แม้ว่าเสียงจะไม่ดังมาก แต่พริบตาที่เขาอ้าปาก แสงลูกกลมๆ สีมืดครึมก็ถูกพ่นออกมา
เข็มเงาหยกแทงเข้าไปในแสงลูกกลมๆ และค่อยๆ หยุดชะงักลง
ชายหนุ่มร่างผอมบางอาศัยโอกาสนี้หันศีรษะจนหลบเข็มเงาหยกไปได้
ขณะนั้นเองหลิ่วหมิงที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ก็กระทืบเท้าลงพื้นในฉับพลัน ร่างของเขาพุ่งเข้ามาราวกับลูกธนู พอเคลื่อนไหวเพียงแค่ทีเดียวก็มาถึงข้างชายหนุ่มร่างผอมบางราวกับปีศาจ พอเขายกแขนขึ้น แท่งวารีสีฟ้าก็พุ่งออกไป
ชายหนุ่มร่างผอมบางมีสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมาในทันที มือข้างที่บีบคมวายุจนแหลกละเอียดก็พร่ามัวไปต้านทานแท่งวารีไว้ ขณะเดียวกันก็หัวเราะอย่างเยือกเย็นก่อนกล่าวออกมา
“คิดจะทำร้ายข้าด้วยวิชาแบบนี้หรือ ฝันไปเถอะ!”
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เผยสีหน้าแปลกๆ ออกมาในฉับพลัน และตีลังกาถอยไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน แท่งวารีสีฟ้าก็ระเบิดตัวออกมาโดยที่ชายหนุ่มร่างผอมบางยังไม่ทันได้บีบมัน
“ตู๊ม!” ไอเย็นประหลาดๆ ม้วนตัวออกไป
สำหรับชายหนุ่มร่างผอมบางแล้ว ไอเย็นแค่นี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ดันมีมุกสีแดงขนาดเท่านิ้วโป้งสามเม็ดโผล่ออกมาจากเศษแท่งวารี
“แย่แล้ว!”
ชายหนุ่มร่างผอมบางเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกตกใจมาก เขาอยากจะทำท่าป้องกันก็สายเกินไปเสียแล้ว
มุกสีแดงทั้งสามระเบิดออกมาพร้อมกันภายใต้แสงสว่างที่เปล่งประกายออกมา
“ตู๊ม!” “ตู๊ม!” “ตู๊ม!”
หมอกเพลิงสามกลุ่มที่อยู่เหนือหลุมขนาดใหญ่ม้วนพุ่งขึ้นฟ้า มันรวมตัวกันเป็นแสงแดดอันเจิดจ้า
แสงแดดเจิดจ้าปกคลุมชายหนุ่มรูปร่างผอมบางกับเก้าอี้สีทองไว้ในนั้น มันแผ่อุณหภูมิสูงจนทำให้พื้นที่บริเวณนั้นดูหรุบหรู่ลงทั้งแถบ
ชายหนุ่มที่อยู่กลางแดดเจิดจ้าร้องออกมาอย่างเวทนา จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นขี้เถ้าภายในพริบตา เหลือทิ้งไว้เพียงโครงกระดูกสีดำราวกับหมึก
แต่โครงกระดูกนี้ก็พยุงตัวอยู่ได้เพียงชั่วครู่ จากนั้นก็ค่อยๆ ละลาย
แต่ขณะนั้นเอง พลันมีเปลวเพลิงสีดำลุกไหม้ขึ้นในเบ้าตาทั้งสอง โครงกระดูกแหงนหน้าแผดเสียงแหลมยาวออกมา เก้าอี้สีทองละลายเป็นของเหลวสีทอง และม้วนตัวเข้าหาโครงกระดูกอย่างรวดเร็ว
พริบตานั้น โครงกระดูกที่ดำมืดราวกับหมึกก็เปล่งประกายสีทองเหลืองอร่ามเจิดจ้า
แต่พริบตาที่โครงกระดูกสีทองหลุดพ้นจากแสงสีแดง ก็มีเงาเคลื่อนไหวตรงหน้า ที่แท้ก็เป็นหลิ่วหมิงที่มาปรากฏตัวอย่างไร้สุ้มเสียง และพอเขายกมือขึ้น สิ่งของสีขาวมัวบางอย่างก็พุ่งออกไป
ที่แท้มันก็คือลูกประคำที่ดูแวววาวเส้นนั้น
แม้ว่าลูกประคำนี้จะไม่ได้ผ่านการปรับแต่งมากนัก แต่พริบตาที่มันเผชิญหน้ากับโครงกระดูกสีทอง ก็มีเสียงภาษาสันสกฤตดังออกมาราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ จากนั้นก็พร่ามัวไปปรากฏอยู่บนคอของโครงกระดูกสีทอง แสงสว่างเปล่งประกายออกมา พริบตาเดียวมันก็กลายเป็นวงแหวนเจ็ดสีขนาดใหญ่รัดคอไว้แน่น
โครงกระดูกสีทองร้องออกมาอย่างเวทนา ควันเหม็นคาวสีดำพุ่งออกจากคอ ทำให้ร่างเขาสั่นไหวอยู่ไม่หยุดจนไม่อาจควบคุมตนเองได้
“ฟู่!”
เข็มเงาหยกหมุนวนหนึ่งรอบ จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในหัวกะโหลก และพุ่งออกมาระหว่างคิ้วของมัน
โครงกระดูกสีทองพยายามสลัดตัวเอาชีวิตรอดอย่างสุดชีวิต ทันใดนั้นเปลวเพลิงสีดำในเบ้าตาก็สลายไป ร่างที่ดิ้นรนอยู่อ่อนแรงลงในทันที
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็มาถึงด้านข้างโครงกระดูก แสงสีขาวเปล่งประกายในมือ คมวายุเส้นหนึ่งปรากฏออกมา เขาขยับแขนอีกครั้งเพื่อฟันคมวายุเข้าใส่หัวกระโหลก
แต่ขณะนั้นเอง เหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป!
โครงกระดูกสีทองที่ดูไร้ลมหายใจ พลันมีเปลวเพลิงสีดำลุกไหม้ในเบ้าตาอีกครั้ง และหลังจากที่หมุนติ้วๆ แล้วก็กลายเป็นไอสีดำสองสายพุ่งออกไป และยังประกอบกันเป็นหน้าปีศาจสีดำที่ดูพร่ามัว
“เจ้าเด็กน้อย ในเมื่อเจ้าทำลายร่างไอปีศาจของข้าไปแล้ว งั้นข้าก็จะใช้ร่างของเจ้ามาชดเชย”
หน้าปีศาจยิ้มอย่างอัปลักษณ์ จากนั้นก็พุ่งมาหาหลิ่วหมิงอย่างพร่ามัว
หลิ่วหมิงย่อมรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันคมวายุสีเขียวในมือก็ฟันหน้าปีศาจอย่างไม่ปราณี
หลังจากแสงสีเขียวกระพริบผ่านไป หน้าปีศาจกลับไม่เป็นอะไรเลย แต่มันกลับพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงท่ามกลางพายุบ้าระห่ำ
หลิ่วหมิงคำรามออกมาด้วยความโมโห ฝ่ามือถูกพลิกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กระบอกเหล็กสีแดงปรากฏออกมา เพียงแค่ได้ยินเสียง “แกร่กๆ!” ตาข่ายแวววาวก็พุ่งออกไป
ตาข่ายกระพริบผ่านร่างหน้าปีศาจ แต่กลับทำอะไรมันไม่ได้เลย
หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก เขาคิดที่จะแสดงวิชาอื่นออกมา แต่ก็ไม่ทันการแล้ว
หน้าปีศาจยืดตัวกลายเป็นไอดำพุ่งไปปะทะกับหลิ่วหมิง
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเย็นสะท้านในทันทีก็คือ ไม่ว่าแขนทั้งคู่จะต้านทานอาวุธใดๆ ก็ตาม มันไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าปีศาจตนนี้ไร้ซึ่งรูปร่าง
หน้าปีศาจหัวเราะออกมาอย่างแปลกประหลาดและคิดจะมุดเข้าไปในร่างหลิ่วหมิง
แต่ขณะนั้นเอง พลันมีแสงสีแดงเปล่งประกายออกมาบนตัวหลิ่วหมิงสิบกว่าแสง พอหน้าปีศาจสัมผัสกับแสงบางอย่าง มันก็ต้องร้องออกมาอย่างเวทนา พริบตาเดียวก็กลายเป็นไอสีดำม้วนตัวถอยไป
มันคือเกราะเกล็ดมังกรที่หลิ่วหมิงสวมอยู่ พอมันรับรู้ได้ว่ามีสิ่งชั่วร้ายเข้ามาใกล้ ก็สำแดงอานุภาพอันน่าตกใจออกมา และโจมตีหน้าปีศาจถดถอยไป
หลิ่วหมิงเห็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ย่อมรู้สึกดีใจมาก เขาอ้าปากพ่นพายุบ้าระห่ำออกมาอย่างไม่ลังเล จนทำให้หน้าปีศาจถูกพัดวนอยู่ที่เดิมไม่หยุด และไม่สามารถเคลื่อนไปที่ได้ในชั่วขณะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา