สรุปตอน ตอนที่ 228 – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
ตอน ตอนที่ 228 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าบ้าไปแล้ว! แค่วิญญาณรับใช้ตนหนึ่งเท่านั้น อย่าให้มันทำลายเรื่องใหญ่ของเรา อสูรจิตวิญญาณของข้าก็ถูกมันฆ่าไปแล้วมิใช่หรือ” ชายชุดดำรูปร่างสูงใหญ่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รีบเตือนสหายด้วยความตกใจ
และหัวบินอาศัยโอกาสนี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่ออ้อมวงกลมขนาดใหญ่ไปหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงยกแขนเสื้อขึ้นมา ทำให้เข็มเงาหยกจมหายเข้าไปในนั้น และจ้องมองทั้งคู่ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“เจ้าจะรู้อะไร ดรุณีราตรีเป็น……ช่างเถอะ พูดเรื่องนี้กับเจ้าก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ข้าอยากถามเจ้าว่าจะยอมช่วยข้าจัดการเจ้าเด็กคนนี้หรือไม่?” ชายเงาร่างสูงใหญ่ดึงผ้าบนใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าโหดเหี้ยมของชายวัยกลางคนที่กำลังพูดอยู่
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กคนนี้เป็นแค่ศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายก็สามารถควบคุมอาวุธจิตวิญญาณได้สองชิ้น เกรงว่าต่อให้ข้าร่วมมือด้วยก็ไม่อาจฆ่ามันได้ คุยกับเขาก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ชายชุดดำร่างอ้วนตาเป็นประกาย และเริ่มอยากให้อีกคนมาช่วย
“ฮึ! เพียงแค่ช่วยข้าฆ่าเจ้าเด็กนี่ได้ ข้าจะเอาสมบัติแค่หนึ่งในสาม ส่วนที่เหลือจะเป็นของเจ้า” ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กัดฟันกล่าวออกมา
“เป็นเรื่องจริงหรือ?”พอชายร่างอ้วนได้ยิน ตาทั้งสองก็เป็นประกายขึ้นมา
“เจ้ากับข้าร่วมมือกันมานานเช่นนี้ ข้าเคยผิดคำพูดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เจ้าไม่ต้องไม่ต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว แสดงฝีมือที่ซ่อนไว้ออกมาเถอะ ระดับฝึกฝนของเจ้าสู้ข้าไม่ได้ แต่ยังกล้ามาเปิดกรุสมบัติกับข้าที่นี่ จะต้องมีที่พึ่งอย่างแน่นอน” ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กล่าวด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะรับปากเจ้า เดิมทีสมบัติก็ได้มาจากสถานที่อันตรายอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ข้าแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาล่ะก็ เจ้าก็งัดไม้ตายของเจ้าออกมาด้วยเถอะ มิเช่นนั้น……” รอยยิ้มของหายร่างอ้วนหายไปก่อนที่กล่าวออกมา
“เจ้าไม่ต้องบอกข้า ข้าจะไม่ยั้งมือโดยเด็ดขาด” ชายรูปร่างสูงใหญ่กล่าวออกมาด้วยความเคียดแค้น จากนั้นก็ฉีกชายเสื้อด้านหน้าออก เผยให้เห็นหน้าอกสีแดงที่เปลือยโล่งแจ้ง
ชายร่างอ้วนกวาดสายตามองดูแล้วก็ต้องสูดหายใจเข้าด้วยความเย็นสะท้าน
หลิ่วหมิงเขม้นมองแล้วก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
บนหน้าอกของชายรูปร่างสูงใหญ่มีรูปปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวประทับอยู่
ปีศาจหน้าดำฟันยื่นในรูปนั่งอยู่บนพื้น และกำลังฉีกทึ้งท่อนขาที่มีโลหิตสดๆ ไหลออกมา ศพสภาพไม่สมบูรณ์ของผู้หญิงวางอยู่บนพื้น
รูปภาพราวกับมีชีวิต ทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกเย็นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
“ภาพปีศาจ! เจ้าช่างกล้าใช้วิญญาณของญาติมาทำเป็นเคล็ดวิชาที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวนางไม่ได้เกิดใหม่หรือ?” หลิ่วหมิงค่อยๆ พูดถึงที่มาของภาพปีศาจ
นิกายปีศาจเป็นนิกายใหญ่ที่ฝึกฝนพลังเกี่ยวกับปีศาจ ดังนั้นเคล็ดวิชาปีศาจอันโหดเหี้ยมต่างๆ ย่อมมีบันทึกอยู่
ถึงแม้ว่าพลังประเภทนี้จะมีอานุภาพเป็นอย่างมาก แต่วิธีการฝึกฝนนั้นเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง และยังมีผลข้างเคียงไม่สิ้นสุด ดังนั้นทางนิกายปีศาจย่อมไม่ให้ศิษย์ในนิกายฝึกฝนวิชานี้
“เจ้าเด็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะรู้จักวิชาภาพปีศาจด้วย! ข้าเพียงแค่อยากได้สิ่งที่ต้องการในชาตินี้ ไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร” ชายรูปร่างสูงใหญ่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็อ้าปากพ่นหมอกโลหิตลงบนหน้าอกตนเอง
ฉากอันน่าตกใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว
พริบตาที่หมอกโลหิตโดนหน้าอก ภาพปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวที่ดูราวกับสิ่งไร้ชีวิตก็เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมา
จากนั้นหมอกโลหิตก็ม้วนตัวออกมา
“ตู๊ม!”
ปีศาจยักษ์ที่มีสีแดงเลือดไปทั้งตัว มีเขาสูงสามจั้งตนหนึ่งได้ปรากฏออกมาตรงหน้าชายรูปร่างสูงใหญ่ ในมือของมันยังถือท่อนขาของผู้หญิงอยู่ และปากก็เคี้ยวอยู่ไม่หยุด
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ทำเสียงฮึดฮัด และจับกระบี่จันทราหยกในมือให้แน่นมากขึ้นกว่าเดิม
“วิเศษจริงๆ! คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฝึกฝนวิชาภาพปีศาจ ได้ยินมาว่าเมื่อฝึกฝนวิชานี้จนถึงขั้นสุดแล้ว สามารถสร้างราชาปีศาจขึ้นมาได้! เฮ่อๆ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าเองก็จะไม่ปกปิดอีกต่อไป”
ชายร่างอ้วนรู้สึกตกใจมาก และหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ไม่เห็นเขาแสดงวิชาอะไรออกมา แต่ไหล่ข้างหนึ่งได้นูนขึ้น หลังจากมีเสียงตะคอกออกมาอย่างเจ็บปวดแล้ว หัวพยัคฆ์ที่นองไปด้วยเลือดก็ปรากฏขึ้นบนไหล่ข้างหนึ่ง
ขณะเดียวกัน เสื้อผ้าส่วนล่างของเขาก็ฉีกขาดออกมา แขนสองข้างที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยยื่นออกมาจากในนั้น
“วิชาผสานร่างอสูร”
พอหลิ่วหมิงเห็นฉากเช่นนี้ ก็คิ้วขมวดมากขึ้นกว่าเดิม
แม้เขาจะรู้ว่าผู้นำของพรรควิญญาณมืดทั้งสองคน ต่างก็ไม่ใช่ผู้ฝึกฝนนอกรีตธรรมดา แต่ก็คาดไม่ถึงว่าทั้งสองจะฝึกฝนวิชาประหลาดเช่นนี้
“เฮ่อๆ! เจ้าเด็กน้อย เดิมทีข้าก็ไม่อยากใช้วิธีนี้ แต่ดูเจ้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ทั้งยังควบคุมหัวบินในตำนานได้ด้วย ข้าจึงต้องทำเช่นนี้” ผ้าปิดหน้าของชายร่างอ้วนที่มีสี่แขนสองหัวในตอนนี้ ได้หลุดออกมาในพริบตาที่เปลี่ยนร่าง เผยให้เห็นใบหน้าอ้วนกลมที่ดูสุภาพอ่อนโยน แต่หลังจากที่ศีรษะใหม่ขยับตัวแล้ว ก็เอ่ยปากที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดออกมา
ปีศาจยักษ์เคลื่อนไหวติดต่อกัน ปรากฏตัวขาดๆ หายๆ บนพื้น เพื่อตามติดหลิ่วหมิงอย่างไม่ลดละ ถึงแม้มันจะถูกปราณกระบี่ฟันเป็นครั้งคราว แต่หลังจากร่างของมันพร่ามัวแล้ว ก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงร้องทุกข์ออกมาอยู่ไม่หยุด
ส่วนหัวบินมีไอศาจพวยพุ่งรอบตัว และกำลังต่อสู้กับชายร่างอ้วนโดยที่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครอยู่เหนือใคร
แต่พอปีศาจยักษ์พุ่งขึ้นจากใต้ดินอีกครั้ง กระบี่สั้นสีเขียวของหลิ่วหมิงก็หายไปแล้ว และถูกแทนที่ด้วยกระบอกสีแดงอันหนึ่ง
“แกร๊ก” ตาข่ายแวววาวแผ่คลุมออกมา
ปีศาจยักษ์ไม่ทันได้ป้องกัน ถึงคิดจะหลบหลีกก็ทันไม่การแล้ว
หลังจากมันคำรามออกมาด้วยความโมโห ก็ถูกตาข่ายปกคลุมไว้อย่างแน่นหนา ขณะเดียวกันไอเย็นสะท้านได้ม้วนตัวออกมา และน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นบนพื้นผิว ทำให้มันเคลื่อนตัวได้ยากขึ้น
หลิ่วหมิงดีใจที่เห็นเช่นนี้ พอเขายกแขนเสื้อขึ้น โซ่สีเงินก็ดีดออกไปอีกครั้ง หลังจากที่มันพร่ามัว ก็รัดพันปีศาจยักษ์ไว้อย่างแน่นหนา
ต่อมาเขาทำท่ามือด้วยมือเดียว ลูกเปลวไฟสีแดงพวยพุ่งขึ้นมาในมือ และขยายใหญ่เท่าอ่างน้ำในพริบตาก่อนที่จะเล็งเข้าไปหาปีศาจยักษ์ที่ถูกรัดพันไว้
พอชายร่างสูงใหญ่ที่อยู่ไกลๆ เห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เขารีบทำท่ามือในทันที ม่านน้ำแข็งตรงหน้าสลายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น ธนูเล็กสีแดงกับลูกธนูจำนวนมากปรากฏออกมา และเขาก็ยกขึ้นยิงหลิ่วหมิงติดต่อกัน
แต่ขณะนั้นเอง เงาร่างสีดำก็กระโดดออกมาจากพื้นตรงด้านหลังเขา มันขยับก้ามยักษ์หนีบขาข้างหนึ่งของเขาไว้ ขณะเดียวกันหางตะขอตรงหลังก็สั่นไหว เส้นสีดำสิบกว่าเส้นกระพริบผ่านไป และเจาทะลุขาข้างหนึ่งของเขา
มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้นมา!
ชายรูปร่างสูงใหญ่ก้มมองด้วยความตกใจระคนโมโห รูสีดำเล็กๆ สิบกว่ารูโผล่ขึ้นบนขา ไอดำกลุ่มหนึ่งม้วนตัวจากพื้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันอาการคันแปลกประหลาดก็ลุกลามขึ้นมาจากขา
ด้วยระดับความรู้ของชายรูปร่างสูงใหญ่ ทำไมจะไม่รู้ว่าตนเองโดนพิษแปลกประหลาดเข้าแล้ว และในช่วงเวลานั้นก็ไม่มีโอสถใดๆ ที่สามารถรักษาได้
แต่ก็นับว่าเขาเป็นสิงห์ร้ายที่มีความเห่อเหิมทะเยอทะยาน หลังจากที่สีหน้าเขาเปลี่ยนไป เขาก็ขยับแขนในทันที เล็บอันแหลมคมงอกออกจากนิ้วมือนิ้วหนึ่ง จากนั้นก็กรีดลงบนหัวเข่าอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
……………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา