ขณะเดียวกันหมอกโลหิตก็หมุนรอบๆ มุกสีทอง และหายเข้าไปในนั้นอย่างไร้ร่องรอย
ท่ามกลางม่านแสงสีทองจางๆ มีคราบโลหิตโผล่บนพื้นผิวมุกกลมๆ สิบกว่าเส้น และก่อตัวรวมกับคราบโลหิตเส้นอื่นๆ จนกลายเป็นค่ายกลอักขระ
พริบตาที่ค่ายกลสีเลือดก่อตัวขึ้นนั้น มุกสีทองก็เปล่งประกายออกมา และลอยวนรอบๆ หลิ่วหมิงด้วยเสียงดังหวึ่งๆ
มุกกลมที่ดูเหมือบจะซบเซาในตอนแรก กลับมีชีวิตขึ้นมา
“สำเร็จแล้ว!”
หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกตื่นตัวเป็นอบ่างมาก
ครู่ต่อมา ก็ไม่เห็นเขาแสดงวิชาใดๆ ออกมา และมุกกลมก็พุ่งชนร่างของเขา
“ฟู่!”
พริบตาที่มุกกลมสัมผัสโดนตัวหลิ่วหมิง มันก็กลายเป็นของเหลวสีทอง และม้วนตัวกลายเป็นเสื้อเกราะสีทองที่ดูอัปลักษณ์
มันดูบางอย่างน่าอัศจรรย์ และปกคลุมร่างกายเกือบครึ่งหนึ่งของเขาไว้
หลิ่วหมิงมองดูเสื้อเกราะสีทองบนตัว และลองขยับเนื้อขยับตัว แต่แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาใช้มือข้างหนึ่งตบลงบนตัวในทันที เสื้อเกราะสีทองละลายกลายเป็นของเหลวอีกครั้ง และทองคำหลอมเหลวก็แยกออกมาอยู่บนมือทั้งสองของเขา
จากนั้นแสงสว่างก็เปล่งประกายออกมา หมัดสีทองอร่ามทั้งสองข้างปรากฏตัวขึ้น
หลิ่วหมิงกำมือทั้งสองไว้ เขารับรู้ได้ถึงพลังแปลกประหลาดที่ห่อหุ้มนิ้วมือแต่ละนิ้วของเขาในทันที ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นพิลึก
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วชกหมัดข้างหนึ่งลงพื้น
“ตู๊ม!”
ห้องลับสั่นสะเทือนทั้งหลัง คลื่นอากาศสีทองม้วนตัวออกไป บังเกิดหลุมขนาดใหญ่ลึกราวๆ ครึ่งฉื่อ
หลิ่วหมิงจ้องมองหมัดสีทองสลับกับมองหลุมขนาดใหญ่บนพื้น แล้วก็ต้องแสดงสีหน้าตกใจออกมา
อย่างที่รู้ว่า เมื่อครู่เขาได้นำหยดพลังวารีออกมาจึงได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพื้นไปแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พลังการโจมตีของเขายังสามารถแสดงพลังการทำลายล้างได้อย่างน่าตกใจ เช่นนี้ก็แสดงว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยหนึ่งเท่ากว่าๆ ขึ้นไป
เมื่อหมัดทั้งคู่นี้ถูกห่อหุ้มด้วยทองคำหลอมเหลว พลังของมันจึงเพิ่มขึ้นเช่นนี้
ดูเหมือนว่าหลิ่วหมิงยังไม่อยากจะเชื่ออานุภาพของมัน หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ทุบหมัดอีกข้างลงพื้น
หลังจากมีเสียงดังออกมา หลุมขนาดพอๆ กันอีกหลุมก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
ครั้งนี้ หลิ่วหมิงเผยสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก
แต่พอเขาคิดไปคิดมาอยู่ครูหนึ่ง ก็เคลื่อนหมัดข้างหนึ่งเล็กน้อย สีทองก็ค่อยๆ แผ่ขยายไปตามข้อมือ
พริบตาเดียว แขนของเขาก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยชั้นสีทองบางๆ
แสงสีเขียวเปล่งประกายออกจากมืออีกข้าง ดาบจันทราหยกถูกดึงออกจากแขนเสื้อ
พอแสงเย็นสะท้านเปล่งประกายออกมา กระบี่สั่นก็กรีดลงบนแขนอีกข้าง
หลังจากมีเสียงเสียดสีกัน มันก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรให้แขนสีทองได้เลย
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น เขาสะบัดข้อมืออีกครั้ง กระบี่จันทราหยกกลายเป็นลำแสงเย็นสะท้านฟันลงบนแขนอีกข้าง
“เต๊ง!”
ลำแสงสีเขียวกับสีทองประสานกัน พอกระบี่สั่นสีเขียวดีดตัวออก มันก็ทิ้งไว้เพียงรอยกระบี่จางๆ บนแขนเท่านั้น
ครั้งนี้ หลิ่วหมิงเพียงแค่พยักหน้า
การโจมตีของกระบี่เมื่อครู่นี้ เขาเพียงแค่ใช้พลังไปครึ่งเดียว และยังไม่ได้ส่งพลังเวทย์เข้าไปในกระบี่
พอที่จะเห็นได้ว่าเมื่อทองคำหลอมเหลวเบาบางลง แต่ก็ยังให้การป้องกันที่น่าพอใจได้
พอเขายกแขนปล่อยลูกเปลวไฟกับแท่งวารีสีฟ้าใส่แขนแต่ละข้างแล้ว ก็แสดงสีหน้าเบิกบานใจออกมา
ทองคำหลอมเหลวต้านทานน้ำแข็งและไฟได้อย่างน่าตกใจ
ดูเหมือนว่าลูกเปลวไฟกับแท่งวารีสีฟ้าเมื่อครู่ ไม่ได้ทำให้แขนสีทองรู้สึกร้อนหรือเย็นแต่ประการใด
แต่การทดสอบของหลิ่วหมิงยังไม่สิ้นสุดลง หลังจากนำกระบี่สั้นสีเขียวมาขวางไว้ตรงหน้า ของเหลวสีทองก็พุ่งไปยังกระบี่ และห่อหุ้มมันไว้ภายในพริบตา
กระบี่สั้นสีเขียวกลายเป็นสีทองอร่าม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา