เสวียนจิงในตอนนี้ไม่แตกต่างจากสามปีก่อนมากนัก ถ้าจะบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลง ก็มีเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ขณะนี้ มีผู้ฝึกฝนจากแคว้นไห่เยวี่ยมาปรากฏตัวในเสวียนจิงไม่ใช่น้อย หนึ่งในนั้นส่วนมากเป็นผู้ฝึกฝนอิสระ แต่ก็มีส่วนน้อยที่เป็นศิษย์นิกายในแคว้นไห่เยวี่ย
นิกายใหญ่ๆ ในแคว้นไห่เยวี่ย และแคว้นอื่นๆ ต่างก็ถูกเผ่าเจ้าสมุทรโจมตีจนย่อยยับและล่มสลายจนหมดสิ้น
ศิษย์นิกายที่หลุดรอดหนีมาแคว้นต้าเสวียนเหล่านี้ ส่วนมากเข้าร่วมนิกายจันทราสวรรค์และนิกายใหญ่ทั้งห้าเป็นต้น บางส่วนก็ไม่อยากถูกควบคุมอีก จึงกลายเป็นผู้ฝึกฝนอิสระที่แท้จริง
การปรากฏตัวของผู้ฝึกฝนแคว้นอื่น มันช่วยชดเชยผู้ฝึกฝนอิสระที่หนีไปจากเสวียนจิงเกือบหมดได้พอดี หลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือดรุนแรง ก็มีกลุ่มอิทธิพลเกิดใหม่สองสามกลุ่ม ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่ากลุ่มอิทธิพลเมื่อสามปีก่อนเล็กน้อย
แต่ว่าทั้งหมดนี้ย่อมไม่ค่อยมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลิ่วหมิงมากนัก
ในระหว่างสามปีที่เขาอยู่ที่นี่ ศิษย์นิกายทั้งห้าจำนวนมาก ต่างก็ตั้งมั่นอยู่ที่ชายแดนระหว่างแคว้นไห่เยวี่ย ไม่นานก็ได้ปะทะกับเผ่าเจ้าสมุทรที่รุกรานเข้ามา
ตามข่าวที่หลิ่วหมิงได้รับจากทางนิกาย กับข่าวกรองที่ตนเองรวบรวมมาส่วนหนึ่ง ตอนนั้นแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีผู้ฝึกฝนระดับผลึกออกโรงกันหลายคน แต่นอกจากศึกการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าและปฐพีในตอนแรกแล้ว ผู้ฝึกฝนระดับผลึกเหล่านั้นก็ไม่ได้มีการต่อสู้กันโดยตรงแต่อย่างใด
แต่ความเข้าใจโดยนัยก็คือ อาจารย์จิตวิญญาณกับศิษย์จิตวิญญาณทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด และถี่มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งอาจารย์จิตวิญญาณทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตรวมๆ กันยี่สิบถึงสามสิบกว่าคนแล้ว
ส่วนศิษย์จิตวิญญาณที่มีการฝึกฝนระดับต่ำกว่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง
ที่ทำให้หลิ่วหมิงแปลกใจเล็กน้อยก็คือ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกได้ไม่นาน ต่างฝ่ายต่างก็สร้างเมืองใหญ่ที่ชายแดนขึ้นมาแห่งหนึ่ง ราวกับว่ากะจะทำศึกกันยาวๆ
และในสามปีนี้ นิกายปีศาจก็มีอาจารย์จิตวิญญาณเสียชีวิตเจ็ดแปดคน และศิษย์จิตวิญญาณอีกเป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งบางคนก็เป็นคนที่หลิ่วหมิงรู้จัก
ดีว่าเขาเก้าทารกมีอิทธิพลค่อนข้างอ่อนแอ จึงมีคนเสียชีวิตน้อยมาก นักพรตแซ่จงกับอาจารย์จิตวิญญาณอีกสองท่านก็ปลอดภัยดี พวกเขาตั้งมั่นอยู่ในนิกายไม่ได้ไปปรากฏตัวที่ชายแดน
เดิมทีสถานะศิษย์แกนนำอย่างหลิ่วหมิง ต่างก็ต้องถูกสั่งให้ไปร่วมศึกในครั้งนี้ แต่เสียดายที่มีเผ่าเจ้าสมุทรปรากฏตัวในเสวียนจิงก่อน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ศิษย์ที่ความสามารถคอยตรวจตราและควบคุมอยู่ในเสวียนจิง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ถูกเรียกตัวกลับนิกายเลยซักครั้ง
แน่นอนว่าภายในสามปีนี้ก็มีเรื่องที่ทำให้หลิ่วหมิงกลัดกลุ้มเล็กน้อย
นั่นก็คือ ในสองปีก่อนเกาชงก้าวสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณอย่างราบรื่น ทั้งยังไปต่อสู้กับเผ่าเจ้าสมุทรที่ชายแดนด้วยฝีมืออันโดดเด่น
ได้ยินว่า เขาเคยสังหารอาจารย์จิตวิญญาณระดับต้นของเผ่าเจ้าสมุทรด้วยตัวคนเดียว และศิษย์จิตวิญญาณของเผ่าเจ้าสมุทรที่ตายในเงื้อมมือเขาก็มีไม่น้อย
ดูเหมือนว่าพอเกาชงผู้นี้กลายเป็นอาจารย์จิตวิญญาณแล้ว พลังของเขาไม่ใช่สิ่งที่อาจารย์จิตวิญญาณระดับต้นทั่วไปจะสามารถเทียบได้ มิเช่นนั้นคงไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
แต่เรื่องแบบนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหลิ่วหมิง
ระยะเวลาสามปีที่อยู่ที่นี่ หลิ่วหมิงยกระดับความบริสุทธิ์ของพลังเวทย์กับบ่มเพาะจิตวิญญาณกระบี่ตัวอ่อนในจุดตันเถียนอยู่ตลอด และยังไปเรียนวิชาปรุงโอสถกับฝานไป๋จื่อด้วย
สองสิ่งแรกพัฒนาไปแบบธรรมดามาก พลังเวทย์ของเขาบริสุทธิ์กว่าก่อนหน้านั้นเพียงเล็กน้อย และจิตวิญญาณกระบี่ตัวอ่อนก็เติบใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่การปรุงโอสถของเขากลับทำให้ฝานไป๋จื่อรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ไม่รู้ว่าเขามีพรสวรรค์ทางด้านการปรุงโอสถ หรือว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่นใด เขาใช้เวลาเรียนสั้นๆ แค่สามปี ไม่คิดว่าจะเรียนวิชาปรุงโอสถสำเร็จในเบื้องต้นแล้ว ตอนนี้เขาสามารถปรุงโอสถระดับศิษย์จิตวิญญาณด้วยตนเองได้หลายชนิด และโอกาสในการปรุงสำเร็จก็ไม่ค่อยต่ำมาก
แม้ว่าพรสวรรค์การปรุงโอสถของเขาจะทำให้ฝานไป๋จื่อต้องร้องออกมาด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อเวลาสามปีผ่านไป ฝานไป๋จื่อก็ไม่ลังเลที่จะบอกเขาไม่ต้องไปหาอีก
หลิ่วหมิงในตอนนี้ ได้เข้าสู่ประตูการปรุงโอสถแล้ว ถ้าอยากยกระดับวิชาการปรุงโอสถต่อล่ะก็ ต้องฝึกฝนในเส้นทางสายนี้ให้มากๆ
เพราะประสบการณ์การปรุงโอสถระดับกลางถึงสูง ฝานไป๋จื่อไม่ถ่ายทอดให้คนนอกอย่างเขาแน่นอน
วันนี้ ขณะที่หลิ่วหมิงเดินออกจากตรอกตรงร้านขายโรงศพในเมืองเสวียนจิงอีกครั้ง สีหน้าเขาก็อึมครึมเป็นอย่างมาก
แม้ว่าข่าวที่นิกายส่งมาจะเป็นข่าวธรรมดา ซึ่งเป็นเรื่องกระจอกงอกง่อยเท่านั้น แต่หลิ่วหมิงยังคงรู้สึกว่าการปะทะระหว่างแต่ละนิกายกับเผ่าเจ้าสมุทรดูเหมือนจะไม่ค่อยราบรื่นมากนัก คงจะตกเป็นเบี้ยล่างแล้ว
นี่เป็นเพราะว่า เผ่าเจ้าสมุทรแบ่งกำลังออกไปหลายที่ ขณะเดียวกันได้รับชัยชนะมาพร้อมกัน
ที่เห็นในตอนนี้ เผ่าเจ้าสมุทรแข็งแกร่งกว่ามาก
แน่นอน หนึ่งในนั้นเป็นเพราะเผ่าเจ้าสมุทรเริ่มส่งคนมาเป็นไส้ศึกในแต่ละแคว้นมาหลายสิบปีแล้ว และวางกับดักจำนวนมากเพื่อให้มนุษย์อ่อนกำลังลง และเริ่มลงมือก่อนทำการบุกรุกล่วงล้ำดินแดน
แต่สำหรับหลิ่วหมิงแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ไกลสำหรับเขาไปหน่อย
ตอนนี้เขากลับถึงห้องลับภายในถ้ำ พอนั่งลงไปเพื่อจะเตรียมฝึกฝนต่อนั้น พลันรู้สึกถึงพลังเวทย์ในร่างปะทุขึ้นมา จากนั้นก็พุ่งไปยังจุดตันเถียนอย่างบ้าคลั่ง
“เริ่มแล้ว!”
ตอนแรกหลิ่วหมิงก็รู้สึกตกตะลึง แต่ก็เผยสีหน้าดีใจออกมาในทันที
เขาตบถุงหนังบนเอวทั้งสองใบ ทันใดนั้นไอสีดำสองกลุ่มพุ่งออกมาหลายเป็นแมงป่องกระดูกขาวกับหัวบินตนนั้น
“ขวับ!” “ขวับ!”
หลิ่วหมิงคว้าหางตะขอของแมงป่องกระดูกขาวอย่างไม่เกรงใจ มืออีกข้างก็คว้าผมของหัวบินไว้แน่น จากนั้นไอสีดำก็พวยพุ่งออกจากร่าง เขาพยายามควบคุมความเร็วของพลังเวทย์ภายในร่าง
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ไอดำบนร่างเขาก็เบาบางลงเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา