แต่ยังไม่ทันได้ชกออกไป พลังมหาศาลที่ทำให้ชายหนุ่มเผ่าเจ้าสมุทรรู้สึกหวาดกลัวก็ทะลักออกมาก่อน
ลี่ซาขยับแขนทั้งสองโดยไม่ต้องคิด เพื่อนำค้อนยักษ์ทั้งสองมาบังตรงหน้า
“ตู๊ม!”
กำปั้นสีทองชกลงระหว่างค้อนทั้งสองอย่างหนักแน่น
ลี่ซารู้สึกชาที่แขนทั้งสอง และค้อนทั้งสองก็แยกตัวออกจากกันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ขณะเดียวกันเขาก็ร่นถอยออกไป จนไม่สามารถตั้งหลักได้ชั่วขณะ
เขารู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก แต่ก็แสดงสีหน้าดุร้ายในฉับพลัน และพ่นโล่ขนาดเล็กสีเลือดออกมา มันเพียงแค่หมุนติ้วๆ จากนั้นก็กลายเป็นม่านแสงสีเลือดปกคลุมเขาไว้
“ฮ่าๆ! มีโล่โลหิตแดงนี้แล้ว เจ้าอย่าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้” ลี่ซาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เขาถึงตั้งหลักได้
ขณะนี้หลิ่วหมิงดึงกำปั้นกลับมาและกางนิ้วทั้งห้าออก มุกกลมๆ สีดำพุ่งออกจากในนั้น และกลายเป็นไอหมอกสีดำโจมตีลงบนม่านโลหิต
ฉากอันน่าตกใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
พอม่านแสงสีเลือดถูกมุกกลมๆ โจมตีจนแตกกระจาย มันก็พร่ามัวไปโจมตีหน้าอกของชายหนุ่มเผ่าเจ้าสมุทรอย่างรุนแรง
ลี่ซาร้องออกมาอย่างเวทนา รูเลือดขนาดเท่าปากถ้วยปรากฏบนหน้าอกของเขา ปราณแกร่งไม่สามารถปกป้องร่างเขาได้เลยแม้แต่น้อย เขาแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา ร่างของเขาพองแล้วก็ยุบก่อนที่จะระเบิดตัวกลายเป็นฝนโลหิต
อาจารย์จิตวิญญาณของเผ่าเจ้าสมุทรผู้นี้ ถูกหลิ่วหมิงสังหารไปแล้ว
หลิ่วหมิงอาศัยโอกาสนี้เคลื่อนไหวไม่กี่ที ก็ออกจากรัศมีของฝนโลหิตได้ จากนั้นก็คว้ามือออกไปข้างหนึ่ง
“ฟู่!” “ฟู่!” เข็มเงาหยก มุกสีดำ และกำไลเปลือกหอยพุ่งยิงกลับมา พอเขาสะบัดแขนเสื้อมันทั้งหมดก็หายเข้าไปในนั้น
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองค้อนยักษ์สีเงินที่ดูไม่ธรรมดาทั้งสอง หลังจากลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็โยนยันต์เก็บของออกไปสองผืน
แสงสว่างม้วนตัวผ่านไป อาวุธขนาดใหญ่ทั้งสองถูกเก็บเข้าไปในนั้น
หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อออกไป เพื่อเก็บยันต์เก็บของ แต่ขณะนั้นพลันได้ยินเสียงตะคอกด้วยความโมโห
“ไอ้มนุษย์ต่ำทราม บังอาจฆ่าหลานชายข้า ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น!”
เสียงนี้ดังราวกับเสียงฟ้าร้อง!
แม้หลิ่วหมิงจะมีพลังเวทย์ที่บริสุทธิ์และพลังจิตที่แข็งแกร่ง แต่ก็ต้องโอนเอนจนเกือบตกลงจากอากาศ
ขณะเดียวกัน มีเสียงแผดยาวดังจากด้านหลังกองกำลังของเผ่าเจ้าสมุทร เงาร่างพร่ามัวราวกับปีศาจพุ่งยิงเข้ามา มันเปล่งประกายเพียงไม่กี่ที ก็มาถึงกลางสนามรบ
เผ่าเจ้าสมุทรที่ขวางทางอยู่ต่างก็ถูกชนจนกระเด็น เบาหน่อยก็แค่เนื้อหนังถลอกปอกเปิก หนักหน่อยก็กระดูกหักและเสียชีวิต
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงได้สติจากการวิงเวียนศีรษะ เขาเงยหน้าขึ้นมาทันที สถานที่ที่อยู่ห่างจากเขาไปไม่ไกล มีผู้อาวุโสร่างผอมแห้งสวมชุดคลุมสีเงินปรากฏออกมา ดวงตาราวกับนกเขาทั้งสองจ้องมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าเขียวปัด
หลิ่วหมิงมีสีหน้าหนักอึ้ง เขาพลิกฝ่ามือโดยไม่ต้องคิด กระบอกเหล็กสีดำมืดมิดปรากฏออกมา และพอเสียงกลไกลดัง “คร่อกแคร่ก!” ตาข่ายไหมแวววาวก็แผ่คลุมไปยังด้านหน้า ขณะเดียวกันก็มีแสงสีเขียวเปล่งประกายในมืออีกข้าง อึดใจเดียวก็ฟันกระบี่ออกไปสิบกว่าครั้ง
เขาขยับเท้าทั้งสองอย่างไม่รอรี และพุ่งตัวออกไปราวกับลูกธนู
“คิดจะหนีหรือ? เอาชีวิตของเจ้ามาก่อนเถอะ!”
ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งตะคอกออกมา เขาคว้ามือไปทางหลิ่วหมิงโดยไม่สนใจตาข่ายไหมแวววาวกับปราณกระบี่สิบกว่าสายเหล่านั้น
“ฟู่!”
เปลวแสงสีฟ้าพุ่งออกจากตัวเขา พอตาข่ายไหมกับปราณกระบี่สีเขียวเข้าใกล้ ก็ถูกเปลวแสงนี้เผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงที่หลบออกไปสิบกว่าจั้งกลับรู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง พลังมหาศาลระเบิดออกมา จนทำให้เขากระเด็นออกไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขาทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นร่างของเขาก็หนักขึ้นและหยุดลงอยู่กับที่
ฉากนี้ทำให้ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งอุทาน “เอ๋!” ออกมาเบาๆ แต่ต่อมาก็เผยสีหน้าดุร้าย และค่อยๆ งอนิ้วทั้งห้า
“ช้าก่อน!”
ขณะนั้นเอง มีเสียงคนผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลังของนิกายปีศาจ ต่อมาก็มีไอสีดำพวยพุ่งเหนือตัวผู้อาวุโสร่างผอมแห้ง มือปีศาจยักษ์ที่เต็มไปด้วยขนสีเขียวพุ่งออกมาราวกับสายฟ้าแลบ และจับศีรษะของผู้อาวุโสไว้
สีหน้าของผู้อาวุโสเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ฝ่ามือที่ยื่นออกมารีบเปลี่ยนทิศทางไปยังกรงเล็บปีศาจเหนือศีรษะ
“ตู๊ม!
กรงเล็บปีศาจกับฝ่ามือของผู้อาวุโสระเบิดควันสีเขียวออกมา ทันใดนั้นพายุบ้าระห่ำม้วนตัวออกไปรอบทิศทาง กลุ่มการต่อสู้ที่อยู่บริเวณนั้นได้รับคลื่นสั่นสะเทือนจนล้มระเนระนาด ผู้ที่มีพลังเวทย์น้อยหน่อยก็หยุดแสดงวิชาจนร่วงลงมาจากอากาศ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา