ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 233

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 233 ไอปีศาจบริสุทธิ์ไร้นาม
ตอนที่ 233 ไอปีศาจบริสุทธิ์ไร้นาม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ลึกลงไปในหลุมใหญ่หลายจั้ง เต็มไปด้วยไอหมอกสีขาวเทา แต่ในนั้นมีไหมดำแวววาวจำนวนหนึ่งผสมปนเปอยู่ แต่ละเส้นเล็กละเอียดราวกับเส้นผม ไม่ว่าไอหมอกจะพวยพุ่งอย่างไรก็ตาม แต่มันยังคงสงบนิ่งอยู่เสมอ ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

“กลิ่นไอนี้คือ……”

หลิ่วหมิงปล่อยพลังจิตไปสัมผัสไหมดำเส้นเล็กละเอียดในหลุมแล้ว ก็แสดงสีหน้าราวกับคิดอะไรอยู่

กลิ่นไอที่แผ่ออกจากไหมดำเหล่านี้ ค่อนข้างคล้ายกับกลิ่นไอในร่างของผีดิบไอปีศาจ ดูท่ามันคงใช้ไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดนี้ชุบร่างไว้ ทำให้ยังคงรักษาสภาพเนื้อหนังไม่ให้เน่าเปื่อยได้

เนื้อหนังมังสาของผีดิบไอผีศาจในก่อนหน้านั้น ต้านทานการโจมตีของอาวุธแหลมคมได้อย่างดีเยี่ยม คิดไม่ถึงว่าจะบีบคมวายุยักษ์จนแหลกละเอียดได้ด้วยมือเดียว ดูท่ามันคงเกี่ยวข้องกับไอปีศาจบริสุทธิ์นี้ แต่ในทางตรงกันข้าม ดูเหมือนว่าไอปีศาจบริสุทธิ์นี้จะถูกการโจมตีประเภทไฟควบคุมไว้ได้ มิเช่นนั้น ผีดิบไอปีศาจในก่อนหน้าคงจะกล้ารับมือกับลูกเปลวไฟยักษ์ และคงไม่ถูกมุกเพลิงอัคคีทั้งสามทำลายเนื้อหนังมังสาได้โดยง่ายดาย

พอหลิ่วหมิงคิดมาถึงจุดนี้ ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ไอปีศาจที่มีข้อบกพร่องมากเช่นนี้ นับว่าเป็นไอปีศาจระดับต่ำในบรรดาไอปีศาจแต่ละชนิด

ไม่ว่ามันจะทวีผลลัพธ์ในด้านอื่นๆ ให้แข็งแกร่งก็ตาม แต่จุดอ่อนที่ชัดเจนเช่นนี้ ถ้าเอามาควบแน่นเป็นปราณแกร่งล่ะก็ ต่อไปถ้าทำการต่อสู้กัน คงถูกคู่ต่อสู้จัดการได้ง่าย และคงเสียชีวิตอย่างง่ายดาย

แต่ไอปีศาจบริสุทธิ์ในหลุมปีศาจเป็นไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดใด และจะมีข้อบกพร่องอย่างที่เขาคาดเดาหรือไม่นั้น ยังคงต้องนำกลับไปตรวจสอบดูก่อนถึงจะรู้ได้

ต่อให้ไอปีศาจบริสุทธิ์นี้จะเป็นไอปีศาจบริสุทธิ์ระดับต่ำ แต่ที่สะสมอยู่ในหลุมปีศาจคงมีไม่ต่ำกว่าสามชุด

ไอปีศาจบริสุทธิ์มากมายเช่นนี้ ต่อให้จะมีข้อบกพร่องมาก แต่ก็เพียงพอที่จะใช้เป็นตัวเลือกหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพราะถ้ามีไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดนี้มากหน่อย มันก็สามารถเพิ่มโอกาสในการควบแน่นปราณแกร่งได้เหมือนกัน

พอหลิ่วหมิงคิดมาถึงจุดนี้ ก็ควักขวดเคลือบที่ดูธรรมดาออกมาจากแขนเสื้ออย่างไม่ลังเล จากนั้นก็โยนลงไปในหลุมและเริ่มทำท่ามือด้วยมือเดียว

ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป ด้านหน้าหลิ่วหมิงเต็มไปด้วยขวดเคลือบที่อัดแน่นด้วยไอปีศาจบริสุทธิ์ห้าใบ

ขณะนี้ ไหมดำในหลุมปีศาจก็ลดน้อยลงไปด้วย

หลิ่วหมิงไม่ได้คิดจะเก็บมันมาทั้งหมด เขาสะบัดแขนเสื้อเพื่อเก็บขวดทั้งห้าใบเข้าไป

จากนั้นก็ค้นดูรอบถ้ำแห่งนี้อีกรอบ

แต่นอกจากหลุมปีศาจตรงกลางถ้ำแล้ว ก็ไม่มีสิ่งของที่น่าสนใจอีกเลย

ดังนั้นหลิ่วหมิงจึงเก็บหัวบินเข้าไปในถุงหนัง และกลับไปยังใจกลางค่ายกล เขาแหงนหน้ามองด้านบนทีหนึ่ง

พอหรี่ตาทั้งสอง กระบี่สั้นสีเขียวก็ฟันขึ้นด้านบนทันที

“ฟู่!”

ม่านแสงปรากฏออกมา มันดีดปราณกระบี่สั้นสีเขียวจนกระเด็นออกไป

ที่แท้ชั้นจำกัดยังคงอยู่

แต่ครั้งนี้ไม่มีคนมาคอยรบกวน หลิ่วหมิงขยับแขนจนดูพร่ามัว ปราณกระบี่สีเขียวฟันขึ้นไปด้านบนติดต่อกัน

ผ่านไปไม่นาน ก็มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ในที่สุดม่านแสงก็ค่อยๆ แตกกระจายออกมา

หลิ่วหมิงหัวเราะ และกลายร่างเป็นเงาก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปด้านบน

“ตุบ!”

เมื่อเท้าทั้งคู่ของหลิ่วหมิงแตะพื้นด้านบนอีกครั้ง เขาก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา

ศพของขายรูปร่างสูงใหญ่ยังคงอยู่ที่นั่น

หลิ่วหมิงก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล หลังจากค้นดูเล็กน้อย ก็พบหินจิตวิญญาณระดับสูงหลายก้อน กับโอสถและยันต์จำนวนหนึ่ง และยังมีกระจกทองเหลืองที่ปล่อยอัสนีเพลิงสีเลือดออกมา

เห็นได้ชัดว่ากระจกนี้เป็นอาวุธจิตวิญญาณ แม้จะดูมีอานุภาพไม่มาก และคงเป็นแค่อาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำ แต่เป็นอาวุธจิตวิญญาณที่พบเจอได้น้อยมาก ถ้านำออกไปขายล่ะก็ คงจะขายได้สามหมื่นหินจิตวิญญาณขึ้นไป

แต่น่าเสียดายไปหน่อย ครั้งนี้เขาไม่ได้เจอคัมภีร์ฝึกฝนอะไรเลย เดิมทีเขาคิดจะดูวิธีการฝึกฝนวิชาภาพปีศาจ เขาจึงค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย

เวลาต่อมา หลิ่วหมิงไปตรวจสอบโลงศพสีดำที่เหลืออยู่เหล่านั้น สุดท้ายเขาค้นพบวัสดุหล่อหลอมอาวุธ วัตถุดิบปรุงโอสถ หินจิตวิญญาณจำนวนมาก ยันต์ต่างๆ และกระบี่จิตวิญญาณระดับต่ำที่มีลักษณะธรรมดาๆ หลายเล่ม

ถึงแม้สมบัติของราชวงศ์ก่อนเหล่านี้ จะมีจำนวนไม่มากนัก และก็ไม่ค่อยมีของที่ล้ำค่าสักเท่าไหร่ แต่พอเขาคำนวณมูลค่าของมันเล็กน้อยแล้ว ก็พบว่ามีมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนหินจิตวิญญาณ

ผลลัพธ์เช่นนี้ ย่อมทำให้หลิ่วหมิงที่ขาดแคลนหินจิตวิญญาณรู้สึกดีใจเป็นธรรมดา

การเดินทางมาใต้ถ้ำครั้งนี้ เขาไม่เพียงแต่จะได้ไอปีศาจบริสุทธิ์ไร้นามเท่านั้น แต่ยังได้สมบัติอื่นๆ ที่มีมูลค่าเกือบสองแสนหินจิตวิญญาณ

เขาหยิบยันต์เก็บของแบบง่ายๆ ออกมา และเก็บของเหล่านี้ใส่เข้าไปทั้งหมด จากนั้นก็ทำลายร่องรอยที่มีจนหมดสิ้น และถึงได้จากไปด้วยความพอใจ

หลังผ่านความยุ่งยากและความตื่นเต้นมาทั้งคืน ท้องฟ้าก็ค่อยๆ สว่างขึ้นมา

หลิ่วหมิงไม่ได้กลับไปจวนอ๋องสามอีก พอออกมาจากอุโมงค์ใต้ดินก็มุ่งหน้าไปยังเขาเซียนทอแสง

ช่วงเวลากลางวัน หลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับ และสังเกตดูโครงกระดูกสีทองตรงหน้าอย่างละเอียด

เขาได้ทำการทดสอบไปแล้ว ของเหลวสีทองที่ปกคลุมโครงกระดูกนี้ แข็งแกร่งราวกับเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูง แม้แต่กระบี่จันทราหยกก็ทำได้แค่สร้างรอยจางๆ ไว้เท่านั้น

หากจะฟันมันให้ขาดล่ะก็ ต้องปล่อยปราณกระบี่เจ็ดแปดสายออกมาโจมตีพร้อมๆ กัน มิเช่นนั้นก็ไม่อาจทำอะไรมันได้เลย

หลิ่วหมิงตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ถึงได้จับไหล่ทั้งสองของโครงกระดูกไว้

“ฟู่!” เปลวไฟอันคุโชนลุกไหม้ออกจากฝ่ามือ พริบตาเดียวโครงกระดูกก็จมเข้าไปในนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา