ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 226

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 226 สมบัติของราชวงศ์ก่อน
ตอนที่ 226 สมบัติของราชวงศ์ก่อน
โดย
Ink Stone_Fantasy
มันคือผลึกหินสีแดงเลือดขนาดเท่ากำปั้น และพอนำออกมา มันก็กลิ่นคาวเลือดอย่างเข้มข้น

“เยี่ยมไปเลย! ของสิ่งนี้ยังอยู่ และยังไม่ถูกผู้แข็งแกร่งของนิกายเหล่านั้นค้นพบ หมายเลขสอง ไม่เสียทีที่พวกเราซ่อนมันไว้ที่นี่” เงาร่างสูงใหญ่เห็นเช่นนี้ก็กล่าวด้วยความดีใจ

พอหลิ่วหมิงที่แอบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ได้ยินคำว่า ‘หมายเลขสอง’ ก็รู้สึกตกตะลึงในทันที เขาแอบคิดในใจว่ามันคงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอก คิดไม่ถึงว่าจะพบปลาที่หลุดจากแหไปได้ในสถานที่แห่งนี้

“เฮ่อๆ! มันแน่อยู่แล้ว ผลึกโลหิตก้อนนี้หล่อหลอมมาจากโลหิตขององค์ชายและอ๋องเหล่านั้น ครั้งนี้จะสามารถเปิดกรุสมบัติได้หรือไม่นั้น ต้องอาศัยของสิ่งนี้แล้ว จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่ามีคนหลอกใช้อำนาจของเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ เพื่อตามหาเบาะแสขององค์ชายและพระนัดดาเหล่านั้น จนพวกเราต้องนำของสิ่งนี้มาซ่อนไว้ที่นี่ล่ะก็ คงไม่ต้องรอเวลาเป็นเดือนกว่าๆ เช่นนี้” เงาร่างอ้วนประคองผลึกโลหิตในมือ และกล่าวอย่างหงุดหงิด

“ชั้นกำจัดบดบังนี้ ข้าใช้เวลาครึ่งปีถึงวางมันได้สำเร็จ ต่อให้อาจารย์จิตวิญญาณเหล่านั้นจะแสดงวิชาออกมาเอง ก็ไม่สามารถรับรู้ถึงความผิดปกติของสถานที่แห่งนี้ได้ จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่นำมันมาซ่อนไว้ที่นี่ ตอนที่ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นเยื้องกรายมาถึง พวกเราก็คงไม่มีใครกล้าพกมันติดตัว” เงาร่างสูงใหญ่กล่าวออกมา

“มันก็ใช่ แต่นี่ก็ยืนยันได้ว่าหมายเลขสามไม่ได้เผยความลับของเราออกไป น่าเสียดายจริงๆ! เดิมทีเขาก็คิดจะหลบซ่อนตัวเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าผู้แข็งแกร่งของนิกายเหล่านั้นจะลงมืออย่างรวดเร็ว จนเขาต้องจนมุมอยู่ในรังเช่นนี้ ข้าเองก็ออกมาก่อนหมายเลขสามครึ่งชั่วยามกว่าๆ เท่านั้น มิเช่นนั้นสมบัติของราชวงศ์ก่อนคงตกอยู่ในมือหมายเลขหนึ่งท่านคนเดียวแล้ว” เงาร่างค่อนข้างอ้วนพยักหน้า และถอนหายใจก่อนกล่าวออกมา

“หมายเลขสอง พวกเราไม่ใช่ปลอดภัยแล้วหรอกหรือ ใยต้องกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาด้วยเล่า แต่ข้ากลับแปลกใจยิ่งกว่า ทำไมเจ้าถึงรู้ว่าเชื้อพระวงศ์ในปัจจุบันเป็นสายโลหิตเดียวกับราชวงศ์ก่อน เรื่องเกี่ยวกับสมบัติที่ซ่อนอยู่ ก็เป็นเจ้าที่เป็นฝ่ายบอกพวกเราทั้งสองก่อน จากนั้นถึงได้รวมตัวกันก่อตั้งพรรควิญญาณมืดขึ้นมา แต่ก่อนข้ากับหมายเลขสามถามเจ้า เจ้าก็ไม่เคยเปิดเผยเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้หมายเลขสามก็ไม่อยู่แล้ว เจ้าคงเปิดเผยกับข้าได้แล้วนะ” ตอนแรกชายร่างสูงใหญ่ก็ตอบกลับไปอย่างราบเรียบ หลังจากนั้นถึงได้ถามออกไปด้วยตาที่เป็นประกาย

“ฮึ! หมายเลขหนึ่ง เจ้ามีความอยากรู้อยากเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่อาจปิดบังได้ เพราะว่าในร่างของข้ามีโลหิตที่แท้จริงของราชวงศ์ก่อนอยู่ ที่จริงแล้วเชื้อพระวงศ์ในตอนนี้ ก็เป็นแค่ทายาทของราชนิกูลจำนวนหนึ่งของราชวงศ์ก่อนหน้าเท่านั้น และมีสายโลหิตค่อนข้างห่างกัน ในปีก่อนที่นิกายทั้งห้าค้นพบว่าราชสำนักคิดจะฝึกฝนอาจารย์จิตวิญญาณของตนเอง ถึงได้เปลี่ยนราชวงศ์ และสนับสนุนเจ้าคนทรยศนี้ มิเช่นนั้น ลำพังแค่กำลังของพวกเขาจะยึดครองบัลลังก์จักรพรรดินี้ได้อย่างไร สมบัติที่ซ่อนอยู่นี้ถูกทิ้งไว้เพื่อป้องกันเหตุที่คาดไม่ถึง เดิมทีขอแค่เป็นลูกหลานเชื้อพระวงศ์โดยตรง ก็สามารถใช้โลหิตบนตัวของคนผู้นั้นเปิดผนึกชั้นสุดท้ายได้อย่างเหลือเฟือ แต่น่าเสียดายที่เวลาในตอนนี้ห่างจากราชวงศ์ก่อนนานเกินไป โลหิตในร่างข้าก็ไม่ค่อยบริสุทธิ์ ดังนั้นมันจึงได้ผลลัพธ์ไม่ค่อยมาก ตอนนี้คงต้องยืมโลหิตขององค์ชายและพระนัดดาทั้งหลายแล้ว!” ชายร่างอ้วนเงียบไปพักหนึ่งก่อนกล่าวออกมา

“ที่แท้เจ้าก็เป็นทายาทของราชวงศ์ก่อน มิน่าเล่า! แต่ฟังจากน้ำเสียงของเจ้า ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับการถูกโค่นล้มอำนาจของราชวงศ์ก่อน ทั้งยังนำสมบัติของราชวงศ์ก่อนมาแบ่งให้คนนอกอย่างพวกเรา” เงาร่างสูงใหญ่ได้ยินแล้วก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปมา แต่ในที่สุดก็ยิ้มแห้งๆ และกล่าวออกมา

“ฮึ! พวกโง่ในราชวงศ์ก่อนนั้นไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของนิกาย คิดไม่ถึงว่าจะอาศัยแค่พลังของคนธรรมดาทำการโค่นล้มนิกายทั้งห้า ช่างรนหาที่ตายแท้ๆ แล้วใยข้าต้องแค้นเคืองด้วยเล่า อีกอย่างเวลาผ่านมานานเช่นนี้ สำหรับข้าแล้วการกลายเป็นอาจารย์จิตวิญญาณเป็นเรื่องสำคัญที่สุด น่าเสียดายที่พลังของข้าแค่คนเดียวไม่อาจคลายชั้นจำกัดนี้ได้ จึงต้องให้พวกเจ้ามาช่วย แม้ต้องแบ่งสมบัติเหล่านี้กับพวกเจ้าเท่าๆ กันข้าก็เต็มใจ เอาล่ะ! ข้าได้บอกความลับสุดยอดให้เจ้าแล้ว เจ้าคงวางใจได้แล้วสินะ หมายเลขหนึ่ง ไปกันเถอะ! พวกเราโอ้เอ้อยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว หลังจากนำสมบัติออกมาแบ่งกันเสร็จ พวกเราต่างก็ควรแยกย้ายไปทางใครทางมัน” ชายร่างอ้วนกล่าวอย่างราบเรียบ

“เฮ่อๆ! ได้! เพียงแค่มีหินจิตวิญญาณที่เพียงพอ ข้ากับเจ้าก็สามารถซื้อไอปีศาจได้ ต่อให้จะอายุมากแล้ว แต่ถ้าลองดูหลายๆ ครั้ง จะต้องมีความหวังในการกลายเป็นอาจารย์จิตวิญญาณอย่างแน่นอน” ครั้งนี้เงาร่างสูงใหญ่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่พูดจาไม่กี่ประโยคแล้วก็ลอยนำหน้าออนอกจวนอ๋องไปก่อน

เงาร่างหมายเลขสองเห็นเช่นนี้ ก็เก็บผลึกโลหิตในมือแล้วขยับตัวตามไปติดๆ

บังเกิดเสียงดังเบาๆ!

ดูเหมือนว่าหลิ่วหมิงจะลอยลงมาจากใบไม้บนต้นไม้ยักษ์ เขามองไปยังทิศทางที่ทั้งสองนั้นจากไป และหันกลับไปมองหอที่อยู่ไม่ไกลทีหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขามีความลังเลอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากคิดใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็พูดกับตัวเองเบาๆ

“ช่างเถอะ! ไหนๆ ก็รอมานานขนาดนี้แล้ว รออีกสักวันครึ่งวันจะเป็นไรไปเล่า ตามสองคนนี้ไปดูก่อนว่าสมบัติของราชวงศ์ก่อนคืออะไรแล้วค่อยว่ากัน”

เมื่อพูดจบ หลิ่วหมิงควักยันต์สีเหลืองออกมาผืนหนึ่งแล้วแปะลงบนตัว ทันใดนั้นอักขระสีเทาก็ปรากฏออกมาก่อนที่จะหายวับเข้าไปในตัวของเขา

ยันต์ผืนนี้ไม่ใช่ยันต์ซ่อนตัวธรรมดาทั่วไป แต่เป็นยันต์ที่สามารถอำพรางจิตรับรู้ของศิษย์จิตวิญญาณทั่วไปได้ แม้ว่าจะไม่อาจซ่อนตัวได้จริงๆ แต่สามารถระงับกลิ่นไอให้อยู่ในระดับที่ต่ำสุดได้ ขณะเดียวกันร่างกายก็ถูกปกคลุมด้วยภาพมายามหัศจรรย์ และกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

เพียงแค่เขารักษาระยะห่างที่แน่นอนกับศิษย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ไว้ และเพิ่มความระมัดระวังให้มากหน่อย ก็ไม่ต้องกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามจะสังเกตเห็น

ครู่ต่อมาร่างของหลิ่วหมิงก็ดำมืดขึ้นมา ก่อนที่จะกลายเป็นเงาสีเทาจางๆ จนเกือบจะกลืนไปกับความมืด

หลิ่วหมิงขยับตัวตามไปโดยไร้สุ้มเสียง

สองคนตรงหน้าระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก พอออกจากจวนอ๋องก็รีบแสดงวิชาซ่อนตัวทันที จากนั้นก็เดินไปตามทางเปลี่ยวเล็กๆ

หากไม่ใช่เพราะว่าหลิ่วหมิงเป็นคนที่มีจิตรับรู้แข็งแกร่งมากเป็นพิเศษล่ะก็ คงคลาดกับคนทั้งสองไปหลายครั้งแล้ว

ชั่วเวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งมื้อข้าว หลิ่วหมิงก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

ดูเหมือนว่าทิศทางที่ทั้งสองไปนั้น จะเป็นเขาเซียนทอแสงที่เขาจากมา

หรือว่า ‘สมบัติของราชวงศ์ก่อน’ ที่พูดถึงจะอยู่ในเขาเซียนทอแสง แต่พอคิดๆ ดูแล้ว เขาเซียนทอแสงเป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับผู้ฝึกฝนในเสวียนจิงมากที่สุด ถ้าสมบัติของราชวงศ์ก่อนถูกซ่อนอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่

หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังระมัดระวังตัวอยู่ทุกขณะ

โชคดีที่ทั้งสองไม่กล้าเหาะในเสวียนจิง มิเช่นนั้นคงไม่สามารถตามติดได้เช่นนี้

แต่พอหลิ่วหมิงเห็นยอดเขาสูงใหญ่บนเขาเซียนทอแสงแล้ว เงาร่างทั้งสองก็หายวับเข้าไปในบ้านที่ไม่ค่อยเตะตาในบริเวณนั้น

ตอนแรกหลิ่วหมิงก็ตกตะลึง แต่ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา