่นไออันน่าตกใจออกมา ดูก็รู้ว่าไม่สามารถใช้วิชาทั่วไปโจมตีได้

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา