ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 266

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 266 ไข่อสูร
ตอนที่ 266 ไข่อสูร
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ครั้งนี้เผ่าเจ้าสมุทรได้ถอยไปแล้ว และผู้อาวุโสของเผ่าเจ้าสมุทรก็ลงมือโดยไม่สนข้อตกลงที่ให้ไว้ พวกเราต้องป้องกันไว้ก่อน” เย่เทียนเหมยกล่าว

“อืม! เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา พวกเราแต่ละนิกายต้องปรึกษาหารือกันเล็กน้อย” อาจารย์อาเยี่ยนได้ยิน ก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ทั้งสองส่งเสียงไปปรึกษากับผู้อาวุโสระดับผลึกคนอื่นๆ ที่อยู่ในเมือง จากนั้นก็ออกคำสั่งให้ถอนทัพกลับไป

กองกำลังพันธมิตรของแต่ละนิกายค่อยๆ ปล่อยเรือเหาะ รถเหาะออกมา และหาศพคนในนิกายจากสนามรบ จากนั้นก็นำกลับเมืองยักษ์

แม้ว่าศึกในครั้งนี้จะใช้เวลาไม่ค่อยนานมาก แต่จำนวนศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตก็มีหลายร้อยคน ทำให้คนที่ค่อนข้างสนิทกับผู้ตายมีสีหน้าเศร้าสลดขึ้นมา

พอกลับถึงเมือง อาจารย์อาเยี่ยนก็ไม่ได้เค้นถามว่าหลิ่วหมิงใช้วิธีการอะไรต้านทานการโจมผู้อาวุโสร่างผอมแห้งไว้ได้ แต่กลับกำชับเขาสองสามประโยค จากนั้นก็รีบไปรวมตัวกับผู้อาวุโสระดับผลึกคนอื่นๆ

หลิ่วหมิงก็ยิ่งไม่มีกะจิตกะใจจะรับมือกับคนอื่นๆ หลังจากทักทายคนในนิกายแล้ว ก็รีบกลับไปที่พักของตนเอง

พอนั่งขัดสมาธิลงในห้องหิน เขาก็รีบถอดเสื้อออก เผยให้เห็นเกราะหนังเกล็ดมังกรที่แบบติดกับกล้ามเนื้อ

ด้านหลังของเขา มีรอยเว้าลึกหลายชุ่นตรงเกล็ดสีแดงที่อยู่ตรงตำแหน่งของหัวใจ และสีดำตรงส่วนด้านล่างของเกราะหนังก็นูนขึ้นมา

พอหลิ่วหมิงใช้พลังจิตสัมผัสดูตรงหลังเแล้ว ก็แสยะปากออกมาอย่างอดไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าถ้าไม่มีเกราะเกล็ดมังกรตัวนี้ เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

การโจมตีแบบไม่ใส่ใจของผู้อาวุโสระดับผลึก มีอานุภาพน่ากลัวถึงเพียงนี้ มิน่าล่ะแต่ละนิกายถึงเอาระดับนี้มาเป็นจุดยืนของนิกาย

และเพราะการสังหารอาจารย์จิตวิญญาณเผ่าเจ้าสมุทรที่ชื่อลี่ซาในก่อนหน้านั้น ทำให้เขาถูกผู้ฝึกฝนระดับนี้จับตามอง คิดดูๆ แล้วมันน่าขนลุกยิ่งนัก

ดีที่ตอนนี้แต่ละนิกายกับเผ่าเจ้าสมุทรเป็นศัตรูกัน และมีอาจารย์อาเยี่ยนกับผู้ฝึกฝนระดับผลึกคนอื่นๆ อยู่ด้วย ผู้ฝึกฝนระดับผลึกของเผ่าเจ้าสมุทรผู้นี้ จึงไม่อาจทำอะไรเขาได้โดยง่าย

ต่อไปเขาก็แค่ระมัดระวังตัวในการทำศึกครั้งหน้าให้มากหน่อย คงจะไม่มีโอกาสเผชิญหน้ากับผู้ฝึกฝนระดับนี้เพียงลำพัง

หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอยู่เงียบๆ จิตใจเริ่มสงบขึ้นมา และหยิบยันต์สีเขียวแปะตรงหลังทันที

แสงสีขาวหมุนวนอยู่ตรงรอยดำๆ จนมันยุบไปอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายก็กลับมาเกือบเป็นปกติ

แต่ทั้งหมดนี้เป็นแค่แผลภายนอกเท่านั้น แม้ไม่ต้องใช้ยันต์สมานแผล ก็เชื่อว่าอาศัยแค่ร่างกายที่แข็งแกร่ง ก็สามารถหายได้อย่างรวดเร็ว

เรื่องยุ่งยากที่แท้จริงก็คือเขาได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรงจากการโจมตีนี้

การบาดเจ็บแบบนี้ ต่อให้มีโอสถคอยช่วย และใช้เวลาสิบกว่าวันก็ไม่อาจรักษาให้หายได้เป็นปกติ

หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ เขาหยิบโอสถออกมาใส่ปากหลายเม็ดแล้วกลืนลงไป จากนั้นก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อออกมา

แสงสีดำสองกลุ่มม้วนตัวออกจากแขนเสื้อ หลังจากหมุนติ้วๆ แล้ว มันก็กลายเป็นกำไลแขนสีดำที่มีเปลือกหอยเลี่ยมฝังอยู่จำนวนสองอัน และลอยอยู่กลางอากาศด้านหน้าอย่างเงียบๆ

หลิ่วหมิงยื่นมือหยิบกำไลอันหนึ่งลงมาสังเกตเล็กน้อย และส่งพลังจิตเข้าไปตรวจสอบ

“เอ๊ะ!”

หลิ่วหมิงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ แต่ต่อมาก็ตบลงบนกำไลทันที

“ฟู่!”

แสงสีฟ้าม้วนตัวออกมา สิ่งของจำนวนมากกองอยู่ตรงหน้า ส่วนมากเป็นหินจิตวิญญาณระดับกลางถึงสูง ซึ่งล้วนมีสีฟ้าอ่อนๆ กับเปลือกหอยหลากสี ส่วนที่เหลือกลับเป็นยันต์และขวดโอสถจำนวนหนึ่ง และยังมีอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงที่สร้างมาจากกระดูกอสูรอยู่หลายชิ้น ทั้งหมดต่างก็มีขนาดแตกต่างกันไป

แต่ที่เตะตาที่สุดในนั้นกลับเป็นไข่อสูรไม่ทราบชื่อที่มีขนาดเท่ากำปั้นใบหนึ่ง พื้นผิวของมันถูกปกคลุมไปด้วยอักขระสีม่วงแดง และแผ่กลิ่นไอกดดันแบบขาดๆ หายๆ ออกมา มองก็รู้ว่ามันไม่ใช่อสูรจิตวิญญาณทั่วไป

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไป และดูดไข่อสูรสีม่วงมาไว้ในมืออย่างมั่นคง

แต่พริบตาที่นิ้วทั้งห้าสัมผัสกับไข่อสูร ก็พลันมีเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ!” ไหมสายฟ้าสีม่วงพุ่งออกจากไข่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา