อ่านสรุป ตอนที่ 237 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 237 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ขณะเดียวกันหมอกโลหิตก็หมุนรอบๆ มุกสีทอง และหายเข้าไปในนั้นอย่างไร้ร่องรอย
ท่ามกลางม่านแสงสีทองจางๆ มีคราบโลหิตโผล่บนพื้นผิวมุกกลมๆ สิบกว่าเส้น และก่อตัวรวมกับคราบโลหิตเส้นอื่นๆ จนกลายเป็นค่ายกลอักขระ
พริบตาที่ค่ายกลสีเลือดก่อตัวขึ้นนั้น มุกสีทองก็เปล่งประกายออกมา และลอยวนรอบๆ หลิ่วหมิงด้วยเสียงดังหวึ่งๆ
มุกกลมที่ดูเหมือบจะซบเซาในตอนแรก กลับมีชีวิตขึ้นมา
“สำเร็จแล้ว!”
หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกตื่นตัวเป็นอบ่างมาก
ครู่ต่อมา ก็ไม่เห็นเขาแสดงวิชาใดๆ ออกมา และมุกกลมก็พุ่งชนร่างของเขา
“ฟู่!”
พริบตาที่มุกกลมสัมผัสโดนตัวหลิ่วหมิง มันก็กลายเป็นของเหลวสีทอง และม้วนตัวกลายเป็นเสื้อเกราะสีทองที่ดูอัปลักษณ์
มันดูบางอย่างน่าอัศจรรย์ และปกคลุมร่างกายเกือบครึ่งหนึ่งของเขาไว้
หลิ่วหมิงมองดูเสื้อเกราะสีทองบนตัว และลองขยับเนื้อขยับตัว แต่แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาใช้มือข้างหนึ่งตบลงบนตัวในทันที เสื้อเกราะสีทองละลายกลายเป็นของเหลวอีกครั้ง และทองคำหลอมเหลวก็แยกออกมาอยู่บนมือทั้งสองของเขา
จากนั้นแสงสว่างก็เปล่งประกายออกมา หมัดสีทองอร่ามทั้งสองข้างปรากฏตัวขึ้น
หลิ่วหมิงกำมือทั้งสองไว้ เขารับรู้ได้ถึงพลังแปลกประหลาดที่ห่อหุ้มนิ้วมือแต่ละนิ้วของเขาในทันที ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นพิลึก
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วชกหมัดข้างหนึ่งลงพื้น
“ตู๊ม!”
ห้องลับสั่นสะเทือนทั้งหลัง คลื่นอากาศสีทองม้วนตัวออกไป บังเกิดหลุมขนาดใหญ่ลึกราวๆ ครึ่งฉื่อ
หลิ่วหมิงจ้องมองหมัดสีทองสลับกับมองหลุมขนาดใหญ่บนพื้น แล้วก็ต้องแสดงสีหน้าตกใจออกมา
อย่างที่รู้ว่า เมื่อครู่เขาได้นำหยดพลังวารีออกมาจึงได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพื้นไปแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พลังการโจมตีของเขายังสามารถแสดงพลังการทำลายล้างได้อย่างน่าตกใจ เช่นนี้ก็แสดงว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยหนึ่งเท่ากว่าๆ ขึ้นไป
เมื่อหมัดทั้งคู่นี้ถูกห่อหุ้มด้วยทองคำหลอมเหลว พลังของมันจึงเพิ่มขึ้นเช่นนี้
ดูเหมือนว่าหลิ่วหมิงยังไม่อยากจะเชื่ออานุภาพของมัน หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ทุบหมัดอีกข้างลงพื้น
หลังจากมีเสียงดังออกมา หลุมขนาดพอๆ กันอีกหลุมก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
ครั้งนี้ หลิ่วหมิงเผยสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก
แต่พอเขาคิดไปคิดมาอยู่ครูหนึ่ง ก็เคลื่อนหมัดข้างหนึ่งเล็กน้อย สีทองก็ค่อยๆ แผ่ขยายไปตามข้อมือ
พริบตาเดียว แขนของเขาก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยชั้นสีทองบางๆ
แสงสีเขียวเปล่งประกายออกจากมืออีกข้าง ดาบจันทราหยกถูกดึงออกจากแขนเสื้อ
พอแสงเย็นสะท้านเปล่งประกายออกมา กระบี่สั่นก็กรีดลงบนแขนอีกข้าง
หลังจากมีเสียงเสียดสีกัน มันก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรให้แขนสีทองได้เลย
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น เขาสะบัดข้อมืออีกครั้ง กระบี่จันทราหยกกลายเป็นลำแสงเย็นสะท้านฟันลงบนแขนอีกข้าง
“เต๊ง!”
ลำแสงสีเขียวกับสีทองประสานกัน พอกระบี่สั่นสีเขียวดีดตัวออก มันก็ทิ้งไว้เพียงรอยกระบี่จางๆ บนแขนเท่านั้น
ครั้งนี้ หลิ่วหมิงเพียงแค่พยักหน้า
การโจมตีของกระบี่เมื่อครู่นี้ เขาเพียงแค่ใช้พลังไปครึ่งเดียว และยังไม่ได้ส่งพลังเวทย์เข้าไปในกระบี่
พอที่จะเห็นได้ว่าเมื่อทองคำหลอมเหลวเบาบางลง แต่ก็ยังให้การป้องกันที่น่าพอใจได้
พอเขายกแขนปล่อยลูกเปลวไฟกับแท่งวารีสีฟ้าใส่แขนแต่ละข้างแล้ว ก็แสดงสีหน้าเบิกบานใจออกมา
ทองคำหลอมเหลวต้านทานน้ำแข็งและไฟได้อย่างน่าตกใจ
ดูเหมือนว่าลูกเปลวไฟกับแท่งวารีสีฟ้าเมื่อครู่ ไม่ได้ทำให้แขนสีทองรู้สึกร้อนหรือเย็นแต่ประการใด
แต่การทดสอบของหลิ่วหมิงยังไม่สิ้นสุดลง หลังจากนำกระบี่สั้นสีเขียวมาขวางไว้ตรงหน้า ของเหลวสีทองก็พุ่งไปยังกระบี่ และห่อหุ้มมันไว้ภายในพริบตา
กระบี่สั้นสีเขียวกลายเป็นสีทองอร่าม
เจ็ดวันผ่านไป แหวนสีเทาดำก็กลายเป็นสีขาวเทาโดยสมบูรณ์ และกระบี่เล็กสีขาวในจุดตันเถียนของหลิ่วหมิงก็แจ่มชัดขึ้นมามาก แต่มันก็ยังชัดๆ หายๆ ราวกับว่าจะสลายไปได้ตลอดเวลา
“เพล้ง!”
ในที่สุดแหวนเหล็กทมิฬก็แตกกระจายออกมาเป็นเสี่ยงๆ และกลายเป็นเศษสีขาวก่อนจะสลายไป
ขณะนี้ หลิ่วหมิงได้หยุดเสียงร่ายคาถาลง และรีบนำจิตไปกวาดดูภายในร่าง แล้วถึงเลียริมฝีปากอันแห้งผากไปมา รอยยิ้มเย้ยหยันได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ถ้าในระหว่างขั้นตอนการดูดซับเอาปราณบริสุทธิ์จากแหวนเหล็กทมิฬ เขาไม่หยุดพักเลยล่ะก็ เกรงว่ามันคงทำให้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดล้มเหลวลงได้
ดีที่ระดับการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ สามารถไม่กินไม่ดื่มมาเป็นเวลาหลายวันได้ แต่เวลานี้เขารู้สึกคอแห้งขึ้นมา และร่างกายอ่อนแอเล็กน้อยแล้ว
ดีที่ว่าจิตวิญญาณกระบี่ตัวอ่อนเล่มนี้ได้หลอมสำเร็จในขั้นต้นแล้ว ต่อไปก็แค่ค่อยๆ บ่มเพาะมันเท่านั้น
ตามที่กล่าวไว้ในเคล็ดวิชากระบี่ปราณแกร่ง แม้ว่าจิตวิญญาณกระบี่ตัวอ่อนยังไม่สามารถปล่อยออกจากร่างไปทำร้ายศัตรูได้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ แต่มันมีประโยชน์ต่อวิธีการฝึกฝนกระบี่ด้านอื่นๆ กล่าวได้ว่ามีจิตวิญญาณกระบี่ตัวอ่อนนี้แล้ว โอกาสในการทำความเข้าใจกระบี่จะมากขึ้น ต่อไปภายหน้า อานุภาพในการปล่อยปราณกระบี่ก็จะมากขึ้นด้วย เป็นต้น
หลิ่วหมิงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก หลังจากทานโอสถทิพย์ไปสองสามเม็ดแล้ว ก็ดื่มน้ำสะอาดตามไปเล็กน้อย จากนั้นถึงกลับไปนอนที่ห้องนอน
แม้ว่าพลังจิตของเขาในตอนนี้จะแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าอาจารย์จิตวิญญาณ แต่ไม่ได้พักผ่อนมานานขนาดนี้ เขาก็ไม่อาจรับมันได้ไหว
ระยะเวลาภายในหนึ่งเดือนต่อมา นอกจากหลิ่วหมิงจะไปเรียนปรุงโอสถกับฝานไป๋จื่อสองครั้งแล้ว ก็ใช้เวลาที่เหลือไปกับการบ่มเพาะจิตวิญญาณกระบี่ตัวอ่อนของตนเองอย่างยากลำบาก
ตอนที่มันเกิดขึ้นในร่างของเขาในตอนแรก มันยังไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ เขาจำเป็นต้องใช้เวลาทำให้มันมั่นคงเล็กน้อย ถึงจะวางใจได้อย่างเต็มที่
ขณะนั้นเอง ข่าวการบุกรุกล่วงล้ำแผ่นดินอวิ๋นชวนของเผ่าเจ้าสมุทร แม้แต่เรื่องที่ยึดครองแคว้นไห่เยวี่ยและแคว้นที่ติดชายทะเลได้ ก็แพร่กระจายมาถึงเสวียนจิง
ผู้คนทั่วทั้งเสวียนจิงลุกฮือขึ้นมาทันที
ภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วัน กลุ่มอิทธิพลที่เหลืออยู่ในเสวียนจิงก็แยกกระจายไปเกือบครึ่งหนึ่ง และผู้ฝึกฝนอิสระหลายคนต่างก็พากันหนีไปจากเสวียนจิง
แม้แต่ตลาดใต้ดินในเสวียนจิง ไม่ว่าจะเป็นโอสถ ยันต์ อาวุธอาญาสิทธิ์ อาวุธจิตวิญญาณล้วนมีราคาผันผวนเป็นอย่างมาก แต่ยังคงทำให้เกิดการแย่งชิงกันในบรรดาผู้ฝึกฝนอิสระอยู่
หนึ่งเดือนผ่านไป เมื่อหลิ่วหมิงออกจากการเก็บตัวอีกครั้ง ร้านค้าที่เปิดทำการในตลาดใต้ดินอยู่ก็มีเหลืออยู่น้อยมาก
แต่หลิ่วหมิงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องทั้งหมดนี้
เขาเพียงแค่ใช้เวลาจำนวนหนึ่งแอบตรวจสอบดูเสวียนจิงหนึ่งรอบ หลังจากไม่พบร่องรอยของเผ่าเจ้าสมุทร เขาก็กลับไปเก็บตัวฝึกฝนที่ถ้ำต่อ
……………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา