พอเหลิ่งเยวี่ยซือไท่ได้ยินเช่นนี้ ก็ใจเต้นขึ้นมา นางจ้องมองผู้อาวุโสอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
“ข้าเป็นนิกายในเผ่ามนุษย์ ถ้าไม่สามารถปกป้องผู้คนในแคว้นได้ นิกายทั้งห้าของพวกข้าจะมีหน้าอยู่ในอวิ๋นชวนได้อย่างไร ศึกในครั้งนี้ ถ้านิกายทั้งห้าของพวกข้าไม่ถูกทำลาย ก็เป็นเผ่าทั้งสามของพวกเจ้าที่ต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก!”
ผู้อาวุโสชุดคลุมสีม่วงได้ยินเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาอย่างอดไม่ได้ ผ่านไปสักครู่ถึงได้ถอนหายใจก่อนกล่าวออกมา
“แม้ข้าจะรู้คำตอบของสหายแต่แรกแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราทั้งสองคงต้องใช้หอกดาบตัดสินว่า แคว้นต้าแสวียนจะตกเป็นของใครแล้วล่ะ”
พอผู้อาวุโสกล่าวจบ ก็ไม่กล่าวอะไรต่ออีกเลย พอสะบัดแขนเสื้อ ร่างของเขาก็ล่องลอยออกไปด้านหลัง
เหลิ่งเยวี่ยซือไท่จ้องมองผู้อาสุโสชุดคลุมสีม่วงจนเขากลับไปถึงค่ายกองกำลังแล้ว นางถึงค่อยหมุนตัวพุ่งกลับไปยังฝั่งมนุษย์
ไม่นาน กองกำลังทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเคลื่อนไหว
เสียงกลองทองคำดังมาจากฝั่งมนุษย์ ทันใดนั้นเสียงร่ายคาถาก็ดังขึ้นมาเป็นระลอกๆ ม่านแสงหลากสีปรากฏออกมา ปกคลุมผู้คนทั้งหมดไว้
แตรสัญญาณดังขึ้นจากทางเผ่าเจ้าสมุทร น้ำทะเลโหมกระหน่ำม้วนตัวขึ้นด้านบน และเกาะติดตามตัวเผ่าเจ้าสมุทรแต่ละคน จนกลายเป็นม่านวารีสีฟ้า
ด้วยระดับการฝึกฝนที่แตกต่างกัน จำนวนชั้นของม่านวารีที่ปกคลุมตัวก็แตกต่างกันไปด้วย
ผู้ที่มีการฝึกฝนระดับต่ำ มีม่านวารีแค่ชั้นสองชั้นเท่านั้น
ผู้ที่มีระดับการฝึกฝนสูง กลับมีม่านวารีมากถึงสี่ห้าชั้น ราวกับว่าร่างของพวกเขาถูกแสงวารีสีฟ้าห่อหุ้มไว้
ทางด้านเผ่าเจ้าสมุทรแสดงวิชาออกมาได้รวดเร็วกว่ามนุษย์มาก
พอม่านวารีก่อตัวเป็นเกราะป้องกัน กลุ่มแสงสีฟ้าก็พุ่งออกมาจากพื้นผิวน้ำ และก่อตัวเป็นมือยักษ์สีฟ้าจำนวนมาก จากนั้นก็บดขยี้ไปยังด้านหน้า
ขณะเดียวกันอสูรสมุทรจำนวนมากก็อ้าปากออกมา ทันใดนั้นศรวารีขนาดเล็ก และเสาวารีขนาดใหญ่ก็โจมตีออกไปอย่างบ้าคลั่ง
มีเสียงดังโครมครามตรงหน้าฝั่งมนุษย์ แสงอันรุ่งโรจน์ และไอน้ำจำนวนมากระเบิดตัวเหนือม่านแสง ทำให้เกราะป้องกันนี้สั่นสะเทือนอยู่ไม่หยุด
ม่านแสงที่มีพลังป้องกันอ่อนแอ แตกกระจายออกมาในทันที ศิษย์ที่อยู่ด้านในถูกโจมตีด้วยวิชาต่างๆ
ขณะนั้นเอง ภายใต้การคำรามอย่างโมโหของอาจารย์จิตวิญญาณฝั่งมนุษย์ พลันมีคนฝั่งนิกายจันทราสวรรค์พุ่งขึ้นฟ้าโดยไม่สนใจการโจมตีนี้ และพอพวกเขายกมือพร้อมกัน กระบี่ก็พุ่งออกไปรวมกัน หลังจากก่อเกิดเป็นแสงกระบี่ สายรุ้งอันครั่นคร้ามที่ยาวสิบกว่าจั้งก็พุ่งออกไป มันกระพริบแค่ทีเดียวก็มาถึงกองกำลังของเผ่าเจ้าสมุทร และวนเป็นเกลียวอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ว่าจะเป็นอสูรสมุทรที่มีเนื้อหนังมังสาอแข็งแกร่ง หรือว่าคนเผ่าเจ้าสมุทรที่สวมเกราะวารีอยู่ พอถูกคลื่นแสงกระบี่สั่นสะเทือน ร่างของพวกเขาก็กลายเป็นสายฝนโลหิตสาดกระจายไปทั่ว
พริบตาเดียวก็มีอสูรสมุทร และเผ่าเจ้าสมุทรเกือบร้อยเสียชีวิตภายใต้แสงกระบี่นี้
“รนหาที่ตาย!”
ผู้แข็งแกร่งบนเกาะแห่งหนึ่งเห็นเช่นนี้ ก็ตะคอกออกมาด้วยความโมโห จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือข้างเดียว
ทันใดนั้น น้ำทะเลด้านล่างก็แยกตัวออก มือยักษ์เกล็ดสีเขียวที่มีขนาดใหญ่หมู่กว่าๆ พุ่งออกมา และคว้าเอาแสงกระบี่ไว้ในมือก่อนที่จะบีบมันจนแตกละเอียด จากนั้นมันก็กลับคืนเป็นกระบินสิบกว่าเล่มร่วงหล่นลงไป
ทันใดนั้นอาจารย์จิตวิญญาณนิกายจันทราสวรรค์สิบคนที่กระตุ้นกระบี่บินอยู่ต่างก็กระอักเลือดออกมา
ประจักษ์ชัดว่าการโจมตีของเผ่าเจ้าสมุทรในครั้งนี้ ทำให้พวกเขาต่างก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
ขณะนี้ พลันมีหมอกโลหิตพวยพุ่งรวมตัวกันอยู่เหนือตำหนักสีเลือดของมนุษย์ จากนั้นมันก็ก่อตัวเป็นดาบโลหิตยักษ์ที่ยาวเจ็ดสิบถึงแปดสิบจั้ง และฟันลงด้านหน้า
“ฟู่!”
แสงคมดาบสีเลือดม้วนตัวไปโจมตีกองกำลังของเผ่าเจ้าสมุทร
มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังออกมา และพออสูรสมุทรที่อยู่บริเวณนั้นสัมผัสกับหมอกโลหิตเหล่านี้ เนื้อหนังของมันก็ค่อยๆ ละลายออกมา และเสียชีวิตทันที
“วิชาดาบโลหิต! สหายเซวี่ยหลิง เจ้าคิดว่าเผ่าเจ้าสมุทรเราไม่มีผู้ฝึกฝนระดับผลึกหรือ?”
พอกล่าวจบก็มีเงาร่างสีเงินพุ่งขึ้นจากเกาะบางแห่งของเผ่าเจ้าสมุทร จากนั้นเขาก็ตบฝ่ามือมายังฝั่งมนุษย์หนึ่งที
ทันใดนั้นคลื่นอากาศสั่นสะเทือนขึ้นมา มือยักษ์สีเงินที่ดูราวกับยอดเขาตบลงมาทางเผ่ามนุษย์อย่างโหดเหี้ยม
ขณะเดียวกัน ก็มีกลิ่นไออันแข็งแกร่งพุ่งออกจากยอดเขาดำของเผ่ามนุษย์ พอแสงสีแดงดำม้วนตัว ลำแสงสีแดงก็ถูกพ่นออกมา มันกระพริบแค่ทีเดียว ก็พุ่งใส่เงาร่างของมือยักษ์สีเงิน
“ตู๊ม!”
มือยักษ์สีเงินถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงอันคุโชน จากนั้นก็กระพริบหายไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา