แต่ผู้อาวุโสแซ่ลี่เป็นถึงผู้ฝึกฝนระดับผลึก พอเจอสถานการณ์เช่นนี้ ก็หยุดอยู่เหนือยอดเขาลูกหนึ่ง และหัวเราะออกมา
“เจ้าเด็กน้อย คิดจริงๆ หรือว่าซ่อนตัวแล้วข้าจะหาเจ้าไม่พบ แม้ฝ่ามือเมื่อครู่จะเอาชีวิตเจ้าไม่ได้ แต่ก็ทำให้ร่างกายของเจ้ามีกลิ่นไอของข้าติดไปด้วย ด้วยพลังจิตที่แข็งแกร่งของข้า สามารถหาเจ้าได้อย่างง่ายดาย!”
พอกล่าวจบ ผู้อาวุโสแซ่ลี่ก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว และเอานิ้วมือแตะหน้าผาก
“ฟู่!” พลังจิตอันแข็งแกร่งพุ่งออกจากร่างของผู้อาวุโส มันกลิ้งไปมาบนอากาศ และปกคลุมไปทั่วทิศ ไม่ว่าจะเป็นพื้นดินในป่า ล้วนถูกพลังจิตกวาดดูจนทั่ว
ผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรมีท่าทีสงบราวกับคนตกปลาที่รอปลามาติดเบ็ด แต่พอใช้พลังจิตกวาดดูพื้นที่บริเวณนั้นเจ็ดแปดรอบ และไม่ค้นพบผลลัพธ์ใดๆ เขาก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา
จากการตรวจดูกลิ่นไอของตนเอง รับรู้ได้อย่างลางๆ ว่า หลิ่วหมิงอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้อย่างแน่นอน แต่พอใช้พลังจิตตรวจสอบจริงๆ กลับไม่หาสามารถหาตำแหน่งที่แน่นอนได้
หลังจากคิดวกไปมาสองสามรอบ ก็เปลี่ยนท่ามือในฉับพลัน อักขระโลหิตบนร่างกับปีกแสงโลหิตตรงหลังค่อยๆ แตกกระจายเป็นจุดๆ จากนั้นก็กลายเป็นแมลงปีกแข็งสีเลือดที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่ว
แมลงปีกแข็งสีเลือดเหล่านี้ มีรูปร่างโปร่งใสไปทั้งตัว แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่ร่างที่แท้จริง แต่พอมันส่งเสียงดังหวึ่งๆ ก็พุ่งยิงออกไปรอบทิศทาง
บ้างก็ทะลุผ่านต้นไม้ไป บ้างก็บินจมหายเข้าไปใต้ดิน บ้างก็จมหายเข้าไปในเขาลูกเล็กๆ
ส่วนผู้อาวุโสก็รีบนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ หลับตาทั้งคู่ลงอย่างเงียบๆ และไม่กล่าวอะไรออกมาอีก
นี่เป็นเคล็ดวิชาเฉพาะที่ผู้อาวุโสฝึกฝน!
แมลงปีกแข็งมหัศจรรย์เหล่านี้ ไม่มีพลังการโจมตีเลยแม้แต่น้อย และไม่อาจรับคำสั่งที่ซับซ้อนได้ แต่พอเชื่อมต่อกับจิต ของผู้อาวุโส พวกมันแต่ละตัวสามารถเป็นดวงตาให้เขาได้
แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีสถานที่บางแห่งที่สามารถตบตาเขาได้ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
……
แมลงปีกแข็งสิบกว่าตัวจมหายไปในไหล่เขาบางแห่ง และแยกตัวกันตามหาทั่วทิศ
บ้างก็บินเหนือยอดเขา บางก็ร่อนลงบนพื้น
แต่ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็ค้นพบถ้ำตามธรรมชาติ กับลำน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดินลึก
แมลงปีกแข็งสีโลหิตเหล่านี้ ค้นหาในถ้ำและแม่น้ำอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ค้นพบหลิ่วหมิงแต่อย่างใด จากนั้นก็พากันบินไปยังพื้นที่แห่งอื่นๆ อย่างไม่ลังเล
และในลำน้ำที่ดูใสแจ๋วเป็นพิเศษ มีปลาสีขาวหลายตัวกำลังแหวกว่ายอยู่ในนั้น
ทันใดนั้นปลาเล็กๆ ตัวหนึ่งที่ไปว่ายข้างหน้ากลับต้องกระเด็นกลับมา มันกับชนโดนอะไรบางอย่างจนมีวงน้ำเกิดขึ้นบนพื้นผิว แต่ครู่เดียวก็กลับมาเป็นปกติ
ปลาเล็กๆ สะบัดหางใส่ตรงหน้าสองสามที จนเมื่อแน่ใจว่าไม่สามารถพุ่งผ่านไปได้ ก็ว่ายอ้อมผ่านสิ่งของนั้นไป
ขณะนี้ ถ้ามีคนสามารถมองทะลุได้ล่ะก็ จะพบว่าในลำน้ำตรงหน้า มีม่านวารีใสแจ๋วอยู่บนร่างหลิ่วหมิง ซึ่งมันเหมือนกับพื้นผิวของน้ำไม่มีผิด และมือทั้งสองของเขาก็ถือธงเล็กสีฟ้าที่สูงหลายชุ่นไว้หนึ่งอัน ด้านหน้าเขามีมุกสีดำที่ถูกหมอกวารีหนาๆ ปกคลุมอยู่
น้ำใสๆ ไหลออกจากธงเล็กสีฟ้าเข้าไปในม่านวารีอยู่ไม่หยุด
หมอกวารีหนาแน่นที่มุกสีดำแผ่ออกมาปกคลุมไปทั่วพื้นที่ในม่านวารี ทำให้ในนั้นดูมัวๆ ราวกับว่าเป็นละอองฝนเล็กๆ
หลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิ หลับตาทั้งคู่ และไม่มีการหายใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาได้ตายไปแล้ว
แต่พอมองอย่างละเอียด ก็ค้นพบว่าตรงหลังของเขามียันต์สีดำสองผืน ที่แปะตัดสลับกันอยู่ มันเปล่งแสงแวววาวปกคลุมอาการบาดเจ็บของเขาไว้
ผู้อาวุโสแซ่ลี่ควบคุมแมลงปีกแข็งให้ทำการค้นหาอยู่นานครึ่งชั่วยาม พอมีเสียงดังออกจากร่างของเขา อักขระสีเลือดที่เหลืออยู่ก็แตกกระจาย สีหน้าของเขาดูไม่ได้เป็นอย่างมาก
เกือบจะในเวลาเดียวกัน แมลงปีกแข็งสีเลือดที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ก็ค่อยๆ ระเบิดตัวออกมา จนไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว
“ไม่คิดว่าจะสามารถหลบพลังจิตกับแมลงปีกแข็งจิตวิญญาณของข้าในเวลาเดียวกันได้! ดูท่าเจ้าเด็กมนุษย์นี่คงมีของวิเศษอะไรคุ้มกันตัวอยู่ ถึงได้หลบซ่อนได้ดีเช่นนี้ แต่ไม่เป็นไร! ข้ามีวิธีบีบเจ้าออกมาอยู่!” สีหน้าผู้อาวุโสแซ่ลี่เปลี่ยนไปมา และถอนหายใจก่อนกล่าวพึมพำกับตัวเอง
จากนั้นร่างของเขาก็พร่ามัวทะยานขึ้นฟ้า และมาปรากฏตัวกลางอากาศที่สูงพันกว่าลี้ เขาสะบัดแขนเสื้อ และทุบฝ่ามือลงด้านล่าง
“ฟู่!”
เงาฝ่ามือสีเทาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นใต้ร่างผู้อาวุโส มันปล่อยสายฟ้าสีเงินฟาดฟันใส่ยอดเขาด้านล่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา