ทันใดนั้น ต่งไทเฮาก็โบกสะบัดคทาหยกปล่อยแสงบุปผาสีขาวออกมาเป็นจำนวนมาก จนทำให้หูชุนเหนียงร่นถอยออกไปไกลหลายก้าว จากนั้นร่างของนางก็เคลื่อนไหวไม่กี่ที แล้วไปปรากฏตัวอยู่ข้างตัวเสวียนจื้อ
“ลูกจื้อ ดูเหมือนว่าถ้าไม่ใช่วิธีนั้นจะไม่ได้แล้ว รีบแสดงออกมาเถอะ! ถ้าช้าไปล่ะก็ เกรงว่าหลินเส่าจะไม่สามารถยืนหยัดได้นาน” ต่งไทเฮารีบพุ่งมาหาเสวียนจื้อแล้วด้วยท่าทีรีบร้อน
“เสด็จแม่ ข้าต้องใช้เคล็ดวิชานี้จริงๆ หรือ! ดูเหมือนจะยังไม่ถึงขนาดต้องใช้มัน และถ้าข้าใช้มันล่ะก็ จะมีผลข้างเคียงไม่น้อย” เสวียนจื้อทำท่ามือด้วยสองมือ เพื่อควบคุมอสูรสองตัวให้ล้อมโจมตีอยู่ไม่หยุด พอได้ยินเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าลังเลออกมาอย่างอดไม่ได้
“เจ้าโง่! เจ้าดูไม่ออกหรือ อีกไม่นานเจ้าเด็กที่เก่งที่สุดคนนั้นก็จะทำลายค่ายกลและออกมาได้แล้ว คู่ต่อสู้ของจวี้เจิงก็ไม่ธรรมดา ไม่สามารถจัดการได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ถ้าพลาดโอกาสอันดีตรงรงหน้านี้ไป พวกเราแม่ลูกก็จะตายอย่างไร้ที่ฝัง เจ้าไม่ต้องกังวลว่าแสดงวิชาออกมาแล้วอายุขัยจะลดลง กลับไปเผ่าแล้วข้าจะบอกปู่จะของเจ้าให้ใช้โอสถจิตวิญญาณช่วยฟื้นฟูกลับมาดังเดิม” ต่งไทเฮาขมวดคิ้วกล่าว
พอเสวียนจื้อได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกเย็นยะเยือกในใจ เขากวาดสายตามองไปด้านค่ายกลอักขระโลหิตกับทางด้านหลิ่วหมิงทีหนึ่ง แล้วค้นพบว่าที่ต่งไทเฮาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ถึงได้กัดฟันตอบรับกลับไป
“ได้! ถ้าอย่างนั้นลูกจะแสดงมันเดี๋ยวนี้!”
พอกล่าวจบ เสวียนจื้อก็ดึงกริชที่แผ่ไอเย็นสะท้านออกมาจากเอว และกรีดลงบนแก้มทั้งสองอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นโลหิตก็ม้วนตัวออกมาจากผิวหนัง
“ดีมากลูกรัก! ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง!” ต่งไทเฮารู้สึกดีใจมาก นางหยิบยันต์สีต่างๆ ออกมาจากอก และแปะลงบนตัวเสวียนจื้อภายในอึดใจเดียว
ทันใดนั้นแสงหลากสีก็แผ่ออกมาจากร่างเสวียนจื้อ มันคือยันต์คุ้มกันจำนวนหนึ่ง
เมื่อเสวียนจื้อเก็บกริชเข้าไป ก็ใช้นิ้วทั้งสิบจุ่มโลหิตแล้ววาดอักขระรูปสี่เหลี่ยมประหลาดๆ บนหน้าผากอย่างชำนาญ ขณะเดียวกันปากก็ร่ายคาถาโบราณที่ไม่รู้ชื่อออกมา
เวลาต่อมา อักขระที่อยู่บนหน้าผากของเสวียนจื้อก็เปล่งประกาย ขณะเดียวกันกล้ามเนื้อก็นูนขึ้นมา จนทำให้ทั่วทุกส่วนของร่างกลายเป็นสีแดงไปทั้งหมด
“ฟู่!”
เสวียนจื้อกลายร่างเป็นเผ่าเจ้าสมุทรที่มีรูปร่างครึ่งคนครึ่งมัจฉา ขณะเดียวกันโลหิตจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากทั่วทุกส่วนของร่างกาย ราวกับว่ามันเป็นฝนโลหิต และในขณะเดียวกัน กลิ่นไอป่าเถื่อนวังเวงอย่างบอกไม่ถูก ก็ทะลักออกมาจากอักขระสีเลือดบนหน้าผากเขา และเต็มไปด้วยอานุภาพน่าเกรงขามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ขณะนี้เสวียนจื้อยกแขนขึ้นมา และชี้นิ้วไปทางต่งไทเฮา
ทันใดนั้นกลิ่นไออันป่าเถื่อนวังเวงบนร่างเขาก็ทะลักออกมา และพุ่งไปยังร่างของต่งไทเฮาราวกับม้าที่บังเหียนหลุด
พริบตาที่ร่างของหญิงใบหน้างดงามที่ถูกโลหิตรดไปทั่วตัว ได้สัมผัสกับกลิ่นไออันป่าเถื่อนวังเวงนี้ นางก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมา หลังจากกลิ้งไปตามพื้นแล้ว ก็กลายร่างเป็นเผ่าเจ้าสมุทร ครึ่งมนุษย์ครึ่งมัจฉา
แต่ต่งไทเฮาที่กลับคืนรูปร่างเดิมภายใต้ผลกระทบของกลิ่นไอที่น่าเกรงขามนี้ กลับขยายร่างอยู่ไม่หยุด พริบตาเดียวก็มีขนาดใหญ่มหึมา และก็ดีดตัวขึ้นมายืนอีกครั้ง
หญิงใบหน้างดในตอนนี้ แม้จะพอมองออกว่าเป็นต่งไทเฮาอยู่บ้าง แต่เกล็ดบนร่างกลายเป็นสีเงินจางๆ ขณะเดียวกันก็มีดวงตาปีศาจดวงที่สามโผล่มาระหว่างคิ้ว
“ฮ่าๆ นี่คือการเปลี่ยนร่างเป็นไห่เจีย ที่แท้ก็แข็งแกร่งกว่าที่เล่าลือมาก ข้าแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านั้นไม่รู้ตั้งเท่าไหร่” ไห่เจียที่ต่งไทเฮากลายร่างมา ยื่นสองแขนออกไปดู แล้วแหงนหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
หูชุนเหนียงที่เพิ่งจะจัดการกับแสงบุปผาสีขาวตรงหน้าได้ ก็คิดจะพุ่งเข้ามาหาต่งไทเฮา แต่พอได้เห็นฉากนี้ ก็ชะลอฝีเท้าลงด้วยความรู้สึกเย็นสะท้าน
และหลังจากที่เสวียนจื้อแสดงวิชาออกมาสำเร็จ อสูรสองตัวที่ไม่มีคนควบคุมก็ถูกเฝิงหลงใช้แท่งกระดูกดำทั้งสามโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดมันก็โจมตีจนทั้งสองสลายไป
แต่พอเขาเห็นรูปร่างขนาดใหญ่ของต่งไทเฮาในตอนนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป ทันใดนั้นก็ถอยตัวไปอยู่ข้างหูชุนเหนียง
ทั้งสองเพียงแค่สบตากันทีหนึ่ง ก็ตัดสินใจร่วมมือกันจัดการศัตรู จากนั้นจึงมองมาที่สัตว์ประหลาดยักษ์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เสด็จแม่ ที่เหลือคงต้องให้ท่านจัดการแล้ว ลูกไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีก” ขณะเดียวกันเสวียนจื้อที่แสดงวิชาเสร็จ ก็ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วมองไปยังต่งไทเฮาก่อนกล่าวออกมา หลังจากนั้นก็ล้มลงไปนั่งกับพื้น
ในขณะเดียวกัน ฝนโลหิตมี่พุ่งออกจากตัวเขาก็หยุดลง กลิ่นไออันป่าเถื่อนวังเวงที่เหลือก็หายไปจนหมดสิ้น
“วางใจเถอะ! ตอนนี้ข้าเปลี่ยนร่างตามคำเล่าลือได้สำเร็จแล้ว อีกไม่นานต่อให้มนุษย์เล็กๆ เหล่านี้จะรวมตัวกัน ก็ไม่อาจต้านทานข้าได้” ต่งไทเฮากล่าวด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก จากนั้นมือทั้งสองก็ตบไปยังด้านหน้า
“ตู๊ม!”
คลื่นทะเลสีน้ำเงินพุ่งออกจากมือทั้งสอง หลังจากที่มันรวมตัวกันภายในพริบตาเดียว ก็กลายเป็นตรีศูลสีน้ำเงินขนาดใหญ่อันหนึ่ง
ต่งไทเฮาคว้าเอาตรีศูลมาถือไว้ พอโบกมันเล็กน้อย แสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นบริเวณนั้น พริบตาเดียวก็กลายเป็นน้ำทะเลหมุนวนอยู่รอบตัวนาง
หูชุนเหนียงกับเฝิงหลงเห็นเช่นนี้ก็สะดุ้งโหยง และลงมือพร้อมกันในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา