ผ่านไปไม่นาน อักขระขนาดใหญ่แต่ละตัวลอยออกมาจากเมฆอัคคี หลังจากที่มันหมุนติ้วๆ รวมตัวกันแล้ว ก็หายไปบนฟ้าอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมา ค่ายกลที่ถูกวางรอบเมืองเสวียนจิงก็ถูกกระตุ้นพร้อมกัน ค่ายกลแสงสีแดงปรากฏตัวเหนือม่านแสงสีฟ้าเป็นจำนวนมาก และรวมตัวกันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่พิเศษ
ค่ายกลนี้เพียงแค่หมุนตัวติ้วๆ และเกาะตัวออกมาเป็นกลุ่มเมฆอัคคีจำนวนมาก มันปกคลุมไปทั่วฟ้าเหนือเมืองเสวียนจิง และพอส่องสะท้อนกับม่านแสงสีฟ้าตรงด้านล่าง ก็ปรากฏเป็นภาพสวยงามน่าหลงใหล
พอคนธรรมดากับบรรดาผู้ฝึกฝนอิสระในเสวียนจิงเห็นเช่นนี้ ต่างก็ตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง
ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าแลบฟ้าผ่าดังขึ้น สายฟ้าสีเงินเส้นหนึ่งปรากฏตัวท่ามเมฆอัคคี และบิดเบี้ยวไปมาอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็กลายเป็นอสรพิษอัสนียักษ์ยาวร้อยกว่าจั้ง ดวงตาทั้งสองเยือกเย็นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แสงสายฟ้าสีเงินปกคลุมไปทั่วตัว มันเพียงแค่อ้าปากไปทางด้านล่าง สายฟ้าเส้นหนึ่งก็ผ่าลงไปทันที
แสงสายฟ้าจำนวนมากกระเด็นไปทั่วทิศ
ม่านแสงสีฟ้าสั่นไหวในทันที พื้นผิวกระเพื่อมเป็นวงกลมจนเกิดเป็นระลอกคลื่นสีฟ้า
และในขณะเดียวกัน เมฆอัคคีกลางอากาศก็กลิ้งมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว อักขระจำนวนมากทะลักออกมาจากในนั้น จากนั้นก็พุ่งยิงไปยังด้านล่างราวกับสายฝน
อักขระแต่ละตัวที่ตกลงบนม่านแสงสีฟ้านี้ไร้ซึ่งสุ้มเสียง แต่มันก็ทำให้พลังของค่ายกลลดลงไปอย่างมาก!
ขณะนี้ อสรพิษอัสนีบนอากาศกลับสั่นหัวกระดิกหางพุ่งลงมาจากที่สูง และใช้หัวพุ่งชนเข้าใส่ม่านแสงอย่างรุนแรง
บังเกิดเสียงสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วปฐพี!
เสวียนจิงทั้งเมืองสั่นสะเทือนขึ้นมาทันที จนกระทั่งบ้านเรือนที่สร้างไม่ค่อยแข็งแรง ต่างก็พากันพังทลายลงมา ไม่รู้ว่ามันทับคนธรรมดาไปมากมายเท่าไหร่
ทั่วทั้งเสวียนจิงวุ่นวายขึ้นมาทันที ผู้ฝึกฝนจำนวนมากพุ่งขึ้นไปบนอากาศ และจ้องมองแสงสีน้ำเงินกับแสงสีแดงที่ผสมปนเปกันด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ขณะเดียวกัน ต่งไทเฮาที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับแห่งหนึ่งของพระราชวัง ก็อ้าปากกระอักโลหิตออกมาในฉับพลัน และร้องออกมาด้วยความตกใจระคนโมโห
“เป็นไปไม่ได้ อาจารย์จิตวิญญาณกำลังโจมตีค่ายกลอยู่ ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญค่ายกลวางแผนโจมตีจุดอ่อนของค่ายกลโดยเฉพาะ ไม่ได้การแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็จะประคองค่ายกลทั้งหลังไว้ได้ไม่นาน จำเป็นต้องละทิ้งชั้นจำกัดนอกเมืองเสวียนจิงไปก่อน”
พอกล่าวจบต่งไทเฮาก็หยิบแผ่นค่ายกลตรงหน้าขึ้นมาทันที จากนั้นก็อ้าปากพ่นโลหิตใส่มัน และปล่อยพลังใส่มันอยู่ไม่หยุด
ขณะเดียวกัน ม่านแสงสีฟ้าที่ปกคลุมเสวียนจิงก็ถูกอสรพิษอัสนีพุ่งชนสองสามครั้ง จากนั้นมันก็เปล่งประกายอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะสลายกลายเป็นจุดๆ และหายไป
แต่ม่านแสงที่ปกคลุมพระราชวังอยู่กลับดูหนาขึ้นมาสี่ห้าเท่า ขณะเดียวกันอักขระหลากสีก็ทะลักออหมาจากม่านแสงอย่างแปลกประหลาด และปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของม่านแสง
ชั้นจำกัดนอกพระราชวังยิ่งดูแปลกประหลาดขึ้นมา
พริบตาที่ม่านแสงนอกเสวียนจิงหายไปนั้น ผู้อาวุโสที่แสดงวิชาอยู่บนแท่นหินกลับมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะก่อนกล่าวกับตนเอง
“คิดไม่ถึงว่าคนเผ่าเจ้าสมุทรที่ควบคุมค่ายกลนี้จะเป็นคนเด็ดขาดมาก รู้ว่าข้าหาจุดอ่อนของค่ายกลนี้พบ และใช้พลังของชั้นจำกัดธาตุตรงกันข้ามควบคุมไว้ได้ คนผู้นั้นก็ละทิ้งชั้นจำกัดด้านนอกไป และนำพลังทั้งหมดไปป้องกันชั้นจำกัดที่อยู่ด้านใน”
“ความหมายของศิษย์น้องคือ ค่ายกลนี้ยังไม่ถูกทำลายโดยสมบูรณ์ และคนเผ่าเจ้าสมุทรผู้นั้นรีบชิงทิ้งชั้นจำกัดด้านนอกไปก่อน ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ จะทำลายชั้นจำกัดด้านในได้ยากขึ้นใช่หรือไม่?” ชายแซ่เหลยเองก็โบกมือไปบนอากาศ อสรพิษอัสนีตัวนั้นเคลื่อนไหวทีเดียวก็หล่นลงมาบนมือของเขา และกลายเป็นดาบสั้นสีเงิน ขณะเดียวกันเขาก็ขมวดคิ้วถามออกไป
“อันนี้ข้าก็ไม่แน่ใจมากนัก ข้าต้องเห็นชั้นจำกัดด้านในกับตาตัวเองถึงจะตัดสินได้” ผู้อาวุโสกล่าว
“ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็เข้าไปก่อนเถอะ! ใช่สิ! ศิษย์น้องเว่ย เจ้าแจ้งข่าวศิษย์หลานไป๋ให้มาหาพวกเราสักหน่อย! มีเรื่องบางอย่างที่ต้องสอบถามจากตัวเขาเล็กน้อย” ชายฉกรรจ์แซ่เหลยนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้จึงกล่าวออกไป
“ไม่มีปัญหา ข้าจะส่งข่าวให้ศิษย์หลานไป๋เดี๋ยวนี้” ชายผิวดำได้ยินก็กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
จากนั้นก็หยิบแผ่นค่ายกลกลมๆ ออกมาจากตัว หลังจากที่ใช้มือข้างหนึ่งวาดอะไรบางอย่างลงไปบนนั้นแล้ว ก็เก็บมันเข้าไปอย่างไม่รู้ไม่ชี้
ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ในห้องลับ พลันได้ยินเสียงดังหวึ่งๆ
เขาลืมตาทั้งสองขึ้นมาทันที พอสะบัดแขนเสื้อออกไป แผ่นค่ายกลก็ปรากฏอยู่บนมือ มันค่อยๆ สั่นไหวอยู่ไม่หยุด ขณะเดียวกันก็มีอักขระสีเงินปรากฏออกมาบนพื้นผิวของมัน
หลิ่วหมิงมองไปไม่กี่ที ก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา จากนั้นก็เก็บแผ่นค่ายกลพร้อมกับลุกขึ้นผลักประตูแล้วเดินออกไปจากห้องลับ
แต่พอเขาเดินเข้ามาในห้องโถง ก็เห็นหูชุนเหนียงเดินออกมาจากห้องนอนด้วยความตกใจระคนดีใจ และกำลังเดินเข้ามาหาเขา
“ศิษย์น้องไป๋ ผู้อาวุโสนิกายจันทราสวรรค์มาถึงเสวียนจิงแล้ว ข้าเตรียมจะไปรับพวกเขา” พอนางเห็นหลิ่วหมิงก็กล่าวออกมาอย่างไม่ลังเล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา