“เรียนคุณหนู นายท่านส่งข่าวมา” หญิงวัยกลางคนได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจ แต่กลับก้มหน้ากล่าว
จากนั้นก็หยิบเปลือกหอยสีเหลืองทองออกมาจากแขนเสื้อ แล้วประคองสองมือยื่นออกไป
“ท่านพ่อส่งข่าวมาช่วงเวลานี้ ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเผ่า?” ต่งไทเฮารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย นางรับเปลือกหอยสีทอง แล้วนำไปแปะบนหน้าผากเบาๆ
ผ่านไปไม่นาน นางก็มีสีหน้าเขียวปั๊ดขึ้นมา เมื่อนางเอาเปลือกหอยออกแล้ว ก็เค้นเสียงกร่นด่าออกมา
“เจ้าสารเลวเว่ยอวี้ ไม่คิดว่ามันจะกล้าขโมยหยดพลังวารีจากคลังเก็บสมบัติไป หากตายไปได้ก็นับว่าได้รับโทษสถานเบาไป ไม่เช่นนั้น ข้าจะเอามันมาถลกหนังกระชากเอ็นอีกสักรอบ”
“อะไรนะ! เว่ยอวี้ตายแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงวัยกลางคนหายไปทันที
“เมื่อวานมีผู้ฝึกฝนสองคนบุกเข้าวัง และเห็นลูกเสวียนจื้อกลายร่างก่อนที่จะหลบหนีไปได้ ดังนั้นข้าจึงให้เว่ยอวี้ออกไปตามล่า แต่จนนี้ตอนนี้ยังไม่กลับมา คิดว่าคงเกิดเรื่องไม่คาดคิดเข้าแล้วล่ะ!” ต่งไทเฮากล่าวอย่างเคียดแค้น
“อย่างนี้ก็หมายความว่า หยดพลังวารีอาจตกอยู่ในมือของผู้ฝึกฝนที่เป็นมนุษย์ผู้นั้น ถ้าเป็นเช่นนี้ก็แย่แล้ว คุณหนู หากไม่สามารถตามของสิ่งนี้กลับได้ เกรงว่าต่อให้ทำภารกิจในเสวียนจิงได้สำเร็จ แต่กลับเผ่าไปแล้วคงไม่วายโดนนายท่านตำหนิ” หญิงวัยกลางคนถอนหายใจก่อนกล่าวออกมา
“ข้าย่อมรู้ว่าหยดพลังวารีมีความสำคัญกับท่านพ่อมาก แต่เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว นอกเสียจากว่าจะจับผู้บุกรุกทั้งสองคนนั้นได้ ไม่อย่างนั้นข้าเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ตอนนี้ข้ายังต้องอยู่ในวังเพื่อควบคุมสถานการณ์โดยรวมของเสวียนจิง ไม่สามารถปลีกตัวได้ ถ้าหาหยดพลังวารีไม่พบ ข้าก็แค่โดนท่านพ่อตำหนิ แต่ถ้าทำเสียการใหญ่ล่ะก็ กลับไปคงต้องไปอยู่ที่บ่อลึกหนาวเหน็บนานสิบปี” ต่งไทเฮากล่าวอย่างไม่มีทางเลี่ยง
“ถ้าเป็นเช่นนี้ คุณหนูมอบเรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ! ข้ามีสมบัติพิเศษที่นายท่านมอบให้ ซึ่งมันสามารถรับรู้ตำแหน่งของหยดวารีที่อยู่ในระยะที่จำกัดได้ ข้าจะไปเดินในเสวียนจิง ไม่แน่อาจจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง” หญิงวัยกลางคนลังเลเล็กน้อยแล้วกล่าวออกมา
“งืม! ถ้าเช่นนั้นก็ไม่เสียหลายที่จะลองดู แต่ว่า……” ต่งไทเฮาได้ยินก็แสดงสีหน้าลังเลออกมา แต่ขณะที่กำลังจะกล่าวอะไรออกมานั้น พลันมีเสียงฝีเท้าดังจากนอกประตู ชายร่างยักษ์ผู้นั้นกำลังสาวเท้ายาวๆ เข้ามาในตำหนัก
ต่งไทเฮาขมวดคิ้วมองออกไป และหยุดพูดในทันที
“คุณหนู แย่แล้ว ข้าเพิ่งได้ข่าวมา ตอนนี้มีข่าวกึ่งจริงกึ่งเท็จแพร่กระจายไปทั่วเสวียนจิง ข่าวบอกว่ามีเผ่าเจ้าสมุทรอยู่ในวัง และยังบอกว่าจักรพรรดิถูกปลงพระชนม์ไปนานแล้ว ที่เห็นในตอนนี้คือปีศาจที่แปลงร่างมา และยังบอกว่าเผ่าเจ้าสมุทรเราสมคบคิดกับปีศาจ วางแผนคิดร้ายต่อมนุษย์ในเสวียนจิง เตรียมการล้างบางผู้ฝึกฝนอิสระทั้งหมด” พอชายร่างยักษ์เดินเข้ามาก็กล่าวด้วยสีหน้าตกใจ
“อะไรนะ มีเรื่องแบบนี้ด้วย สืบเจอหรือยังว่าข่าวนี้ถูกปล่อยมาจากที่ใด?” พอต่งไทเฮาได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
เสวียนจื้อที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าซีดขาวจนถึงขีดสุด
“ข้าสืบดูแล้ว ข่าวนี้มาจากกลุ่มอิทธิพลเล็กๆ ที่กลุ่มผู้ฝึกฝนอิสระรวมตัวขึ้นมา” ชายร่างยักษ์รีบตอบกลับไป
“คุณหนู ให้ข้าน้อยไปตัดรากถอนโคนกลุ่มอิทธิพลนี้เถอะ” พอหญิงวัยกลางคนได้ยินเช่นนี้ ก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ไม่ทันแล้วพี่หลิน กลุ่มอิทธิพลเล็กๆ นี้ได้ขายข่าวให้อีกเจ็ดแปดกลุ่มแล้ว เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน กลุ่มอิทธิพลของเผ่ามนุษย์คงรู้กันถ้วนหน้า” ชายร่างยักษ์ฝืนยิ้มกล่าวออกมา
“ไม่ต้องบอกก็รู้ ผู้บุกวังทั้งสองต้องเป็นคนทำแน่ พวกเขาช่างใจกล้ามากนัก พี่หลิน เมื่อไหร่มนุษย์ผู้ฝึกฝนเหล่านั้นจะฝึกฝนพลังที่พวกเราให้ได้สำเร็จ?” มาถึงตอนนี้ ต่งไทเฮากลับดูสงบขึ้นมา
“เรียนคุณหนู ตามแผนที่วางไว้ล่ะก็ ยังต้องใช้เวลาอีกสองเดือน แต่ถ้าไม่เสียดายโอสถ และอายุขัยที่ลดลงของพวกเขาล่ะก็ สามารถลดเวลาลงได้ครึ่งหนึ่ง” หญิงวัยกลางคนรีบตอบกลับในทันที
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ไปจัดการเถอะ! ยังไรซะถ้าเรื่องนี้ไม่สำเร็จ เก็บคนเหล่านี้ไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร จวี้เจิงเจ้ารีบพาคนสองสามคนไปยังที่พักแขกจิตวิญญาณทองคำ และเอาตัวชิวหลงจื่อมาให้ข้า ถ้าเขาฝ่าฝืนก็ฆ่าทิ้งซะ จากนั้นอาศัยโอกาสที่ข่าวนี้ยังแพร่ไม่ถึงในวัง เรียกตัวแขกจิตวิญญาณที่ดูแลในวังทั้งหมด และปิดผนึกความสามารถของมนุษย์ผู้ฝึกในเหล่านี้ไว้” ต่งไทเฮากล่าวด้วยสีหน้าดุดัน
หญิงวัยกลางคนได้ยินเช่นนี้ ก็ตอบรับเต็มปากเต็มคำ
แต่ชายร่างยักษ์รู้สึกเยืนยะเยือกในใจ แต่ก็แสดงสีหน้ากระหายการฆ่าออกมาทันที
“ปิดผนึกมันยุ่งยากเกินไป จัดการฆ่าแขกจิตวิญญาณทองคำเหล่านี้ไปเลย”
“ไม่ต้อง คนพวกนี้ยังมีประโยชน์กับข้า พวกเขาจะต้องมีชีวิตอยู่” ต่งไทเฮาส่ายศีรษะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา