“เจ้าเป็นศิษย์สาขาใด มีป้ายเข้าบ่อจิตวิญญาณหรือไม่? ถ้าไม่มีล่ะก็ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย!”
หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นสะท้านในใจ แต่ก็รีบโค้งตัวกล่าวทันที
“ข้าหลิ่วหมิง ศิษย์สาขาเก้าทารก คารวะผู้อาวุโส ศิษย์กะจะมาอยู่ที่บ่อจิตวิญญาณเดือนหนึ่ง ส่วนป้ายสำหรับเปิดบ่อจิตวิญญาณศิษย์ได้พกติดตัวมาแล้ว”
เมื่อเขากล่าวจบก็รีบควักป้ายสีเงินจางๆ ออกมาทันที
“อ๋อ! ในเมื่อมีป้ายก็สามารถอยู่ได้ แต่ข้าต้องตรวจสอบเสียก่อนว่าเป็นของจริงหรือไม่ ถึงสามารถพาเข้าไปบ่อจิตวิญญาณได้” ชายผู้นี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง
จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดัง “ต๊อกแต๊ก!” มาจากบันได ชายสวมชุดคลุมบัณฑิตสีขาวเดินลงมาจากชั้นสองอย่างไม่รีบร้อน
โครงหน้าค่อนข้างยาว ดูอัปลักษณ์เล็กน้อย แต่ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายสดใส ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนล่องลอยออกจากฝุ่น
“ในเมื่อเป็นศิษย์สาขาเก้าทารก อาจารย์ของเจ้าแซ่จงหรือว่าแซ่จู?” ชายผู้นี้เดินเข้าหาหลิ่วหมิงสองสามก้าว หลังจากสังเกตดูสองสามทีแล้ว พลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อาจารย์ข้าแซ่จง!” หลิ่วหมิงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่หลังจากลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็พูดความจริงออกไป
“ที่แท้ก็เป็นศิษย์ของศิษย์น้องจง! เฮ่อๆ! ได้ยินมาว่าหลายปีก่อนนางได้รับศิษย์คนหนึ่งที่ชื่อว่าไป๋ชงเทียน ต่อมาไม่นานก็รายงานกับนิกายว่าเปลี่ยนชื่อแล้ว คงไม่ใช่เจ้าหรอกนะ!” ชายชุดคลุมสีขาวหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา จากนั้นก็โบกมือไปทางหลิ่วหมิง ทันใดนั้นป้ายในมือหลิ่วหมิงก็ค่อยๆ สั่นไหว “ฟู่!” ป้ายลอยไปตกอยู่ในมือของเขาอย่างมั่นคง
“ผู้อาวุโสรู้จักอาจารย์ของข้าหรือ? ก่อนหน้านั้นข้าไม่ได้ใช้ชื่อนี้จริงๆ” หลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึง แต่ก็กล่าวออกมาโดยไม่ชักช้า
“ที่แท้ก็เป็นเจ้าจริงๆ ไม่ผิด! ข้าเคยได้ยินศิษย์น้องจงพูดว่า การทดสอบในแดนลึกลับเมื่อหลายปีก่อน เจ้าได้ทำความดีความชอบไว้มาก ไม่แปลกที่เจ้าจะมีป้ายอันนี้” ชายชุดคลุมสีขาวกล่าวด้วยความสนใจ
“ผู้อาวุโสกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่โชคดีเท่านั้น ว่าแต่ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอย่างไร?” เมื่อหลิ่วหมิงเห็นว่าชายผู้นี้รู้จักนักพรตแซ่จง เขาจึงถามออกไป
“ดูท่าอาจารย์เจ้าคงไม่เคยพูดเรื่องข้ากับเจ้าล่ะสิ! แต่ก็ไม่เป็นไร เชื่อว่าอีกไม่นานข้ากับอาจารย์เจ้าก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ศิษย์ของศิษย์น้องจงก็จะเป็นศิษย์ข้าด้วยเช่นกัน ข้าแซ่ถง เจ้าสามารถเรียกข้าว่าอาจารย์ลุงถง” ชายชุดคลุมสีขาวมองป้ายในมือสองสามทีแล้วก็โยนคืนกลับไป ขณะเดียวกันก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ที่แท้ท่านก็คืออาจารย์ลุงถง!” แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกอึ้งที่ได้ยินเช่นนี้ แต่ก็ได้แต่ตอบรับกลับไป
“ดีมากศิษย์หลานหลิ่ว ในเมื่อเป็นคนกันเอง ข้าย่อมหาตำแหน่งที่ใกล้กับบ่อจิตวิญญาณให้เจ้า” ชายแซ่ถงหัวเราะและกล่าวออกมา จากนั้นทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว และปล่อยพลังเวทย์ใส่ค่ายกลตรงหน้า
ค่ายกลสีขาวส่งเสียงดังหวึ่งๆ ขึ้นมาในทันที แสงสีขาวจางๆ พุ่งขึ้นมา
“ขอบคุณอาจารย์ลุง!” หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก
ก่อนมา เขาได้ตั้งใจสืบเรื่องราวเกี่ยวกับบ่อจิตวิญญาณมารอบหนึ่งแล้ว
บ่อจิตวิญญาณที่รู้จัก แท้จริงแล้วเป็นสถานที่ที่มีปราณฟ้าดินหนาแน่นที่นิกายปีศาจค้นพบในตอนแรก จากนั้นถึงวางชั้นจำกัดพิเศษไว้ ทำให้ปราณฟ้าดินเข้าได้อย่างเดียว และไม่สามารถออกไปได้ ด้วยเหตุนี้พลังปราณถึงได้บริสุทธิ์จนถึงระดับที่คาดไม่ถึง
ใจกลางชั้นจำกัดเป็นสถานที่มีพลังปราณหนาแน่นมากที่สุด ผลลัพธ์การฝึกฝนก็ดีกว่าบริเวณขอบรอบนอก
เขาเดินตามชายชุดคลุมสีขาวเข้าไปกลางค่ายกล และถูกส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยบุปผาและหญ้าที่ดูแปลกประหลาด ขณะเดียวกันไอหมอกสีขาวก็ล่องลอยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ
หลิ่วหมิงสูดหายใจเข้าเพียงเล็กน้อย ก็รับรู้ได้ถึงพลังปราณอันบริสุทธิ์ที่เข้าไปในปอด ทำให้เขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เขาถึงรู้ว่า หมอกสีขาวเกิดจากปราณฟ้าดินอันหนาแน่นก่อตัวขึ้นมา ช่างสมกับชื่อ ‘บ่อจิตวิญญาณ’ จริงๆ
เขากวาดสายตามองไปรอบด้าน เห็นบ้านหินแต่ละหลังตั้งอยู่ค่อนข้างห่างกันท่ามกลางไอหมอก เท่าที่สายตามองเห็นมีประมาณห้าหกหลัง
ชายชุดคลุมสีขาวพาหลิ่วหมิงก้าวยาวๆ ไปด้านหน้า จนเมื่อเดินไปได้ราวๆ ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าว ก็มาถึงบ้านหินสีดำที่ถูกไอหมอกสีขาวล้อมรอบ
ผนังบ้านหินนี้มีอักขระสีเงินสลักอยู่ บนประตูมีรอยเว้าลึกไม่กี่ชุ่น
“ศิษย์หลานหลิ่ว ที่นี่เกือบจะนับว่าเป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนรองลงมาจากจุดศูนย์กลางของบ่อจิตวิญญาณ เจ้าฝึกฝนอยู่ที่นี่เถอะ หนึ่งเดือนให้หลังข้าจะพาเจ้าออกไป นอกจากนี้ ที่นี่ยังถูกวางชั้นจำกัดมหัศจรรย์ไว้ มีแค่ป้ายในมือเจ้าเท่านั้นที่สามารถเปิดได้” ชายชุดคลุมสีขาวชี้ไปยังบ้านหินตรงหน้าแล้วกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยรอยยิ้ม
หลิ่วหมิงกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ จากนั้นก็วางป้ายสีเงินลงบนรอยเว้า
ทันใดนั้นมีเสียงดังหวึ่งๆ มาจากประตูหิน ขณะเดียวกันแสงสีเงินก็เปล่งประกายออกมา และประตูก็ค่อยๆ เปิดออก
หลิ่วหมิงโค้งคารวะชายชุดคลุมสีขาว และระงับความตื่นเต้นก่อนเดินเข้าไปในประตูหิน
พริบตาที่ร่างเขาหายเข้าไปข้างใน บานประตูหินก็ปิดโดยไร้สุ้มเสียง บ้านหินทั้งหลังมีอักขระสีเงินเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ชั้นจำกัดสั่นไหวและหายไปในพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา