อย่างไรก็ตาม หลิ่วหมิงก็ค่อนข้างพอใจกับสมบัติของอาจารย์จิตวิญญาณเผ่าเจ้าสมุทรผู้นี้เป็นอย่างมาก
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่หินจิตวิญญาณระดับกลางถึงสูงก็มีมากถึงสองแสนกว่าหินจิตวิญญาณ ทำให้เขารู้สึกสบายมือไปช่วงเวลาหนึ่ง
นี่ก็แปลก ต่อให้อาจารย์จิตวิญญาณสองคนไม่ได้พกสมบัติติดตัวมาทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์จิตวิญญาณทั่วไปจะเปรียบเทียบได้
เวลาต่อมา เขาหลับตาทั้งคู่ลง มือทั้งสองทำท่ามือกระตุ้นพลังของโอสถเพื่อเริ่มทำการรักษาบาดแผล
ในขณะเดียวกัน ข่าวเรื่องอาจารย์จิตวิญญาณเผ่าเจ้าสมุทรสองคนที่หลิ่วหมิงสังหารในสนามรบ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นอาจารย์จิตวิญญาณขั้นกลาง และเรื่องที่เขาสามารถเอาชีวิตรอดจากผู้ฝึกฝนระดับผลึกของเผ่าเจ้าสมุทรได้ ก็ถูกเล่าลือไปทั่วเมืองยักษ์
ศิษย์นิกายปีศาจพูดถึง ‘อาจารย์อาหลิ่ว’ กับศิษย์นิกายอื่นๆ ด้วยความภาคภูมิใจ
ศิษย์นิกายอื่นๆ ส่วนมากเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บางส่วนก็ไม่เชื่อเลย
แต่พอสองวันผ่านไป ตรงป้ายประกาศแต้มคุณูปการ หลิ่วหมิงติดอยู่อันดับหนึ่งด้วยแต้มคุณูปการสามพันแต้ม ทำให้แต่ละนิกายรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา
นี่ไม่ใช่ว่าคนอื่นๆ ไม่มีความสามารถในการสังหารอาจารย์จิตวิญญาณเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่พวกเขาเคยแสดงพลังในศึกก่อนหน้านั้นแล้ว เผ่าเจ้าสมุทรที่อ่อนแอย่อมไม่ยอมมาตายง่ายๆ อย่างแน่นอน
อีกอย่าง ถ้าเป้าหมายของพวกเขาเป็นเผ่ามนุษย์ที่มีระดับสูงกว่ามาก พวกเขาย่อมส่งคนที่สามารถควบคุมได้มาจับตามองโดยเฉพาะ
ศึกใหญ่ในครั้งก่อน พอจางซิ่วเหนียงปรากฏตัว ก็ถูกผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลางสองคนที่ชำนาญวิชาป้องกันมาก่อกวน ต่อให้วิชากระบี่ของนางจะแหลมคมแค่ไหน ก็ไม่อาจทำลายการรวมพลังของทั้งสองได้
แน่นอน นางสามารถตรึงเผ่าเจ้าสมุทรระดับของเหลวขั้นกลางสองคนไว้ได้ นับว่าได้สร้างผลงานยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับหลิ่วหมิงที่สังหารฝ่ายตรงข้ามไปสองคนแล้ว มันยังต่างกันมากนัก
ในช่วงเวลานี้ เรื่องที่หลิ่วหมิงชำนาญวิชากระบี่ และเรื่องที่แลกมือกับจางซิ่วเหนียงโดยที่ยังไม่เคยพ่ายแพ้ ก็ถูกพูดออกมาจากปากใครบางคน
ชั่วเวลาเดียว ชื่อเสียงของหลิ่วหมิงก็เป็นที่รู้จักในบรรดาศิษย์จิตวิญญาณและอาจารย์จิตวิญญาณ
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนขนานนามเขากับจางซิ่วเหนียงว่าเป็นศิษย์คู่แห่งต้าเสวียน และยอมรับว่าพลังของเขาอยู่ในระดับเดียวกับจางซิ่วเหนียงอย่างเต็มภาคภูมิ
หลิ่วหมิงไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดนี้เลยแม้แต่น้อย แต่กลับเก็บตัวรักษาตัวอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด
ในช่วงระหว่างเวลานี้ เผ่าเจ้าสมุทรส่งกองกำลังมาโจมตีเมืองยักษ์อีกครั้ง
แต่หลิ่วหมิงยังไม่ทันออกจากการเก็บตัว ก็ได้รับข่าวจากประมุขนิกายปีศาจว่าให้เขาอาศัยอยู่ในที่พัก และอย่าได้สนใจศึกใหญ่นี้
ส่วนเหตุผลนั้น หนึ่งเป็นเพราะว่าเขายังบาดเจ็บอยู่ สองแต้มคุณูปการที่เขาได้สร้างไว้มีมากพอแล้ว จึงไม่ต้องไปเสี่ยงอันตรายอีก เพียงแค่เตรียมตัวในการเผด็จศึกให้ดีก็พอ
แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกแปลกใจที่ได้รับข่าวนี้ แต่ก็ไม่คิดที่จะฝ่าฝืนแต่อย่างใด
เวลาในระยะสองเดือน หลังจากบาดแผลเขาหายดีแล้ว ก็รีบฝึกฝนวิชาขี่กระบี่อย่างเงียบๆ
เพราะไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม มีแค่วิชานี้เท่านั้นที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาได้รวดเร็วที่สุด และมีความเชื่อมั่นในการเผด็จศึกมากที่สุด
ส่วนแต้มคุณูปการที่เขาได้รับ เป็นรางวัลจากแต่ละนิกายที่ร่วมมือกันต่อสู้กับเผ่าเจ้าสมุทร ด้วยเหตุนี้ของที่สามารถแลกได้ จึงเป็นของที่แต่ละนิกายรวบรวมมา ซึ่งมีมากมายร้อยแปดพันเก้า มีทั้งอาวุธจิตวิญญาณ เคล็ดวิชา โอสถ และยันต์ต่างๆ เป็นต้น
หลิ่วหมิงใช้แต้มคุณูปการเหล่านี้ แลกโอสถที่สามารถเพิ่มพลังเวทย์ของอาจารย์จิตวิญญาณมาทาน เพื่อเพิ่มพลังเวทย์ให้ก้าวไปอีกขั้นในช่วงเวลาที่เหลือนี้ จนดูเหมือนว่าพลังเวทย์ของเขาจะห่างจากระดับของเหลวขั้นกลางไม่ค่อยมากแล้ว
ในระหว่างเวลานี้ เขาออกไปข้างนอกเป็นครั้งคราว ทำให้ทราบว่าผู้ฝึกระดับผลึกของแต่ละนิกายได้ทำศึกใหญ่กับผู้ฝึกระดับผลึกของเผ่าเจ้าสมุทรตรงพื้นที่บริเวณนี้สักแห่งอีกครั้ง
แม้ครั้งนี้จะตกเป็นเบี้ยล่างเพราะจำนวนคนน้อยกว่า แต่ภายใต้สถานการณ์ที่แต่ละนิกายใช้ของล้ำค่าในการต้านทานฝ่ายตรงข้าม จึงทำให้ไม่ถูกโจมตีจนแตกกระเจิง
ด้วยข้อตกลงที่ว่าผู้ฝึกฝนระดับผลึกห้ามเข้าร่วมทำศึก จึงได้แต่คอยทำการสนับสนุนเท่านั้
แต่ฟังจากน้ำเสียงก่อนจากไปของเผ่าเจ้าสมุทร เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจผลลัพธ์ในครั้งนี้ อีกไม่นานคงจะมีการท้าสู้ของผู้ฝึกฝนระดับผลึกเกิดขึ้น
วันนี้ หลิ่วหมิงกำลังฝึกฝนอยู่ในบ้านหิน และพลันได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังมาจากด้านนอก เขาจึงเดินออกไปดูทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา